ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก เตรียมเรียกทุกฝ่ายเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง 26 ต.ค. นี้ ส่วนเรื่องของความเสียหายปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินไปตามคดี เพราะเหตุการณ์เกิดหลังจบเกมไปแล้วยันไม่อยากให้มีเรื่องเช่นนี้มาฉุดรั้งการพัฒนาของลีกลูกหนังไทย ส่วนซีซั่นใหม่ยันเปิดฉากแน่นอน เดือน ก.พ. ปีหน้าส่วนเรื่องการเพิ่มโควตาทีมคาดมีโอกาสเพิ่มจาก 16 เป็น 18 ทีมสูง พร้อมเตรียมเพิ่มเงินรางวัลให้กับทีมตั้งแต่อันดับ 2-8 ด้วย ส่วนแชมป์น่าจะยังคงไว้ที่ 10 ล้านบาทตามเดิม พร้อมขู่ฮึ่มปีหน้าโค้ชรายไหนไม่มีดีกรี เอ ไลเซนส์ จะไม่ให้คุมทีมแน่นอน

         จากความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไทยอีกครั้งในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก ออกมาเผยว่า ความจริงเราจะทำการประชุมทุกวันจันทร์ แต่เนื่องจากตรงกับวันหยุดชดเชยวันปิยมหาราชจึงเลื่อนไปเป็นวันที่อังคารที่ 26 ต.ค.นี้แทน ซึ่งจะต้องดูรายงานจากผู้ควบคุมการแข่งขัน และสอบถามไปยังสโมสรบางกอกกล๊าสด้วยว่าทำไมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้ โดยในเบื้องต้นเหตุการณ์เป็นเรื่องนอกสนาม ภายหลังจบเกมแล้ว เกิดจากแฟนบอลที่ไม่พอใจกันแล้วก่อเรื่องขึ้น ซึ่งคดีจะต้องเป็นเจ้าของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะจัดการ แต่มันกระทบมาถึงวงการฟุตบอลของเราที่กำลังจะก้าวไปสู่ความเป็นอาชีพ ฉนั้นจะเรียกทุกฝ่ายมาถกปัญหากัน เพื่อหาทางป้องกันแฟนบอลทะเลาะวิวาทไม่ให้เกิดขึ้นมาอีก ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายวงการอย่างหนึ่ง  

       ดร.วิชิต กล่าวอีกว่า สำหรับการออกสตาร์ตของลีกสูงสุดไทยฤดูกาลใหม่นั้นจะเริ่มออกสตาร์ตในราวเดือน ก.พ. ปี 54 แน่นอน โดยเลกแรกน่าจะใช้เวลาแข่งขันระหว่าง ก.พ.-พ.ค. โดยต้องดูการจัดสรรโปรแกรมกันอีกครั้งเนื่องจากว่าปีหน้าทีมชาติไทยจะมีคิวเตะทั้งปรีโอลิมปิก, ทีมชาติอังกฤษ รวมถึงเชลซี โดยจะต้องจัดล็อกให้ดีเพราะยังมีฟุตบอลถ้วยอีกทั้งไทยคม เอฟเอ คัพ, โตโยต้า ลีก คัพ อีกด้วย 

         ส่วนเรื่องของการเพิ่มทีมนั้นแน่นอนว่าดูจากกระแสตอบรับกับข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้แล้ว หลายฝ่ายเห็นด้วยน่าจะเป็นอย่างที่เคยเป็นข่าวไปแล้วว่าปีหน้าลีกสูงสุดของไทยรวมถึงลีก ด. 1 จะมีการเพิ่มทีมเข้ามาอีก 2 ทีม จาก 16 เป็น 18 ทีมอย่างแน่นอน โดยจะมีการหารือกันอีกครั้งแต่แนวโน้มสูงว่าจะเพิ่มทีมค่อนข้างแน่นอน สำหรับการกำหนดโปรแกรมเพลย์ออฟเล่นไทยลีก และ ด. 1 จะมีมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง"    

เน้นมาตรฐานทีมอาชีพ, โค้ชต้อง เอ ไลเซนส์ 

         การยกระดับมาตรฐานของลีกไทยให้เป็นอาชีพมากขึ้นนั้น เรื่องนี้ ดร.วิชิต กล่าวต่ออีกว่า "จริงแล้วฤดูกาล 2010 ที่เพิ่งจบลงไปนั้นแต่ละทีมยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการเป็นทีมอาชีพกันได้ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว แต่สำหรับฤดูกาลหน้านั้น บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จะพยายามทำให้แต่ละทีมเป็นทีมอาชีพให้มากขึ้นกว่าเดิมให้ได้ โดยเฉพาะตัวผู้ฝึกสอนที่แต่ละทีมจะใช้งานเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนนั้น ยืนยันได้เลยว่าหากทีมไหนใช้โค้ชที่ไม่มีดีกรีถึง เอ ไลเซ่นส์ จะไม่อนุญาตให้คุมทีมอย่างแน่นอน ปีที่ผ่านมาเราได้อนุโลมกันไปมากแล้วปีหน้าจะไม่ยอมให้อีกเป็นอันขาดสำหรับเรื่องดีกรีของหัวหน้าผู้ฝึกสอน

       สำหรับเงินรางวัลนั้นแชมป์คงจะยืนไว้ที่ 10 ล้านบาทตามเดิม ส่วนตั้งแต่อันดับ 2 จนถึงอันดับ 8 นั้นจะมีการเพิ่มเงินเข้าไปเพราะฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนั้นอันดับ 2 ห่างจากอันดับ 1 มากเกินไป"