แฟนเดือดส่งท้ายบีจีเจ๊า0-0,ทัพบกเฉือนม้านิล1-0
Posted 25/10/2010 by siamsport
แฟนเดือดส่งท้ายซีซั่น "เดอะ กล๊าส แร็บบิต" บางกอกกล๊าส เอฟซี เปิดบ้านเจ๊า "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี 0-0 พร้อม 1 แดง ของ วรวุฒิ วังสวัสดิ์ นักเตะเจ้าท่า หลังจบเกมแฟนคลั่งปะทะกันจนบาดเจ็บไปหลายราย แถม ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผจก.ทีม "บีจี" ยังโดนลูกหลง ได้รับบาดเจ็บจนหัวแตก ส่วนศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง กองทัพ ทหารบก เฉือน ราชนาวี-ระยอง หวิว 1-0 ฟุตบอลไทยลีก เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา
การแข่งขันฟุตบอล "สปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2010" นัดสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม 2553
ที่ลีโอ สเตเดี้ยม "เดอะ กล๊าส แร็บบิต" บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมอันดับ 5 ของตารางที่เล่นไป 29 นัด มีอยู่ 44 คะแนน เปิดบ้านรับมือ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ที่เล่นไปแล้ว 29 เกมเช่นกัน เก็บได้ 47 คะแนน รั้งอันดับ 4 ของตาราง โดยผลการพบกันในเลกแรก การท่าเรือไทย ชนะ บางกอกกล๊าส 2-1
เกมนี้เจ้าบ้าน ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามครบครัน เนื่องจากต้องการเก็บ 3 คะแนนสุดท้ายของฤดูกาลนี้ในบ้านให้จงได้ พร้อมกับต้องการแซงหน้าการท่าเรือไทย เอฟซี ขึ้นไปอยู่อันดับ 4 โดย 11 คนแรก นายทวารเป็น กฤษกร เกิดผล แผงหลัง ทนงศักดิ์ ประจักกะตา, อำนาจ แก้วเขียว, ภานุวัฒน์ ไฟไหล และ ศุภชัย คมศิลป์ แดนกลางประกอบด้วย ฮิโรโนริ ซารูตะ, พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์, ปีเตอร์ แลง และ คูนิฮิโกะ ทากิซาวะ ส่วนคู่หน้า เป็น ไมเคิ่ล เบิร์น กับ ซามูเอล อาจายี่
ด้าน "สิงห์เจ้าท่า" เกมนี้ สะสม พบประเสริฐ กุนซือ ต้องขาดผู้เล่นตัวหลักไปถึง 3 คน ทั้ง รังสรรค์ เอี่ยมวิโรจน์, อาลีฟ เปาะจิ และ เกียรติเจริญ เรืองปาน ที่นัดกันติดโทษแบน แต่ในรายอื่นๆ ยังอยู่กันครบ นำโดย ผู้รักษาประตูเป็น ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์, อิทธิพล นนท์ศิริ, มาริโอ ดา ซิลวา, มูดูรู มอยเซ่, นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์, เอกชัย สำเร, จักรกริช บุญคำ, วรวุฒิ วังสวัสดิ์, ใหญ่ นิลวงษ์ และคู่หัวหอก "โจ้ 5 หลา" ศรายุทธ ชัยคำดี ลงล่าตาข่ายร่วมกับ สมปอง สอแหลบ
เริ่มเกมครึ่งแรก เป็นทางเจ้าบ้าน ที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ทันที และเพียงแค่ น.2 ก็ได้โอกาสทักทายก่อน จากลูกยิงไกลของ ศุภชัย คมศิลป์ บอลลอยเฉียดคานออกไปแบบได้ลุ้น
น.6 บางกอกกล๊าส เอฟซี พลาดการขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ ซามูเอล อาจายี่ ได้บอลหลุดขึ้นไปทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนเลี้ยงตัดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และปาดต่อไปหน้าประตูหมายจะให้กับ ไมเคิ่ล เบิร์น ที่ยืออยู่คนเดียวโล่งๆ แต่ทว่ากลับถูก มาริโอ ดา ซิลวา ที่โผล่มาจิ้มบอลออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด
ทีม "สิงห์เจ้าท่า" ยังต่อเกมกันไม่ติดแต่ยังช่วยกันสกัดเกมบุกของเจ้าบ้านได้ดี น.15 การท่าเรือไทย เอฟซี ก็มาได้โอกาสยิงจะจะครั้งแรกจากลูกเตะมุมของ วรวุฒิ วังสวัสดิ์ ที่เปิดเข้าไปหน้าประตูกองหลังเจ้าถิ่น โหม่งเคลียร์ออกมาได้ แต่ยังไม่พ้นอันตราย มาเข้าทาง วรวุฒิ และได้เปิดเข้าอีกครั้ง แต่ก็ถูกกองหลัง "บีจี" โหม่งสกัดออกมาได้อีก แต่คราวนี้บอลไปเข้าทางปืน มูดูรู มอยเซ่ ได้ตั้งป้อมซัดเต็มข้อ บอลพุ่งไปแฉลบกองหลังเจ้าบ้านเข้ามือ กฤษกร เกิดผล อย่างน่าเสียดาย
เกมของการท่าเรือไทย เอฟซี เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ น.18 นนท์พันธ์ เจียรสถาวงศ์ ได้ลองปั่นฟรีคิกจากมุมกรอบเขตโทษด้านขวา แต่บอลก็เหินข้ามคานออกหลังไป
อีก 2 นาทีถัดมา จากการต่อบอลตามช่องกัน อย่างสวยงามของนักเตะ "สิงห์เจ้าท่า" ใหญ่ นิลวงษ์ แทงบอลให้ สมปอง สอแหลบ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนจะตบเข้ากลางให้ ศรายุทธ ชัยคำดี แปเสียบหน้าต่างเสาสองอย่างเด็ดขาด แต่ทว่าถูกปฏิเสธโดยผู้กำกับเส้นที่ยกธงว่า สมปอง สอแหลบ ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว ทำให้ได้รับเสียงโห่จากกองเชียร์ท่าเรือที่ดีใจเก้อ
ยังเป็นทีมเยือนที่ได้ลุ้นอีกครั้ง จากลูกยิงจากนอกกรอบของ ศรายุทธ ชัยคำดี แต่เบาเกินไปทำให้ กฤษกร เกิดผล รับเข้าซองสบาย
บุกอยู่เพลินๆ ก็เกือบจะต้องมาสังเวยประตูไปก่อนสำหรับทีม "สิงห์เจ้าท่า" น.29 จากการทำชิ่งกันของ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ และ ไมเคิ่ล เบิร์น ก่อนที่ พีรพงศ์ จะได้สับไกในกรอบเขตโทษ แต่ก็เป็น มาริโอ ดา ซิลวา กองหลังการท่าเรือไทย เอฟซี ที่บล็อกไว้ได้อีกครั้ง
น.32 บางกอกกล๊าส เอฟซี พลาดโอกาสทองไปอีกหน จากลูกเตะมุมของ ไมเคิ่ล เบิร์น เปิดบอลยาวเข้าไปหน้าประตู ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ นายทวารทีมเยือน พลาดออกมาจั่วลม บอลเลยมาที่เสาสอง และเป็น อำนาจ แก้วเขียว กัปตันทีม "บีจี" ได้โขกเหน่งๆ แต่เจ้าตัวสะบัดมากเกินไป บอลหลุดเสาออกหลังไป ชนิดที่เจ้าตัวไม่เชื่อสายตัวเอง
เกมยังเปิดแลกกันคนละหมัดอย่างสนุก น.37 สมปอง สอแหลบ ได้บอลหลุดเข้าไปจนถึงเส้นหลัง กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปหน้าประตู แต่ เอกชัย สำเร เข้าชาร์จไม่ทันทำให้บอลไหลผ่านหน้าประตูออกหลังไป
น.41 เจ้าบ้านได้ลุ้นอีกครั้ง พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ วางบอลยาวจากกลางสนามเข้าไปในเขตโทษ ของการท่าเรือไทย เอฟซี และเป็น ซามูเอล อาจายี่ ที่ได้บอลก่อนจะกระดกบอลข้ามศีรษะ มาริโอ ดา ซิลวา และ มูดูรู มอยเซ่ 2 ปราการหลังทีมเยือน และได้แปกะจะให้เสียบใต้คาน แต่เจ้าตัวกลับส่งบอลลอยออกหลังไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังเล่นกันได้อย่างสนุก เรียกเสียงฮือจากแฟนบอลได้ตลอด น.49 ทีมเยือนได้ลุ้นจากลูกเตะมุม นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ เล่นสั้นให้กับ เอกชัย สำเร แตะกลับมาที่ นนทพันธ์ กึ่งยิงกึ่งเปิด บอลผ่านหน้าประตูออกหลังไป
นาทีถัดมาเป็นโอกาสของบีจีบ้าง ซามูเอล อาจายี่ ได้กดเต็มข้อ ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ นายทวารทีมเยือน รับไม่ติดมือ แต่ยังดีที่ อิทธิพล โนนศิริ ช่วยเคลียร์ออกไปได้
น.51 เจ้าบ้านเปลี่ยนแท็กติกด้วยการส่ง สุธี สุขสมกิจ ลงไปเล่นแทน ไมเคิ่ล เบิร์น และก็เกือบจะได้ผล เมื่อสุธีทำชิ่ง กับ ซามูเอล อาจายี่ บอลเลยไปถึง ฮิโรโนริ ซารุตะ ที่ได้ยิง แต่บอลก็ออกหลังไปอีก
น.59 บีจีได้เสียวอีกครั้ง ศุภชัย คมศิลป์ ชิพบอลไปให้ ซามูเอล อาจายี่ แตะจังหวะเดียวต่อให้กับ พีรพศ์ พิชิตโชติรัตน์ หลุดเข้าไปจิ้มลอดขา ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ นายทวารทีมเยือน และกำลังจะได้ยิง แต่ ภัทรกร ยังไวทายาดกลับตัวไปคว้าบอลจากเท้า พีรพงศ์ ไว้ได้ทัน
เจ้าบ้านเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่าแล้วในตอนนี้ น.63 สาวก "กระต่ายแก้ว" เกือบจะได้เฮ เมื่อ สุธี สุขสมกิจ บรรจงวางเท้าอัดด้วยซ้าย จากนอกกรอบ ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ พยายามจะรับเข้าซอง แต่เกิดซองแตก บอลกระเด้งชนคาน แต่โชคยังดีที่บอลกลับมาเข้าทางอีกครั้ง คราวนี้รับเข้ามือสบาย
น.70 ทีมสิงห์เจ้าท่า ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เมื่อ วรวุฒิ วังสวัสดิ์ ไปออกลูกหนักเข้าใส่ มูสซา ซิลล่า มิดฟิลด์ผิวสีของเจ้าบ้านในจังหวะแย่งบอล ทำให้ผู้ตัดสินไม่ลังเล ชักใบแดงให้ทันที ท่ามกลางการประท้วงของผู้เล่นการท่าเรือไทย แต่ก็ไม่เป็นผล
เจ้าบ้านที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นเปิดเกมบุกอย่างหนัก น.74 จากลูกเตะมุมของ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ และเป็น สุธี สุขสมกิจ ที่ได้ทิ้งตัวโหม่ง แต่บอลก็ไปเข้ามือ ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์
น.76 ยังเป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้นต่อเนื่อง ซามูเอล อาจายี่ ได้บอลมนกรอบเขตโทษ เปิดไปติดกองหลัง การท่าเรือไทยมาเข้าทาง พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ที่วอลเลย์เต็มข้อ แต่บอลก็ยังไม่เข้าเป้า ลอยข้ามคานออกหลังไป
น.78 บางกอกกล๊าส เอฟซี พลาดการได้ประตูไปอีกครั้ง จากจังหวะที่ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ วางบอลยาวให้ ซามูเอ อาจายี่ สปีดพาบอลหนี มาริโอ ดา ซิล วา และ มูดูรู มอยเซ่ เข้าไปกระดกข้าม ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ ไปแล้ว แต่ให้น้ำหนักมากเกินไป บอลลอยไปตกหลังตาข่ายอย่างน่าเสียดาย
น.87 จีระวัฒน์ มัคคะรมย์ ของการท่าเรือไทย ตัวสำรองที่เปลี่ยนตัวลงไปเกือบจะกลายเป็นฮีโร่ของทีม เมื่อจังหวะได้จึงกระหน่ำจากนอกกรอบ บอลพุ่งวาบแหวกอากาศชนคานอย่างจังชนิดที่ กฤษกร เกิดผล นายทวารเจ้าบ้าน ได้แค่ป้องกันด้วยสายตาเท่านั้น
ช่วงเวลาที่เหลือ แม้บางกอกกล๊าส เอฟซี จะโหมบุกอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายของทีมสิงห์เจ้าท่าได้ แถมในช่วงท้ายเกมเกือบจะต้องน้ำตาตก เมื่อ จักรกริช บุญคำ ได้หลุดเข้าไปส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้ แต่ผู้เล่นของบางกอกกล๊าส เอฟซี กรูเข้าไปประท้วงผู้กำกับเส้น เนื่องจากได้ยกธงก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ผู้ตัดสินปล่อยให้เล่นต่อ และหลังจากที่ผู้ตัดสินปรึกษากันแล้ว จึงเปลี่ยนคำตัดสินไม่ให้ การท่าเรือไทย ได้ประตู ทำให้จบเกมแบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน
หลังจากที่เกมการแข่งขันเสร็จสิ้นลง ช่วงที่แฟนบอลของทั้งสองทีมกำลังทยอยออกจากสนาม ได้มีแฟนบอลบางส่วนของทั้งสองทีม เกิดการปะทะกัน มีการชกต่อย และมีการขว้างขวดน้ำเข้าใส่กัน จนทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งทางสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี ได้กันแฟนบอลของทีมให้อยู่ในสนาม เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ควบคุมเหตุการณ์ให้อยู่ในความสงบ
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า "เสี่ยเหน่ง" ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ ผจก.ทีมบางกอกกล๊าส เอฟซี ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก จากเหตุการณ์นี้ด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของสโมสร ก็ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลปทุมธานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
วาทะโค้ช
ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ กุนซือ บางกอกกล๊าส เอฟซี - ก็พอใจสำหรับ 1 คะแนนในเกมสุดท้ายของฤดูกาล แม้เราจะพลาดเก็บชัยชนะในบ้านก็ตาม เป็นเกมที่สนุก ซึ่งต้องชมนักเตะทั้งสองทีมว่าเล่นกันได้อย่างดีเยี่ยม มีสปิริต และขอขอบคุณกองเชียร์ที่คอยสนับสนุนกันมาตลอด
สะสม พบประเสริฐ กุนซือ การท่าเรือไทย เอฟซี - เกมนี้มันแล้ว แต่มุมมองของแต่ละคน แต่หากถามผมผมบอกว่ามันไม่แฟร์สำหรับทีมผม ในจังหวะใบแดง ซึ่งมันเป็นการเตะบอล แต่ผู้ตัดสินกลับให้ใบแดง ผมคิดว่าคงต้องกลับไปพิจารณากันแล้ว แต่วันนี้ผมก็พอใจกับ 1 คะแนนที่ได้และทีมเราจบที่ 4
คะแนนความสามารถนักเตะทั้งสองทีม
บางกอกกล๊าส เอฟซี : กฤษกร เกิดผล 6, ทนงศักดิ์ ประจักกะตา 6, อำนาจ แก้วเขียว 6, ภานุวัฒน์ ไฟไหล 6, ศุภชัย คมศิลป์ 6, ฮิโรโนริ ซารูตะ 5.5 (พอล เอ็คโคลโล่ 5.5), พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ 6.5, ปีเตอร์ แลง 5 (มูสซา ซิลล่า 5.5), คูนิฮิโกะ ทากิซาวะ 5.5, ไมเคิ่ล เบิร์น 5.5 (สุธี สุขสมกิจ 6), ซามูเอล อาจายี่ 6.5
การท่าเรือไทย เอฟซี : ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ 6.5, อิทธิพล นนท์ศิริ 6, มาริโอ ดา ซิลวา 6.5, มูดูรู มอยเซ่ 6, นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ 6, เอกชัย สำเร 5.5 (จาคอบ 5), จักรกริช บุญคำ 6, วรวุฒิ วังสวัสดิ์ 5, ใหญ่ นิลวงษ์ 5.5 (จิระวัฒน์ มัคคะรมย์ 5.5), ศรายุทธ ชัยคำดี 6, สมปอง สอแหลบ 5 (เอกชัย ปรีชากุล-)
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ มิดฟิลด์ของ บางกอกกล๊าส เอฟซี
ที่สนามกีฬากองทัพบก เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง กองทัพ "กงจักรพิฆาต" ทหารบก ทีมอันดับบ๊วยของตาราง ที่ตกชั้นไปแล้ว เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ "ม้านิลมังกร" ราชนาวี-ระยอง ทีมอันดับ 13 มีอยู่ 30 แต้ม รอดตกชั้นแน่นอนแล้ว โดยเลกแรกที่เจอกันมาปรากฏว่า ราชนาวี-ระยอง ชนะ ทหารบก มาได้ 2-1
เกมนี้ "ผู้พันกระดูกเหล็ก" พล.ต.อำนาจ เฉลิมชวลิต กุนซือเจ้าถิ่น หมดสิทธิ์ใช้งาน ชัยวัฒน์ นาคเอี่ยม และ อนุวัติ น้อยชื่นพันธ์ สองแข้งหลักที่ติดโทษแบน แต่ยังมีทางด้านของ ธาตรี สีหา, ตระกูลฉัตร ทองใบ, สมพร ธัญญเจริญ และ ดาวุฒิ ดินเขต ลงเป็นแกนหลัก
ขณะที่ "ผู้การเรือง" น.อ.เรืองฤทธิ์ แสงแก้ว เฮดโค้ชราชนาวี-ระยอง ไม่มีทางด้านของ วิลสัน ดอสซานโต๊ และ ยันนิค ที่โดนแบน ส่วนคนอื่นๆ ยังอยู่กันครบไม่ว่าจะเป็น สมเจตร สัตบุษ, สุทธินันท์ นนที, เสกสันต์ ชาวทองหลาง และจาง กิล ยอง
เปิดฉากเริ่มเกมเป็นทางด้านของ ราชนาวี-ระยอง ที่โหมเกมบุกเข้าใส่ทันที น.5 จีเนป้า ดีดี้ ไหลคืน สมเจตร สัตบุษ ซัดไม่เต็มเท้าบอลแป้กออกหลังไป น.10 สุทธินันท์ นนที ปั่นฟรีคิกระยะ 25 หลา ข้ามคานออกไป
น.20 สมเจตร สัตบุษ ไหลคืนให้ สุทธินันท์ นนที ซัดด้วยเท้าขวา แต่กองหลังทหารบกยังไวทิ้งตัวบล็อกไว้ได้ทัน น.25 ราชนาวี-ระยอง เกือบได้ประตูขึ้นนำเมื่อได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย ชณธวัฒน์ ศรีสุข เปิดเข้าเขตโทษ แล้วก็เป็น จีเนป้า ดีดี้ ที่ได้โขกเหน่งๆ ระยะ 6 หลา แต่ โคชิ จุน นายทวารเจ้าถิ่นยังไวปัดทิ้งข้ามคานไว้ได้หวุดหวิด
น.32 ทหารบกได้โอกาสบ้างจากการสับไกของ วีระพงศ์ มูลคำแสน ข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น น.42 ราชนาวี-ระยอง ต่อบอลกันขึ้นมาถึงหน้าประตู ก่อนที่บอลจะมาถึง ชณธวัฒน์ ศรีสุข ได้ซัดบริเวณด้านขวากรอบแขตโทษ แต่ โคชิ จุน ตะครุบไว้ได้
นาทีสุดท้าย ฉัตรชัย โมกเกษม กองหลังเจ้าถิ่นเกือบพลาด เมื่อจ่ายบอลคืนหลัง แต่เบาไปหน่อยทำให้ สมเจตน์ สัตบุษ สปีดแซงไปจิ้มบอลได้ทัน ยังดีที่ โคชิ จุน ออกมาปิดมุมไว้ได้ทัน หมดครึ่งแรกเสมอกันอยู่ 0-0
ครึ่งหลังทีมเยือนลุยหนักทันที น.51 สุทธินันท์ นนที เปิดฟรีคิกระยะ 40 หลาเข้าเขตโทษ สมเจตร สัตบุษ โหม่งชงให้ รัฐพร แซ่ตั๋น ตวัดยิงไม่เต็มเท้าออกหลังไป
น.53 ทีมเยือนได้ฟรีคิกระยะ 30 หลา สุทธินันท์ นนที รับหน้าที่สังหารแต่ข้ามคานออกไป
น.58 หลังจากบุกอยู่นาน ราชนาวี-ระยอง ก็มาได้ประตูออกนำจนได้ เมื่อกองหลังเปิดบอลยาวมาที่หน้าประตู แล้วก็เป็น จาง กิล ฮยอค ที่อาศัยความแข็งแรงบังบอลไว้ก่อนจะแปสวนทาง โคชิ จุน นายทวารเจ้าบ้านเข้าไป ราชนาวี-ระยอง นำก่อน 1-0
น.61 กองหลังราชนาวี-ระยอง จ่ายบอลพลาดถูก วันชนะ รัตนะ ฉกบอลไปได้ก่อนจะกระชากเข้าขวาแล้วปาดเข้าเขตโทษให้ ธาตรี สีหา เข้าชาร์จไม่ถึง
น.71 ทหารบกเกือบได้ประตูตีเสมอ ธาตรี สีหา พลิกตัวยิงนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเฉี่ยวเสาออกไปแค่คืบเท่านั้น
ช่วงท้ายเกม ทหารบก พยายามเร่งเกมบุกอย่างหนัก โดยหวังทวงประตูตีเสมอให้ได้ แต่ ราชนาวี-ระยอง ก็ลงไปตั้งรับไว้ได้อย่างเหนียวแน่น หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่ม หมดเวลา ราชนาวี-ระยอง บุกมาเฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 เก็บชัยชนะนัดสุดท้ายของฤดูกาลได้สำเร็จ
วาทะโค้ช
พล.ต. อำนาจ เฉลิมชวลิต กุนซือของ ทหารบก - วันนี้ต้องยอมรับว่าการขาดหายไปของตัวหลักเราหลายรายที่ทั้งเจ็บและติดโทษแบน ส่งผลกระทบต่อทีมอย่างเห็นได้ชัด แต่ทุกคนได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว แม้ว่าจะแพ้แต่ก็ไม่เป็นไร
น.อ.เรืองฤทธิ์ แสงแก้ว เฮดโค้ชราชนาวี-ระยอง - แม้ว่าจะรอดตกชั้นไปแล้วก็ตาม แต่ต้องบอกว่าทีมเราเล่นเต็มที่ทุกนัด และวันนี้ก็แสดงให้เห็นว่าทุกคนเล่นอย่างเต็มที่ ผลที่ออกมาค่อนข้างพอใจ โดยชัยชนะนัดสุดท้ายขอมอบเป็นของขวัญแด่แฟนบอล
คะแนนความสามารถนักเตะทั้งสองทีม
ทหารบก : โคชิ จุน 6.5, สราวุธ ทองสวัสดิ์ 6, ดาวุฒิ ดินเขต 6, ธาตรี สีหา 6.5, สมพร ธัญญเจริญ 6, ตระกูลฉัตร ทองใบ 6, ฉัตรชัย โมกเกษม 6, วันชนะ รัตนะ 6.5 (ดุสิต ชุ่มชัยรัตน์ 5), วีรพงษ์ คำมูลแสน 6, รัฐกิจ ชนะนา 6 (นิพนธ์ คำทอง 5), จักรกฤษณ์ เรืองสันเทียะ 6
ราชนาวี-ระยอง : สิทธิพงษ์ มะนาวหวาน 7, สุระเดช เสาไธสง 7, ชณธวัฒน์ ศรีสุข 7.5, สมเจตร สัตบุษ 7.5, สุทธินันท์ นนที 7, ภานุวัฒน์ กองจันทร์ 5 (คมสัน เมินดี 6.5), เสกสันต์ ชาวทองหลาง 7, เจษฎา งามเมือง 7, ศักดิ์สุริยา กุลโพนเมือง 7, จีเนป้า ดีดี้ 7.5 (ดนุสรณ์ ผุยแสงพันธ์ 6), จาง กิล ฮยอค 8
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : จาง กิล ฮยอค นักเตะพลังโสมของ ราชนาวี-ระยอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
คลิปไฮไลท์