ไทยลีกนัดสุดท้าย หวดกันสะเด่า พร้อมกัน 8 คู่ แถมยิงสดทุกสนาม โดยหลายยังมีลุ้นทำอันดับให้ดีที่สุด เพื่อคว้าเงินรางวัล ขณะที่ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด รอฉลองแชมป์ยิ่งใหญ่ หลังจบเกมกับ ทีโอที ซึ่ง ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ จะเป็นประธานมอบถ้วย ฝั่ง บุรีรัมย์ พีอีเอ ขอเปิดบ้านเชือด อินทรีเพื่อนตำรวจ คว้าตำแหน่งรองแชมป์ เช่นเดียวกับ ชลบุรี ที่หวังบุกสยบ โอสถสภา เข้าป้ายอันดับ 2 ของฤดูกาลนี้

       ฟุตบอล "ไทยพรีเมียร์ลีก 2010" เดินทางมาถึงเกมในนัดสุดท้ายของฤดูกาลกันแล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 24 ต.ค.นี้ โดยจะลงสนามพร้อมกันในเวลา 16.30 น.ทั้ง 8 คู่ พร้อมกับจะมีการถ่ายทอดสดให้แฟนบอลได้ติดตามชมกันทั้ง 8 คู่

         โดยโปรแกรมนัดสุดท้าย บางกอกกล๊าส เอฟซี เปิดบ้านลีโอ สเตเดี้ยม พบ การท่าเรือไทย เอฟซี ที-สปอร์ต ถ่ายทอดสด, ทีโอที แคท เล่นที่ยามาฮ่า สเตเดี้ยม พบกับ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ช่อง 11 ถ่ายทอดสด, บุรีรัมย์ พีอีเอ เล่นที่ไอ-โมบาย สเตเดี้ยม พบ อินทรีเพื่อนตำรวจ ฟุตบอลสยามทีวี ดีทีวี 50 ถ่ายทอดสด, พัทยา ยูไนเต็ด เล่นที่เทศบาลหนองปรือ พบ ศรีสะเกษ เอฟซี สยามกีฬาทีวี เอ็นบีที 19 ถ่ายทอดสด,

         โอสถสภา เอ็ม-150 สระบุรี เล่นที่ อบจ.สระบุรี พบ ชลบุรี เอฟซี ทรู สปอร์ต 2 ถ่ายทอดสด, ทีทีเอ็ม พิจิตร เล่นที่ อบจ.พิจิตร พบ บีอีซี เทโรศาสน ทรู สปอร์ต 5 ถ่ายทอดสด, แบงค็อก ยูไนเต็ด เล่นที่ ม.กรุงเทพ รังสิต พบ เอสซีจี สมุทรสงคราม ทรู สปอร์ต 6 ถ่ายทอดสด และ ทหารบก เล่นที่สนามกีฬากองทัพบก พบ ราชนาวี-ระยอง สตาร์ซอคเก้อร์ทีวี ดีทีวี 51 ถ่ายทอดสด 

         ซึ่งหลังจบการแข่งขัน จะมีการมอบถ้วยให้กับทีมแชมป์ทันที ซึ่งตกเป็นของเมืองทองฯ ยูไนเต็ด อีกสมัย โดย ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะเป็นประธานมอบถ้วยรางวัล   

ต่างลุ้นแย่งอันดับล่าเงินรางวัล

         สำหรับเกมไทยลีกนัดส่งท้ายไม่มีการลุ้นแย่งแชมป์หรือหนีตกชั้นแล้ว แต่ว่าหลายๆ ทีมยังลุ้นที่จะติดอันดับ 1 ใน 8 ให้ได้ เพราะยังมีเงินรางวัลให้แย่งกัน โดยตามเกณฑ์ของ กกท.ทีมแชมป์จะได้รับ 10 ล้านบาท รองแชมป์ 2 ล้านบาท อันดับสาม 1.5 ล้านบาท อันดับสี่ 8 แสนบาท อันดับห้า 7 แสนบาท อันดับหก 6 แสนบาท อันดับเจ็ด 5 แสนบาท และอันดับแปด 4 แสนบาท ซึ่งจะทำให้เกมหลายคู่ยังลุ้นกันสนุกอยู่   

"กิเลน" เตรียมฉลองแชมป์ยิ่งใหญ่

         คว้าแชมป์ไปครองแล้วเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน สำหรับ "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด หลังจากเกมล่าสุดบุกไปเสมอ เอสซีจี สมุทรสงครามได้ 0-0 ทำให้มี 64 แต้ม ทิ้งห่างบุรีรัมย์ พีอีเอ ถึง 4 แต้มด้วยกัน ทำให้เกมนัดสุดท้ายกับ ทีโอที ไม่มีผล ทำให้หลังจบเกมทีมจะมีการฉลองแชมป์ไทยลีกกันทันทีด้วยการรับมอบถ้วยแชมป์

         โดย "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผจก.ทั่วไปเผยว่า การฉลองความสำเร็จจะไม่มีอะไรมากนัก ก็คงเปิดให้แฟนบอลได้ร่วมถ่ายรูปกับนักเตะอย่างเต็มที่เท่านั้นก่อน เพราะทีมยังมีภารกิจในการลงแข่งฟุตบอล เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ กับ ราชประชา นนทบุรี ในวันที่ 27 ต.ค.รออยู่ รวมถึงแมตช์ โตโยต้า ลีก คัพ ด้วย ซึ่งยังคงเป็นความหวังของทีมที่จะคว้าแชมป์ให้ได้ทั้ง 3 รายการ   

โรเตชั่นตัวเน้นความสดสู้

         ส่วนเกมส่งท้ายนี้ ทาง เรเน่ เดอซาเยียร์ กุนซือใหญ่กล่าวว่า นักเตะหลายคนกรอบจากการกรำศึกมาหนักมาก และเดินทางตลอด โชคดีที่เราคว้าแชมป์ได้แล้ว ทำให้ไม่เหนื่อยมากในเกมส่งท้าย จึงอาจจะต้องพักตัวหลักเพื่อเตรียมเอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ ต่อไป แต่ว่าประสิทธิภาพของลูกทีมทุกคนก็พร้อมสำหรับการสู้กับทีโอที และยังเต็มที่ โดยถ้าชนะส่งท้ายได้ ก็จะเป็นการจบลีกที่สวยงามของทีมเมืองทองฯ เลยทีเดียว   

ทีโอทีขอสู้ตายไว้ลายส่งท้าย

         ด้าน "วิหคเพลิง" ทีโอที แคท เอฟซี ที่อยู่อันดับ 11 มี 33 แต้ม ยังมีลุ้นที่จะขึ้นอันดับ 9 ได้ ถ้าชนะเมืองทองฯ ในเกมนัดสุดท้าย ซึ่งสภาพทีมในเกมนี้ จะขาด พลวัฒน์ วังฆะฮาด กองหลังกับ มิโรสลาฟ ทอธ กองหน้าตัวหลักที่โดนแบน ขณะที่ตัวอื่นๆ จะยังเน้นแข้งชุดใหญ่เช่นเดิม ไม่ว่า โจเซฟ ไทเรอร์, แอนตัน คูบาล่า, มาเรียน จูฮาส, ยุทธนา ไชยแก้ว, วิชา นันทะศรี 

         โดย "โค้ชต้อม" ณรงค์ สุวรรณโชติ กุนซือใหญ่เผยว่า แม้จะเล่นในฐานะเจ้าบ้านแต่ว่าสนามก็ทราบกันดีว่าเป็นของเมืองทองฯ ซึ่งแฟนบอลของเขาน่าจะมากกว่า แต่ยังไงเสียเราก็จะสู้เต็มที่ ตอนนี้ทีมหมดห่วงเรื่องการตกชั้นจึงเล่นด้วยความสบายใจ และขอสู้ตายแน่นอนเพื่อเป็นการส่งท้ายฤดูกาล โดยแม้จะเป็นรองเมืองทองฯ แต่ก็จะเต็มที่อย่างน้อยเมืองทองฯ จะเอาชนะเราก็ต้องเหนื่อยกันหน่อย เราคงไม่ยอมง่ายๆ แน่   

บุรีรัมย์มั่นใจคว้าชัยจบที่สอง

         ที่สนามไอ-โมบาย สเตเดี้ยม ทีมร้อนแรงอีกทีม "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่โกยแต้มขึ้นมาอยู่รองจ่าฝูงมี 60 คะแนน แม้ว่าจะหมดลุ้นแชมป์แต่ทีมก็ต้องการ 3 แต้มเพื่อการจบอันดับสองให้ได้ โดยจะเปิดรังพบ อินทรีเพื่อนตำรวจ

         เกมนี้ บุรีรัมย์ สภาพทีมสมบูรณ์และจะส่งแข้งหลักลงทั้งหมดเป็นการส่งท้ายฤดูกาล ไม่ว่า สุเชาว์ นุชนุ่ม, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, พิพัฒน์ ต้นกันยา และแข้งบราซิล ดูดู้ 

         ซึ่งทาง "โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษปาคม โค้ชของทีมเผยว่าจะขอปิดท้ายให้ประทับใจที่สุด อีกอย่างเรายังต้องการชัยชนะเพื่อจบอันดับสองให้ได้ด้วย ฉะนั้น เราเต็มสูบแน่นอนเพื่อมอบชัยให้กับแฟนบอลบุรีรัมย์ทุกคน   

"โปลิศ" ขอลุ้นจบที่ 9

         ด้านทีมเยือน อินทรีเพื่อนตำรวจ อยู่อันดับที่ 10 มี 33 แต้ม ก็ยังลุ้นขึ้นที่ 9 ได้เช่นกัน นัดสุดท้ายนี้ไม่มีนักเตะคนใดโดนแบน โดยทีมยังจะใช้ตัวหลักอย่าง วู ฮุน, ชาง ซึง วอน, ธนพัต ณ ท่าเรือ,ชาคริต บัวทอง และ พิเชษฐ์ อินทร์บาง ในการสู้กับเจ้าถิ่น

         โดย "โค้ชยง" ชัยยง ขำเปี่ยม เผยว่าก็จะสู้เต็มที่แม้ว่าจะเป็นรองทุกด้านเพื่อหวังอันดับที่ 9 ให้ได้ด้วย ซึ่งรูปเกมเราคงต้องระวังเรื่องเกมรับ เพราะบุรีรัมย์มีเกมรุกที่น่ากลัว ที่เหลือก็จะหาช่องหาโอกาสเอา ถ้าจังหวะดีๆ ก็น่าลุ้นทำสกอร์ได้ ยังไงสู้เต็มที่อย่างน้อยเสมอได้ก็พอใจแล้ว   

โลมาฟัดทิ้งทวนเพื่อแฟน

         "โลมาฟ้า-ขาว" พัทยา ยูไนเต็ด จะเล่นในบ้านเป็นการส่งท้ายพบกับ "กูปรีอันตราย" ศรีสะเกษ เมืองไทย เอฟซี ที่ตกชั้นไปแล้ว ซึ่งเจ้าบ้านอยู่อันดับที่ 6 มีอยู่ 42 คะแนน ถ้าได้ 3 แต้มก็ลุ้นอันดับ 5 ได้เช่นกัน สำหรับเกมนี้พัทยาจะไม่มีดาวซัลโว ลูโดวิค ทาคาม กับ ทศพล การปลูก ที่เจอโทษแบนทำให้เกมรุกจะต้องปรับด้วยการส่ง ธนา ชะนะบุตร คู่กับ ปฏิพณ เพชรวิเศษ ส่วนตำแหน่งอื่นยังเป็นชุดตัวหลัก

         "โค้ชวัง" ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล กล่าวว่าเราอยากที่จะคว้าชัยเป็นการส่งท้ายต่อหน้าแฟนบอล เกมนี้แม้ ศรีสะเกษ จะตกชั้นแล้ว แต่เราคงจะไม่ประมาท ก็จะเล่นเต็มที่ ส่วนการขาด ลูโดวิค ไปคิดว่าไม่มีปัญหา เพราะตัวที่ลงก็น่าจะแทนกันได้ ก็อยากให้แฟนบอลมาให้กำลังใจกันมากๆ และร่วมฉลองชัยกับเรา   

กูปรีขอสู้ก่อนลุ้นเพลย์ออฟ

         ขณะที่ "กูปรีอันตราย" ศรีสะเกษ ที่ตกชั้นไปแล้วจากการมี 26 คะแนน แม้จะชนะในเกมนี้ก็ไล่ไม่ทัน โดยทีมจะได้ ปรัชญา หงษ์อินทร์ กลับมาคืนสนาม ผสมกับแข้งตัวหลัก แต่คาดว่าทีมน่าจะเอาสำรองที่สดและสมบูรณ์ลงผสมด้วย 

         วิสูตร วิชายา โค้ชของทีมเผยว่า ก็ยังสู้เต็มที่ต่อไป แม้ว่าจะตกชั้น เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ที่ผ่านมาเกมเราดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีจุดอ่อนเรื่องการทำประตูเท่านั้นที่จบไม่ดี ถ้าจบได้ดีก็ลุ้นชนะได้เลย ที่สำคัญเราต้องเตรียมทีมสำหรับการที่จะเล่นเพลย์ออฟด้วย ที่ถือว่าสำคัญอย่างมาก ในการที่จะเล่นในไทยลีกต่อไป   

"พลังเอ็ม" มั่นใจเกมรุกดุดัน

         "พลังเอ็ม" โอสถสภา เอ็ม-150 จะเปิดบ้านสนาม อบจ.สระบุรี พบกับ ชลบุรี เอฟซี โดย พลังเอ็ม มี 41 แต้ม อยู่อันดับที่ 8 ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าทำผลงานได้ดีอย่างยอดเยี่ยม สำหรับเกมนี้สภาพทีมสมบูรณ์ทีเดียว และจะส่งขุนพลชุดใหญ่ลงสู้ ไม่ว่า คัพฟ้า บุญมาตุ่น, เจษฎา พั่วนะคุณมี, อภิภู สุนทรพนาเวศ, คลีนตัน ซิลวา และ โอลอฟ วัตสัน โดยทีมยังลุ้นอันดับที่  6 ได้ถ้าชนะในเกมนี้ 

         ทาง ไพโรจน์ บวรวัฒน์ดิลก ก็เผยว่า เราเล่นในบ้านยังเต็มที่และเล่นตามสไตล์ของเรา ตอนนี้ค่อนข้างมั่นใจในพลังเกมรุก ว่าจะเล่นงาน ชลบุรี ได้แน่นอน   

"ฉลามชล" ยังหวังรองแชมป์

         ส่วนทีมเยือน "ฉลามชล" ที่ยังต้องลุ้นตำแหน่งรองแชมป์กับบุรีรัมย์ พีอีเอ จึงต้องเน้นในแมตช์นี้ รวมถึงผลงานที่ผ่านมาไม่ประทับใจแฟนบอลเท่าไหร่ จึงต้องกอบกู้ด้วยการคว้าชัยให้ได้ ซึ่งทีมจะไร้ตัวหลักอย่าง สุรีย์ สุขะ ที่โดนแบน กระนั้นก็จะได้ ชลทิตย์ จันทคาม กลับคืนสนามได้ ขุมกำลังหลักยังมี เทิดศักดิ์ ใจมั่น และ พิภพ อ่อนโม้ 

         กุนซือ จเด็จ มีลาภ กล่าวว่า ทางชลบุรีได้จัดงานที่เซ็นทรัลเพื่อให้แฟนบอลได้ติดตามเชียร์พวกเรา ฉะนั้น เต็มที่แน่เพราะยังมีโอกาสลุ้นที่ 2 ได้ถ้า บุรีรัมย์ พลาดขึ้นมา คิดว่าน่าจะเป็นเกมที่สนุกด้วย เพราะโอสถสภาก็เล่นเกมรุก เราก็เล่นเกมรุก จึงน่าจะแลกกันสนุก   

ทีทีเอ็มไม่กดดันหวังเก็บชัย

         "สิงห์เหนือ" ทีทีเอ็ม พิจิตร ก็จะปิดท้ายด้วยการเฝ้าบ้านพบกับ บีอีซี เทโรศาสน โดย "สิงห์เหนือ" รั้งอันดับที่ 12 มี 31 แต้มยังลุ้นทำให้อันดับสูงขึ้นได้ ซึ่งเกมนี้ทีมต้องขาด 3 ตัวหลักคือ ทศพร ศรีเรือง, วาลซี่ จูเนียร์ และ ธนา ศรีพันดร ทำให้ต้องปรับทัพกันค่อนข้างเยอะ โดย พนิพล เกิดแย้ม กุนซือร่างทรงเผยว่า จะเล่นเต็มที่แน่ สภาพทีมไม่ต่างกันมากนัก เรามีโอกาสที่จะชนะได้เลย เพื่อที่จะทำอันดับให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้   

มังกรไฟส่งชุดใหญ่บด

         ส่วน "มังกรไฟ" ที่อยู่อันดับ 9 เกมนี้จะได้ มาชูก้า กลับคืนสนาม พร้อมคู่หัวหอก "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย กับ อานนท์ สังสระน้อย มีลุ้นดาวซัลโวแต่ว่าจะต้องซัดถึง 3 ประตู ทาง ปีเตอร์ บัตเลอร์ กุนซือชาวอังกฤษ เผยว่าทีมมีความลงตัวมากขึ้นกว่าช่วงแรกที่เข้ามาคุม นักเตะเข้าใจระบบการเล่น และมีความมุ่งมั่นสูง ยังเชื่อว่าทีมจะทำผลงานได้ดีต่อไป และไม่เชื่อว่าทีมจะแพ้ออกมา   

แข้งเทพยังเต็มที่หนีบ๊วย

         ด้าน "แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ตกชั้นไปแล้ว รั้งอันรองบ๊วย แต่ก็ยังต้องสู้กับทหารบกเพื่อหนีบ๊วยของตารางด้วย เกมนี้จะรับมือ เอสซีจี สมุทรสงคราม โดยแบงค็อกไม่มี อนนท์ บุญสุโข ที่โดนแบน ที่เหลือจะใช้ชุดใหญ่ลงสนาม

         "น้าเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช เผยว่าแม้จะตกชั้นแต่ก็เล่นเต็มที่และยังหวังชนะเป็นการส่งท้าย อย่างน้อยก็ไม่จบอันดับบ๊วยแน่นอน ฉะนั้น เราเต็มที่แน่นอน   

ปลาทูล้าแต่คาดหวังจบที่ 6

         ส่วน "ปลาทูคะนอง" เอสซีจี สมุทรสงคราม อันดับที่ 7 ที่เพิ่งลงแข่งกับเมืองทองฯ มาเมื่อวันศุกร์ จึงมีอาการล้า กระนั้นจะได้แข้งหลักอย่าง ปินโต้, บีเรเม่, พัชรินทร์ สุขใส และ ประหยัด บุญญา กลับคืนมาทำให้ทีมแกร่งขึ้น

         "น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม โค้ชยอดเยี่ยมเดือน ก.ย.เผยว่า คงต้องหมุนตัวที่สดที่สุดลงเล่น ยังเชื่อว่าผลงานน่าจะดี เพราะเราได้ตัวหลักคืนมาแล้ว ซึ่งถ้าเราชนะได้ก็จะมีลุ้นอันดับ 6 ได้ด้วย จึงต้องเต็มที่เพื่อเงินรางวัลจะได้เพิ่มขึ้นด้วย   

ทัพบกสู้เพื่อศักดิ์ศรีกองทัพ

         คู่สุดท้ายทหารบกที่ตกชั้นแล้วและเป็นทีมบ๊วย จะเปิดศึกกองทัพกับ ราชนาวี-ระยอง โดยทหารบกจะไม่มี อนุวัฒน์ น้อยชื่นพันธ์ กับ ชัยวัฒน์ นาคเอี่ยม ที่โดนโทษแบน ส่วนว่าทีมจะเต็มที่หรือไม่
         อำนาจ เฉลิมชวลิต โค้ชของทีมเผยว่า ไม่มีอะไรต้องคิดมาก นี่คือศึกกองทัพ เป็นเกมศักดิ์ศรีที่เราจะแพ้ไม่ได้เช่นกัน แถมเล่นในบ้านด้วย มั่นใจเกมจะออกมาสนุก และมีลุ้นพอๆ กัน ซึ่งการที่เกมไม่กดดันเชื่อว่าทุกคนจะแสดงฝีเท้าออกมาได้ดี และเอาชนะเป็นการส่งท้ายฤดูกาลได้   

นาวีก็มั่นใจคว้าชัยส่งท้าย

         ส่วนราชนาวี-ระยอง ที่รอดการตกชั้นอย่างหวุดหวิด ทาง น.อ.เรืองฤทธิ์ แสงแก้ว เผยว่าทุกอย่างไม่มีอะไรที่กดดันแล้วเช่นกัน สภาพทีมนัดนี้ก็สมบูรณ์ ก็จะเล่นให้ครบแมตช์ โดยทีมยังมีลุ้นอีก 2 รายคือ เอฟเอ คัพ ที่เข้ารอบ และลีก คัพ ที่มั่นใจว่าจะเข้ารอบ 8 ทีม ตอนนี้นักเตะกำลังคึกคัก และมีขวัญกำลังใจที่ดีเยี่ยม จึงน่าจะทำผลงานได้ดีต่อไป