ตรวจ 2 สนามสุดท้าย ราชนาวี-ระยอง และ พัทยา ยูไนเต็ด ทีมงาน เอเอฟซี พอใจสนามกีฬากลาง จ.ระยอง รังเหย้าของทีม "ม้านิลมังกร" พร้อมแนะให้ปรับปรุงเรื่องของเอกสารการเงิน และเอกสารต่างๆ ภายในทีม ให้เป็นระบบอินเตอร์ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ภายในทีม

 ความเคลื่อนไหวของ การประเมินคะแนนมาตรฐานทีมจาก ไทยลีก ของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ที่เดินทางมาตรวจทั้ง 16 สโมสรตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ต .ค. ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปตรวจสนามของ ราชนาวี-ระยอง และ พัทยา ยูไนเต็ด ซึ่งถือเป็นการตรวจวันสุดท้าย ก่อนจะมีการประกาศผลวันที่ 24 พ.ย. 2553 นี้
         โดยช่วงเวลา 08.00 - 13.00น.  เอเอฟซี นำโดย ซูซูกิ โตกูยากิ, ผอ.ฝ่ายจัดการแข่งขันของเอฟเอฟซี, มักซาร์ คริสมาเมียร์ดอฟ, ผจก.โครงการพัฒนา, ฌอน  โทฮีดี้ ผอ.ฝ่ายสื่อสารมวล, ไบรอัน  ครานซ์ ผจก.ฝ่ายตรวจสอบบัญชี และคัน ฮุ่ย หมิง พร้อมด้วย ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสนามกีฬากลาง จ.ระยอง รังเหย้าของทีม "ม้านิลมังกร" ราชนาวี-ระยอง
         ส่วนเรื่องของสภาพสนาม แม้ว่าสภาพจะไม่สมบูรณ์ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการปรับปรุง แต่ก็เป็นที่น่าพอใจ กับสภาพสนามและอัฒจันทร์ที่นั่งต่างๆ แยกกันออกอย่างเป็นสัดส่วน สภาพเรียบร้อยมีรั้วรอบขอบกั้นมิดชิด

         นอกจากนี้ เอเอฟซี ชี้แจงเพิ่มเติมว่าต้องปรับปรุงเรื่องของเอกสารการเงิน และเอกสารต่างๆ ภายในทีม ให้เป็นระบบอินเตอร์ หรือให้มีเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ภายในทีม
         จากการตรวจสอบของทางเอเอฟซี แนะนำเพิ่มเติมให้ทางทีมงานปรับปรุงเรื่องของสถานที่นั่งของสื่อมวลชน และแยกทางเดินของสื่อมวลชนให้เป็นสัดส่วนที่ชัดเจน โดยปัจจุบันทางเดินขึ้นของสื่อมวลชน ยังไม่เป็นสัดส่วนที่ชัดเจนซึ่งยังต้องใช้เป็นทางเดินขึ้น-ลง ผ่านที่นั่งของกองเชียร์อยู่

         นอกจากนี้ทางทีมงานของ เอเอฟซี ยังเดินทางออกจากสนามกีฬากลาง จ.ระยอง เพื่อมาตรวจสอบเพิ่มที่สนามกีฬาราชนาวี สัตหีบ (กม.5 สัตหีบ) ที่เป็นสนามฝึกซ้อมของทีมราชนาวี-ระยอง ผลการตรวจเป็นที่น่าพอใจกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งทาง เรืองฤทธิ์ แสงแก้ว หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีม เผยว่าทางสโมสรยินดีที่จะทำตามคำแนะนำของ เอเอฟซี เพื่อให้ประเทศไทยผ่านการประเมินครั้งนี้
         "จากการตรวจสนามกีฬากลาง ระยอง ที่มีการให้ปรับปรุงแก้ไขเรื่องต่างๆ ก็ต้องยกให้ทางด้าน จังหวัดระยองเป็นผู้ปรับปรุงดูแลเพิ่มเติม ส่วนที่สนามกม.5 สัตหีบ แห่งนี้ก็เป็นที่น่าพอใจของคณะตรวจสอบ ว่าเป็นสนามที่อยู่ในสภาพที่ดี ซึ่งหากทางเอเอฟซี ต้องการให้ใช้สนามแห่งนี้ เป็นสนามเหย้าก็สามารถที่จะทำได้เช่นกัน 
         ซึ่งงบประมาณในการเสริมเพิ่มเติมความพร้อมของสนามในฤดูกาลหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ 17 ล้านบาท โดยจะเพิ่มไฟให้ได้มาตรฐานที่ 1,200 ลักซ์ และปรับปรุงเรื่องของอัฒจันทร์ที่นั่งกองเชียร์ ให้เป็นสัดส่วน พร้อมด้วยกั้นรั้วรอบสนามเพิ่มเติม"