"บิ๊กเชฐ" นายพิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสร "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทยเอฟซี ออกโรงแถลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังเกมไทยลีก นัดสุดท้าย กรณีแฟนบอลวิวาท วอนสังคมอย่าเหมาว่าแฟนการท่าเรือฯ เป็นจุดเริ่มแห่งความรุนแรง บอกแฟนตัวเองมีเจ็บถึงขนาดโดนแทงก็มี ชี้ทุกทีมมีแฟนบอลเลือดร้อนกันทั้งนั้น พร้อมย้ำไทยพรีเมียร์ลีก ต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม

       เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 26 ต.ค. ที่ผ่านมา ที่ห้องแถลงข่าวสนามแพท สเตเดี้ยม สโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี มีการแถลงเปิดใจของ "บิ๊กเชฐ" นายพิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสร พร้อมด้วย เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง ผู้อำนวยการสโมสร ถึงกรณีที่แฟนฟุตบอลทีมดังย่านคลองเตย วิวาทกับแฟนคลับสโมสร บางกอกกล๊าส เอฟซี หลังจบเกมไทยพรีเมียร์ลีก นัดสุดท้าย

         โดย "บิ๊กเชฐ" กล่าวเปิดใจ ถึงการที่กระแสสังคมพุ่งเป้าไปที่กลุ่มแฟนบอลอันธพาลของทีม "สิงห์เจ้าท่า" ว่า "ผมไม่ได้มาแก้ตัว แต่มาเพื่อสร้างความเข้าใจว่า แฟนฟุตบอลของทีมเรา ไม่ได้มีแค่กลุ่มคลองเตย แต่เรายังมีกลุ่มที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นนักธุรกิจ แม้เราจะพยายามแก้ปัญหาทุกอย่างแล้ว ทว่าต้องยอมรับว่า ทุกทีมต่างมีกองเชียร์เลือดร้อนด้วยกันทั้งสิ้น ทุกวันนี้เราถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง โดยที่หลายคนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง"

         นายใหญ่ การท่าเรือไทย เอฟซี กล่าวต่อไปว่า "เหตุการณ์ในวันนั้น ไม่ได้มีแต่แฟนเจ้าถิ่นที่บาดเจ็บ แต่แฟนการท่าเรือฯ มีจำนวนมาก ที่ได้รับบาดเจ็บ อาทิ ถูกทำร้ายร่างกาย, โดนแทง, โดนฉกกระเป๋าพร้อมทรัพย์สินมีค่า รวมถึงแกนนำกองเชียร์ยังบาดเจ็บเอ็นเข่าฉีกขาด 

         ซึ่งเขาเหล่านี้ถูกกระทำเช่นกัน มันไม่ยุติธรรม ที่สังคมจะเหมารวมว่าแฟนคลับการท่าเรือฯ เป็นจุดเริ่มแห่งความรุนแรง ส่วนเรื่องเงินบริจาคน้ำท่วมของสโมสรบางกอกกล๊าสที่หายไปนั้น ก็ได้รับการยืนยันแล้วว่า มีการนำไปเก็บไว้แล้ว จึงอยากให้ทุกฝ่ายมองทีมของเราในด้านบวกบ้าง โดยเฉพาะการตัดสินของไทยพรีเมียร์ลีก ต้องยุติธรรมด้วยเช่นกัน"

         ขณะเดียวกันบิ๊กบอส "สิงห์เจ้าท่า" กล่าวปกป้อง สะสม พบประเสริฐ ผู้จัดการทีมคนดังด้วยเช่นกัน "การที่ สะสม เดินไปขอบคุณแฟนบอลรอบสนามนั้น เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าเป็นวัฒนธรรมประจำถิ่นของการท่าเรือฯ อยู่แล้ว ผมไม่อยากให้มองว่ามันเป็นเรื่องยั่วยุแต่อย่างใด"

         "เหตุการณ์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้พูดคุยกับ คุณปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรบางกอกกล๊าส เอฟซี เรียบร้อยแล้ว จริงๆ เราทั้งคู่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ทั้งสองสโมสรต่างเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาตลอด รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากวอนให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมกับสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี มา ณ ที่นี้ด้วย"

         ขณะที่ เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง รองประธานสโมสรและผู้อำนวยการสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี กล่าวด้วยว่าไม่ใช่แค่แฟนบีจีเท่านั้นที่บาดเจ็บ และเสียหาย แต่แฟนการท่าเรือฯ ก็บอบช้ำจำนวนมากจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ บทลงโทษที่จะได้รับควรจะมีความยุติธรรมต่อทั้งสองสโมสร

         "เกมในวันนั้นแฟนๆ ของทีมไม่จำเป็นต้องเครียดกับผลการแข่งขัน เพราะแม้เราจะยิงประตูเข้าไปแล้วถึง 2 ประตู แต่ถูกปฏิเสธโดยผู้ตัดสิน ซึ่งทีมสตาฟฟ์ไม่ได้ประท้วงอะไร เนื่องจากเห็นว่าเป็นเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาล และเป็นการเล่นนอกบ้าน ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเจ้าถิ่น 

         อาจมีผลต่อการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน รวมทั้งแค่ผลเสมอเราได้อันดับที่ 4 ตามเป้า ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความรุนแรงกับกองเชียร์คู่แข่ง หากใครจะมองว่าแฟนบอลการท่าเรือฯ นิยมความรุนแรง ควรดูเรื่องของเหตุและผลด้วยเช่นกัน"

         ในส่วนของ อเดบาโย่ ผู้จัดการทั่วไปของสโมสร "สิงห์เจ้าท่า" ที่รถยนต์ถูกทำลาย จากความวุ่นวายในครั้งนี้ เผยเช่นกันว่า ตามปกติทุกสโมสรที่เป็นเจ้าบ้าน ต้องกันพื้นที่ 20% ให้กับแฟนทีมเยือน แต่ที่ลีโอ สเตเดี้ยม มีความจุ 7,000 ที่นั่ง หากคำนวณแล้ว ควรจะมีที่นั่งสำหรับทีมเยือนประมาณ 1,400 ที่นั่ง ในวันนั้น กลับมีที่สำหรับแฟนการท่าเรือฯ เพียง 800 ที่นั่ง ทำให้แฟนบอลจำนวนกว่า 300 คน จะอดเข้าสนาม เราจึงมีการต่อรองกัน 

         ซึ่งฝ่ายโน้นยืนยันว่า ต้องไปนั่งชมร่วมกับแฟนบีจีหากไม่ตอบรับ ถือว่าข้อเสนอตกไป เราจึงจำเป็นต้องยอมรับ ซึ่งคงไม่มีใครคาดเดาว่า จะเกิดเหตุร้ายได้ จากนี้ทุกอย่างเป็นบทเรียนที่ต้องจดจำ"

         นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยถึงที่เหตุการ์ที่เกิดขึ้นนี้ ในความเป็นจริง มีเด็กช่างกลย่านปทุมธานี มาร่วมก่อกวน และหาเรื่องแฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" โดยมีการพกพาอาวุธด้วย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มีกองเชียร์บางคนเห็นว่า เด็กช่างกลกลุ่มนี้ได้มีการร้องเพลงเชียร์ของสถาบันอีกด้วย