บิ๊กแมตช์ไทยลีก "เดอะกล๊าสแร็บบิต" บางกอกกล๊าส เอฟซี หวังใช้ความได้เปรียบ การเล่นในสนามหญ้าเทียม สยบผู้มาเยือนจากแดนอีสาน "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่มาขอแบ่งแต้ม ให้ราบคาบ ด้าน "โลมามหาภัย" พัทยา ยูไนเต็ด หวังสร้างเซอร์ไพรส์ ปราบจ่าฝูง "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง ฟุตบอล "สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2010" วันที่ 26 ก.ย. นี้

สะท้านปฐพีย่านคลอง3 เมื่อ "เดอะกล๊าสแร็บบิต" บางกอกกล๊าส เอฟซี จะเปิดรังรับการมาเยือนของ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ซึ่งทาง คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัลโญ่ กุนซือเจ้าถิ่นหวังใช้ความได้เปรียบการเล่นในสนามหญ้าเทียม สยบผู้มาเยือนให้ราบคาบให้จงได้ ขณะที่   "โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษปาคม เฮดโค้ชของทีมจากแดนอีสาน ขอเพียงแค่ผลเสมอน่าจะพอใจมากที่สุด แต่ยันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ "บอสเน" พอใจ ส่วน "น้าเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช ชายสมองเพชรของ "แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด ต้องการให้ลูกทีมเล่นเพื่อแบ่งแต้ม เนื่องจากยอมรับว่าสู้ท่าเรือไม่ได้ ด้าน "มูรินโญ่เมืองไทย" สะสม พบประเสริฐ แห่ง "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี หวังระบายความอัดอั้นอัดทีมของกรุงเทพฯให้สบายเท้า ขณะที่ "โค้ชยง" ชัยยง ขำเปี่ยม กุนซือ "สุภาพบุรุษโล่เงิน" อินทรีเพื่อนตำรวจ หวังเอาชนะอดีตแชมป์ไทยลีกครั้งที่ 9 อย่าง ทีทีเอ็ม พิจิตร เพื่อการันตีการอยู่รอดปลอดภัยในลีกสูงสุด ด้าน โจเซ่ อัลเวช เบอร์วิส หัวหน้า "สิงห์เหนือ" ขอแบ่งคะแนนจากถิ่นสีกากี หลังตัวเจ็บอื้อซ่า

 

สุดท้าย "วังลันตา" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล กุนซือ "โลมามหาภัย" พัทยา ยูไนเต็ด หวัง ปราบจ่าฝูงต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง ด้าน เรเน่ เดอซาเยียร์ โค้ชมันสมองของ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ต้องการให้ลูกทีมไล่อัดจากสโมสรบูรพา เพื่อตุน 3 แต้มและรอคว้าแชมป์ไทยลีก ในสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก 2010 วันอาทิตย์ที่ 26 ก.ย.นี้

     

"บีจี"เปิดศึกฉะ"ปราสาทสายฟ้า

 

ศึกลูกหนัง "สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2010" เกมวันอาทิตย์ที่ 26 ก.ย.นี้ มีดวลแข้งกันถึง 4 คู่จาก 4 สนาม เริ่มต้นด้วยคู่ "บิ๊กแมตช์" ที่สนาม ลีโอ สเตเดี้ยม "เดอะกล๊าส แร็บบิต" บางกอกกล๊าส เอฟซี อันดับที่ 4 ในตาราง เปิดบ้านต้อนรับ "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่ 3 ของตาราง เริ่มเวลา 18.00 น. โดยผลที่เจอกันในเลกแรกปรากฏว่า "บีจี" บุกไปแพ้มาก่อน 1-3 จะมีการถ่ายทอดสดให้แฟนบอลได้ชมกันถึงบ้านทาง ที-สปอร์ต
 
เกมนี้ บางกอกกล๊าส เอฟซี ภายใต้การคุมทีมของ คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัลโญ่ หมดสิทธิ์ใช้งาน ซามูเอล อาจายี่ ที่ติดโทษแบน แต่ยังคงจัดทัพชุดใหญ่ตามเดิมในระบบ 4-4-2 ซึ่ง กฤษกร เกิดผล จะรับหน้าที่เฝ้าเสา แบ็กซ้ายเป็น ศุภชัย คมศิลป์ ทางขวาให้ ทนงศักดิ์ ประจักกะตา ทำหน้าที่
 
เซนเตอร์เป็นการจับคู่กันของ อำนาจ แก้วเขียว กับ ภานุวัฒน์ ไฟไหล แดนกลางใช้ มูสซ่า ซิลล่า คอยตัดเกม ปล่อยให้ ฟาบิโอ ทำเกม โดยขนาบข้างซ้าย-ขวาด้วย คูนิฮิโกะ ทากิซาวะ และ อนาวิน จูจีน กองหน้าเป็นการจับคู่กันของ ไมเคิ่ล โทมัส เบิร์น กับ ชาตรี ฉิมทะเล
 
คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัลโญ่ กุนซือ "เดอะกล๊าสแร็บบิต" บางกอกกล๊าส เอฟซี กล่าวว่า "มันเป็นเกมที่ค่อนข้างยากอีกหนึ่งนัด เพราะเราต้องทำศึกบิ๊กแมตช์กับทีมที่มีประสิทธิภาพ ในเกมรุกยอดเยี่ยมอีกหนึ่งสโมสร แต่การได้เล่นในบ้านเราย่อมได้เปรียบ ทั้งเรื่องของพื้นสนามที่มีความคุ้นเคยกว่า และเสียงเชียร์จากแฟนบอลที่คาดว่าน่าจะเข้ามากันจนแน่นสนาม แน่นอนว่าเราจะเปิดเกมบุกตั้งแต่ต้น เพื่อคว้าชัยชนะให้ได้"

     เด็ก "บอสเน" ขอลุ้นแบ่งแต้ม

 
ส่วนทางฝั่งของ บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่มี "โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษปาคม นั่งแท่นคุมทัพอยู่นั้น จะไรเงาของ ดูดู้ ดาวยิงฟอร์มฮอตจากบราซิล ที่ติดโทษแบน แต่จะมาในระบบ 4-4-2 เช่นกัน นำโดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ที่จะเป็นผู้รักษาประตู
 
กองหลังตัวกลางเป็นการจับคู่กันของ โคเน่ เซย์ดู กับ ทรงศักดิ์ ชัยสมัคร ฮาล์ฟขวามี ไพรัช ทับเกตุแก้ว ด้านซ้ายยังเป็น ธีรธร บุญมาทัน ประจำการตามเดิม ขยับขึ้นมาในแดนกลาง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชติ จะเดินเกมร่วมกับ รัตนะ เพ็ชรอาภรณ์ กราบซ้าย คนึง บุราณสุข ทางขวามี สุเชาว์ นุชนุ่ม ส่วนคู่ศูนย์หน้าเป็นการจับคู่กันของ สุริยา ดอมไธสง และ กีรติ เขียวสมบัติ
 
"โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษปาคม เฮดโค้ช "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมนี้ว่า "เป็นเกมที่ยากมากอีกครั้ง เนื่องจากผู้เล่นของเราไม่มีความคุ้นเคยกับสภาพสนาม ที่เป็นหญ้าเทียมแบบนี้มาก่อน ซึ่งเราคงจะต้องเล่นแบบรัดกุมมากที่สุด และช่วงชิงจังหวะการเข้าทำให้ได้ อย่างน้อยจะต้องมีแต้มออกมาจากเกมแมตช์นี้"

    

"แข้งเทพ" ต้องมีแต้มเพื่อหนีตาย

 
ขณะที่สนาม ม.กรุงเทพ รังสิต "แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมบ๊วยของตาราง จะเปิดรังต้อนรับการมาเยือนของ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ที่เพิ่งอกหักมาจากศึก เอเอฟซี คัพ เริ่มซัดกันในเวลา 17.00 น. ซึ่งคู่นี้ทาง ฟุตบอลสยามทีวี ดีทีวี 50 จะดำเนินการถ่ายทอดสด ให้แฟนบอลได้รับชมกันถึงบ้าน
 
ซึ่งสภาพทีมของ แบงค็อก ยูไนเต็ด จะไร้เงา พลวัฒน์ ปิ่นกอง ที่ติดโทษแบน แต่ "น้าเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช กุนซือใหญ่ของทีม ยังคงเล่นในระบบ 4-4-2 ซึ่ง วีระ เกิดพุดซา จะรับหน้าที่เป็นนายทวารตามเดิม แบ็กซ้ายต้องขยับมาใช้ ปรีชา ชาวกล้า ด้านขวาเป็น ทรงศักดิ์ เฮมเขียว
 
กองหลังตัวกลางอย่าง ปฏิภาณ เพชรพูล และ รุ่งโรจน์ สว่างศรี ที่มีดีกรีถึงอดีตทีมชาติไทยจะลงเล่นตามเดิม ขยับมาดูกันที่ปีกซ้ายมี ซารีฟ สายนุ้ย ทางขวาให้ ไกรสร ปั้นเจริญ กระชากลากเลื้อย ปล่อยให้ ธนัตถ์ วงศ์ศุภลักษณ์ ปั้นเกมร่วมกับ ชีค อาบิด และ แม็กซิม กองหน้าร่างยักษ์จากฝรั่งเศส จะลงล่าตาข่ายร่วมกับ วุฒิพงศ์ เกิดกุล
 
"น้าเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช เฮดโค้ชสมองเพชรของ "แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า "มันไม่มีทางเลือกอีกต่อไปสำหรับลูกทีมของผม เพราะเราต้องการเก็บคะแนนไม่ว่าจะเสมอหรือชนะ ให้ได้ในทุกๆ นัดที่ลงสนาม เพื่อการลุ้นหนีตกชั้น แต่เกมที่จะเจอกับ การท่าเรือฯ เราคงจะเล่นแล้วโต้กลับ เนื่องจากรู้ศักยภาพตัวเองว่าเป็นรอง"

    

"เจ้าท่า" มองถึงชัยชนะอย่างเดียว

 
ส่วน "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ หัวหน้าทัพ การท่าเรือไทย เอฟซี จะไม่มีโอกาสได้ใช้ มอยเซ่ และ นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ ที่ติดโทษแบน แต่ยังสามารถใช้นักเตะที่เล่นทดแทนได้ ในระบบ 4-4-2 โดยผู้รักษาประตูใช้ ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ แบ็กซ้ายใช้ พงษ์พิพัฒน์ คำนวน ทางขวาให้ รังสรรค์ เอี่ยมวิโรจน์ ทำเกมตามเดิม
 
คู่เซนเตอร์เป็นหน้าที่ของ ทศพล ลาเทศ กับ มาริโอ้ ดา ซิลวา แดนกลาง จักรกริช บุญคำ จะบัญชาเกมร่วมกับ เกียรติเจริญ เรืองปาน โดยมี ใหญ่ นิลวงศ์ กับ จีระวัฒน์ มัคคะรมย์ ทำเกมริมเส้นซ้ายขวา และ จาค็อป จะเล่นเป็นกองหน้ากับ "โจ้ 5 หลา" ศรายุทธ ชัยคำดี
 
"โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ เฮดโค้ช "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี บอกว่า "ถือเป็นเกมที่สำคัญอีกนัด เพราะเราเพิ่งล้ามาจากเกม เอเอฟซี คัพ อีกทั้งทีม แบงค็อก เป็นทีมที่เล่นในบ้านได้ดี แต่เราคงจะไม่มีทางอื่น นอกจากสร้างเกมรุกเหมือนที่เราทำตลอด เพื่อการคว้า 3 แต้ม ตามเป้าหมายของเราให้ได้"

    

โปลิศเน้น 3 แต้มเพื่ออยู่รอด

 
คู่ต่อมาที่สนาม มธ.รังสิต เป็นการเจอกันของ "สุภาพบุรุษโล่เงิน" อินทรีเพื่อนตำรวจ อันดับที่ 10 เปิดบ้านพบกับ "สิงห์เหนือ" ทีทีเอ็ม พิจิตร ที่ 11 ของตาราง โดยผลนัดแรกที่พบกันนั้น "โปลิศ" บุกไปมาชนะมาได้ก่อน 1-0 ซึ่งจะมีการถ่ายทอดทาง สทท.11 กรมประชาสัมพันธ์
 
โดย "โค้ชยง" ชัยยง ขำเปี่ยม กุนซือ อินทรีเพื่อนตำรวจ จะไม่มีกองกลางหัวใจสำคัญอย่าง ธนพัต ณ ท่าเรือ กับแบ็กขวาตัวกลั่นอย่าง สุรชาติ สารีพิมพ์ ที่ติดโทษแบน
 
ดังนั้นพวกเขาจะมาในระบบ 4-4-2 ซึ่งนายทวารเป็นหน้าที่ของ สมพงษ์ ยอดอาจ ฮาล์ฟ ซ้ายมี กฤษฎี ประกอบของ และ วู ฮุน กับ ชาง ซู วอน จะยืนเป็นเซนเตอร์ ปล่อยให้ ศรันยู อินต๊ะราช ทำเกมด้านขวา ทาคาฮิโร่ คาวามูระ กับ อัสมิง แม จะเดินเกมในแดนกลางร่วมกัน ปีกซ้ายตัวจี๊ดทั้ง 2 ฝั่งอย่าง จักรพันธ์ พรใส กับ ชาคริต บัวทอง จะลงสนามแน่นอน ในแดนหน้า พิเชษฐ์ อินทร์บาง กับ เฟลิเป้ แฟไรร่า ลงล่าตาข่ายในเกมนี้
 
"โค้ชยง" ชัยยง ขำเปี่ยม กุนซือ อินทรีเพื่อนตำรวจ กล่าวว่า "เราจะต้องไม่ประมาทกับเกมนี้ เพราะแม้ว่าคะแนนจะอยู่เหนือกว่าพวกเขา แต่ผมต้องการให้ลูกทีมเปิดเกมรุกเข้าสู้ เนื่องจากรู้ดีว่าคู่ต่อสู้มาแบบไม่ฟูลทีม เพื่อจะเก็บ 3 แต้ม การันตีการอยู่รอดในไทยลีก"

    

ทีทีเอ็มต้องการผลเสมอเท่านั้น

 
ฝั่ง โจเซ่ อัลเวช เบอร์วิส เฮดโค้ชของ ทีทีเอ็ม พิจิตร จะไม่มี ฮิโรยูกิ ยามาโมโต้, วัลซี่ จูเนียร์ และ เจษฎา บุญเรืองรอด ที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังคงใช้ระบบการเล่นแบบ 4-4-2 ซึ่ง แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม จะรับบทนายทวารตามเดิม แบ็กซ้ายเป็น วัชระ มหาวงศ์ ทางขวาให้ นิติพงษ์ ไสยสิทธิ์
 
กองหลังเป็น ธนา ศรีพันดร กับ โคเบนาน ลีออน ปีกซ้าย-ขวาใช้ ชัชปภพ อุตสาพรหม กับ ณรงค์ จันเสวก ตามลำดับ โดยมี กอบเดช ชอบมโนธรรม และ ดีเอโก้ ทำเกมในแดนกลาง คู่หน้าเป็นการจับคู่กันของ ไกรกิตติ อินอุเทน กับ ไกรสรณ์ ศรียันต์
 
โจเซ่ อัลเวช เบอร์วิส เฮดโค้ชของ "สิงห์เหนือ" ทีทีเอ็ม พิจิตร ให้สัมภาษณ์ว่า "เป็นเกมที่เราจะเล่นด้วยความลำบากอย่างมาก เพราะเรามีผู้เล่นได้รับบาดเจ็บหลายคน คงจะต้องเล่นในแบบรับแล้วหาจังหวะสวนกลับ อย่างน้อยการได้ผลเสมอออกมา น่าจะเป็นผลดีของเราเลยทีเดียว"

    

"วังลันตา" ลั่นจะเปิดเกมแลกกับจ่าฝูง

 
ปิดท้ายกันที่สนามเทศบาลเมืองหนองปรือ "โลมามหาภัย" พัทยา ยูไนเต็ด อันดับที่ 6 ของตาราง เปิดบ้านรับมือกับจ่าฝูงอย่าง "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเกมที่พบกันมาในเลกเรกปรากฏว่า ทีมจากทิศบูรพาบุกไปพ่ายมาก่อน 0-1
 
ซึ่ง "โค้ชวัง" วัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เฮดโค้ช พัทยา ยูไนเต็ด จะไม่มี สมภพ นิลวงศ์ กับ เฌเรมี่ โนเวโร่ ที่มีอาการบาดเจ็บ แต่ยังคงจะเล่นในระบบ 4-4-2 ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้บริการของ นริศ ทวีกุล ในตำแหน่งผู้รักษาประตู แบ็กขวาเป็นหน้าที่ของ ทศพล การปลูก และ อนุชา กิจพงษ์ศรี จะยืนด้านซ้าย เซนเตอร์คู่ใช้ นิเวส ศิริวงศ์ กับ อาร์รินโด้
 
ขณะที่แผงกลางมี อิทธิพล พูลทรัพย์ กับ อตานาซ คอยขับเคลื่อนเกม ปีกซ้ายตกเป็นของ สันติ ไชยเผือก ทางขวาให้ ธีระเวคิน สีหวงศ์ ลากเลื้อย โดยมี ลูโดวิค ทาคาม จับคู่กับ ธนา ชะนะบุตร ในตำแหน่งคู่หัวหอก
 
"โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล เฮดโค้ช "โลมามหาภัย" พัทยา ยูไนเต็ด กล่าวว่า "เรารู้ดีว่าคู่ต่อสู้อย่าง เมืองทองฯ เป็นทีมที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่การได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลของเรานั้น จะทำให้ทุกคนรู้ดีว่าต้องสู้แบบเต็มที่ เพื่อหวังในการคว้าชัยชนะให้ได้"

    

"กิเลนผยอง" ลุ้นเก็บ 3 แต้มนอกบ้านนัดที่ 7

 
ส่วน "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ที่มีสถิติการเล่นเป็นทีมเยือนนั้น เล่นไป 11 นัด ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 3 ได้ 18 เสีย 8 เก็บแต้มได้ถึงได้ 20 คะแนน จะลงเล่นเพื่อควานหาชัยชนะนัดที่ 7
 
ซึ่ง เรเน่ เดอซาเยียร์ จะไม่มี ปิยะชาติ ถามะพันธ์ ที่ติดโทษแบน แต่คาดว่าน่าจะเล่นในระบบ 4-4-2 ซึ่ง กวิน ธรรมสัจจานันท์ จะกลับมาเล่นในตำแหน่งนายทวาร แผงกองหลังคู่เซนเตอร์ เจษฎา จิตสวัสดิ์ กับ ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ จะลงเล่นด้วยกัน แบ็กซ้ายใช้ ไพฑูรย์ นนทะดี ด้านขวา จักรพันธ์ แก้วพรม
 
แดนกลางให้ ดัสกร ทองเหลา ปั้นเกมร่วมกับ ดักโน่ เซียก้า พร้อมทั้งมี อมร ธรรมนาม เดินเครื่องตรงริมเส้นด้านซ้าย ก่อนที่ คริสเตียน เคาคู จะได้เล่นทางขวา แดนหน้าใช้บริการของ โคเน่ โมฮาเหม็ด จับคู่กับ "เจ้ามุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา
 
เรเน่ เดอซาเยียร์ แม่ทัพ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ให้สัมภาษณ์ว่า "เราได้พักนักเตะตัวหลักๆ ไว้ หลังจากเกม เอเอฟซี คัพ และต่อด้วย โตโยต้า ลีก คัพ ทำให้สภาพทีมค่อนข้างพร้อมเลยทีเดียว ซึ่งเราพร้อมแล้วที่จะไปเล่นเกมบุกที่เป็นสไตล์หลัก และจะขอเก็บชัยชนะรักษาความได้เปรียบในการคว้าแชมป์ไทยลีก"