"ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด แอตเลติโก มาดริด ในเกมดาร์บี้ แมตซ์ เมืองมาดริด สบายๆ 2-0 นำเป็นจ่าฝูงต่อ ขณะที่คู่แข่งอย่าง บาร์เซโลน่า บุกไปเอาชนะ เคตาเฟ่ 3-1 ศึกฟุตบอลลา ลีกา สเปน เมื่อคืนที่ผ่านมา

ฟุตบอลลา ลีกา สเปน
วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2553
เคตาเฟ่ 1 - 3 บาร์เซโลน่า

สนาม : เอสตาดิโอ โกลีเซียม อัลฟอนโซ่ เปเรซ, เคตาเฟ่

 
      เคตาเฟ่ ต้องปราศจาก มิเกล ตอร์เรส โกเมซ, ไคเม่ กาบิลัน และ มาริโอ อัลบาเรซ ที่มีอาการบาดเจ็บทั้งหมด แต่ได้ มานู เดล โมรัล หายเจ็บข้อเท้ากลับมาช่วยทำเกมรุก โดยมี นิโคลัส เฟดอร์ "มิกู" ดาวยิงทีมชาติเวเนซุเอล่า ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า
 
     ทางด้าน "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ไม่มี เจฟเฟรน ซัวเรซ กองหน้าดาวรุ่งที่บาดเจ็บ แต่ได้ ชาบี เอร์นานเดซ กองกลางจอมทัพของทีมหายเจ็บลงมาทำเกมรุกร่วมกับ อันเดรส อิเนียสต้า
 
     สามประสานแดนหน้าได้ ลิโอเนล เมสซี่ ที่ซัดไปแล้ว 7 ประตู ผนึกกำลังกับ ดาบิด บีย่า และ เปโดร โรดริเกซ
 
     ออกสตาร์ทครึ่งแรกได้แค่ 5 นาที เจ้าบุญทุ่มได้ลุ้นก่อน อันเดรส อิเนียสต้า เปิดบอลให้ บีย่า หลุดไปยิงด้วยซ้ายหลุดกรอบออกไป
 
     ถัดมาห้านาที ดาเนี่ยล อัลเวส จ่ายบอลให้ เมสซี่ กระชากเข้าเขตโทษแล้วโดนเกี่ยว แต่หัวหอกอาร์เจนไตน์ ฝืนไปแตะบอลที่เส้นหลังเลยโดน จอร์ดี้ โกดิน่า นายทวารเคตาเฟ่ มาคว้าบอลไว้ได้
 
     อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 23 บาร์ซ่า ออกนำจนได้จากจังหวะที่ ดาเนี่ยล อัลเวส ให้บอลไปในเขตโทษ ดาบิด บีย่า วนหาช่องแต่เจอทางตันเลยไหลออกมาด้านซ้ายให้กับ ลีโอเนล เมสซี่ ที่เติมขึ้นมาเลือกแปด้วยซ้ายเบียดเสาแรกเข้าไปให้เจ้าบุญทุ่มนำก่อน 1-0 เป็นประตูที่ 8 ของเมสซี่ในลีก
 
     ขยับมาถึงนาที 31 บาร์เซโลน่า เกือบได้เพิ่มเมื่อ เมสซี่ ยิงจากหน้าเขตโทษ โกดิน่า รับบอลลอดขายังดีที่ตามตะครุบไว้ได้
 
     กระนั้นก็ดีนาทีที่ 34 ทีมเยือนมาได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะที่ประสานงานกันอย่างสวยงานเริ่มจาก เมสซี่ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ดาบิด บีย่า สปีดหลุดไปรับบอลในเขตโทษแล้วง้างเท้าซัดด้วยขวาผ่านการป้องกันของ โกดิน่า เข้าไปให้บาร์ซ่านำ 2-0 และเป็นประตูที่ 5 ของบีย่า ในซีซั่นนี้
 
     นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก บาร์ซ่า น่าได้เพิ่ม เมสซี่ ได้บอลทางขวาของกรอบเขตโทษแล้วแตะหลบ มาเน่ ก่อนปั่นหลุดเสาสองไป ครบ 45 นาทีแรก บาร์ซ่า บุกมานำก่อน 2-0
 
     กลับมาเล่นกันต่อในครึ่งเวลาหลังได้แปดนาที เคตาเฟ่ ได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ มานู เดล โมราล ยิงด้วยขวาจากนอกเขตโทษ โดน บิคตอร์ บัลเดส นายทวารบาร์ซ่า เซฟไว้ได้
 
     เกมของเจ้าบ้านกลับมาตั้งหลักได้บ้างแล้ว เปโดร รีออส เปิดมุมเข้ามาให้กับ ดีเร็ค บัวเต็ง โหม่งเฉี่ยวเสาขวาออกไปในนาทีที่ 57
 
     อย่างไรก็ดี บาร์ซ่า มาได้ประตูที่สามแบบมีโชคเล็กน้อยเมื่อ จอร์ดี้ โกดีน่า เตะเปิดบอลสั้นๆให้กับ ดาเนียล "กาต้า" ดิอาซ เพื่อนร่วมทีมที่ไม่พร้อมจะเล่นบอลเลยแตะหมายคืนกลับไปให้แต่โดน ลีโอเนล เมสซี่ ปั๊มแย่งไว้บอลมาถึง เปโดร โรดริเกซ ยกบอลหนีการเข้าสกัดของ โกดีน่า ก่อนจะหลุดเข้าไปยิงง่ายๆให้เจ้าบุญทุ่มนำขาด 3-0 ในนาที 65
 
     ทว่า 5 นาทีให้หลัง เจ้าบ้านไล่ขึ้นมาเป็น 1-3 จากจังหวะที่ นิโคลัส เฟดอร์ "มิกู" ลากบอลหลบ ปูโยล ขึ้นมาทางกราบขวาก่อนจะปาดเข้ากลาง เคราร์ด ปิเก้ กองหลังบาร์ซ่าล้มตัวสกัดแต่ไปใช้มือขวางบอล ผู้ตัดสินชี้เป็นลูกแฮนด์บอลพร้อมชักใบเหลืองที่สองให้ กลายเป็นใบแดงไล่ ปิเก้ ออกจากสนามทันที ทำให้ทีมเยือนเหลือแค่ 10 คน จากลูกจุดโทษ มานู เดล โมราล สังหารด้วยขวาเสียบเสาเข้าไป
 
     เกมสนุกขึ้นตามลำดับ ลีโอเนล เมสซี่ มีโอกาสปั่นด้วยขวา ทว่า โกดีน่า ปัดทิ้งออกหลังไปได้ในนาทีที่ 73 พร้อมกันนั้นทีมเยือนยังถอด บีย่า ออกแล้วให้ กาเบรียล มิลิโต้ ลงมาช่วยแนวรับ
 
     ท้ายเกมนาทีที่ 78 บาร์ซ่า จำเป็นต้องเปลี่ยนเอา ชาบี เอร์นานเดซ กองกลางตัวรุกออกแล้วเสริม เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ กองกลางเชิงรับลงสนามมา
 
     เคตาเฟ่ น่าได้ประตูเพิ่มในนาทีต่อมา จากจังหวะที่ ฆาเบียร์ อริวเมนดี้ ได้โอกาสเทคตัวโหม่งบอลจะเข้าอยู่แล้ว แต่ว่า แม็กซ์เวลล์ แบ็คซ้ายบาร์ซ่าโขกทิ้งออกมาได้ก่อนบอลข้ามเส้นประตู
 
     จากนั้นนาที 80 เจ้าบ้านต้องเหลือ 10 คนเท่ากัน เมื่อ ดีเร็ค บัวเต็ง ไปหวดใส่ มาสเคราโน่ จนลงไปกองอย่างเจ็บปวด จนผู้ตัดสินต้องแจกใบเหลืองที่สองให้กับ บัวเต็ง กลายเป็นใบแดงถูกไล่ออกไป
 
     บาร์ซ่า ได้ลุ้นบ้างเมสซี่ ไหลให้กับ เปโดร กดด้วยซ้ายไม่ผ่าน โกดีน่า นายทวารเจ้าบ้านในนาทีที่ 83
 
     สองนาทีต่อมา เจ้าบ้านน่าได้จริงๆ เมื่อ อริซเมนดี้ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงด้วยซ้าย โดน บัลเดส ถลาออกมาเซฟไว้ได้
 
     เกมแลกกันสนุกนาที 87 บาร์ซ่า มีลุ้เนจากจังหวะที่ บุสเก็ตส์ ชิ่งให้กับ เมสซี่ หลุดไปยิงด้วยซ้ายติดเซฟ โกดีน่า นายทวารเคตาเฟ่
 
     เวลาที่เหลือทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ ครบ 90 นาที บาร์เซโลน่า บุกมาเอาชนะ เคตาเฟ่ ไป 3-1 ในเกมที่เล่นกันสนุกมีผู้เล่นโดนไล่ออกข้างละคน ทำให้ บาร์ซ่า ชนะนอกบ้านเป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันแล้ว 
 
     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 

     เคตาเฟ่: จอร์ดี้ โกดีน่า - ปาโบล ปินโตส, ดาเนียล "กาต้า" ดิอาซ, ราฟา โลเปซ, โฆเซ่ มาเน่ - ดีเร็ค บัวเต็ง, ฟรานซิสโก้ กาสเกโร่ - เปโดร รีออส, บิคตอร์ ซานเชซ, มานู เดล โมรัล - นิโคลัส เฟดอร์ "มิกู"

     สำรอง: ออสการ์ อุสตารี่ (ผู้รักษาประตู) - อีบัน มาร์กาโน่, บอร์ฆา เฟร์นานเดซ, เปโดร มอสเกร่า, ดาเนี่ยล ปาเรโฆ, ฆาเบียร์ อริซเมนดี้, ฮวน อัลบิน  
 
     บาร์เซโลน่า: บิคตอร์ บัลเดส - ดาเนียล อัลเวส, เคราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูโยล (กัปตันทีม), แม็กซ์เวลล์ - ชาบี เอร์นานเดซ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อันเดรส อิเนียสต้า - ลิโอเนล เมสซี่, ดาบิด บีย่า, เปโดร โรดริเกซ

     สำรอง: โฆเซ่ มานูเอล ปินโต้ (ผู้รักษาประตู) - เอริก อบิดัล, กาเบรียล มิลิโต้, อาเดรียโน่ คอร์เรอา, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, เซย์ดู เกอิต้า, โบยาน เกร์กิช  
 
     ผู้ตัดสิน : มิเกล อังเคล ไอซ่า กาเมซ 

 

เรอัล มาดริด 2 - 0 แอตเลติโก มาดริด

สนาม : เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด

 
     ดาร์บี้ แมตซ์ เมืองมาดริด เกมนี้เล่นกันในเบร์นาเบว ถิ่นของราชันชุดขาว โดยเจ้าบ้านคว้าชัยมา 4 นัดรวด อีกทั้งพังตาข่ายไปแล้ว 19 ประตู จากจำนวนดังกล่าวใช้ผู้เล่นชุดเดิมลงสนามทั้งหมดให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวซัลโวสูงสุดของลา ลีกา ยามนี้ 11 ประตู ลงปั้นเกมรุกร่วมกับ เมซุต โอซิล, อังเคล ดิ มาเรีย โดยมี กอนซาโล่ อิกวาอิน หัวหอกทีมชาติอาร์เจนติน่า เข้าล่าตาข่าย
 
     ทาง "ตราหมี" แอต. มาดริด ทีมซึ่งเป็นพันธมิตรร่วมกับเมืองทอง ยูไนเต็ด แชมป์ไทย พรีเมียร์ ลีก สองสมัยหลังสุดนั้น ไม่มี ดีเอโก้ โกดิน กับ ฆวานีโต้ สองกองหลังที่มีอาการบาดเจ็บรบกวน แต่ได้ตัว โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส มิดฟิลด์ตัวทำเกมริมเส้นฟิตกลับมา คู่หน้าวาง ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" เข้าถล่มประตู  
 
     เปิดฉากครึ่งแรกมาได้แค่สี่นาที ชาบี อลอนโซ่ กองกลางของชุดขาวครอสบอลให้กับ เปเป้ สะบัดโขก โดน ดาบิด เด เคอา นายทวารตราหมีป้องกันไว้ได้
 
     หลังจากนั้น 4 นาที โอกาสของเจ้าบ้านอีกครั้งเมื่อ อังเคล ดิ มาเรีย ปีกทีมชาติอาร์เจนติน่า ตะบันด้วยซ้าย ดาบิด เด เคอา นายทวารตราหมีรับบอลกระฉอกจนโดนซามี่ เคดิร่า ซ้ำจ่อๆ เข้าไป ทว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงว่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
 
     อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจนได้ในนาทีที่ 13 จากจังหวะที่ กอนซาโล่ อิกวาอีน เปิดบอลให้กับ ดิ มาเรีย เบิ้ลบอลไปโดน อูฟาลูซี่  ผู้เล่นตราหมี มาเข้าทางของ ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ ปราการหลังชาวโปรตุกีสที่ดันขึ้นมาสูงซัดด้วยขวาเข้าไปให้ราชันชุดขาว นำเร็ว 1-0
 
     ถัดมานาทีเดียว เรอัล ได้ลุ้นทำประตูเพิ่มเมื่อ กอนซาโล่ อิกวาอิน ได้บอลหลุดเดี่ยวทว่ายิงไปติดเซฟเด เคอา
 
     กระนั้นก็ดี นาทีที่ 19 ชุดขาว นำห่าง 2-0 จนได้จากจังหวะที่ โรนัลโด้ โดนดึงล้ม ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกฟรีคิกของเจ้าบ้านทางกราบขวา ก่อนที่ เมซุต โอซิล เพลย์เมคเกอร์ชาวเยอรมัน จะปั่นด้วยซ้ายบอลโค้งอ้อมกำแพงตราหมีที่ตั้งกันหลวมๆแค่สองคน เสียบเสาไกลเข้าไปให้ราชันนำ 2-0 แล้ว
 
     ราชันฯยังเดินหน้าบดเข้าใส่ เมซุต โอซิล พลิ้วหลบสามผู้เล่นตราหมีเข้าไปเปิดจากทางขวาให้กับ โรนัลโด้ ยิงหลุดกรอบไปในนาทีที่ 25
 
     หลังจากนั้น 4 นาที แอต. มาดริด น่าจะได้คืน อเกวโร่ "กุน" เปิดจากขวาไปหน้าประตูอีเกร์ กาซิยาส พุ่งปัดบอลมาเข้าทางฟอร์ลัน ยิงซ้ำติดบล็อกแนวรับเรอัล ออกหลัง จากจังหวะเตะมุม ซิเมา เปิดข้ามมาเสาสอ งอเกวโร่ ตวัดบอลโดนแขนชาบี อลอนโซ่ แต่ผู้ตัดสินให้เล่นกันต่อไป
 
     กระเถิบมาถึงนาทีที่ 35 แอต. มาดริด สร้างความหวาดเสียว โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส ลากบอลตัดเข้าซ้ายแล้วยิงเน้นๆ กาซียาส ปัดมือเดียวออกไปได้
 
     โอกาสของเรอัลในนาทีที่ 37 อูฟาลูซี่ สกัดบอลมาเข้าทาง โรนัลโด้ ตะบันบอลพุ่งเฉี่ยวคานไปนิดเดียว หมดครึ่งแรก เรอัล มาดริด นำก่อน 2-0
 
     มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่สามนาที ราชันฯ เกือบได้เพิ่มเมื่อ เมซุต โอซิล เปิดจากซ้ายมาเสาสองให้กับ กอนซาโล่ อิกวาอีน วอลเลย์ด้วยซ้ายแบบไม่จับบอลพุ่งชนเสาซ้ายเหลี่ยมนอกออกไปอย่างน่าหวาดเสียว
 
     เกมของชุดขาวยังคงดุดันกว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลองส่องไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลเข้ากรอบ แต่ว่า เด เคอา ยังไวปัดไว้ได้ในนาทีที่ 52
 
     สามนาทีต่อมา ตราหมี โต้ขึ้นมาบ้าง เรเยส เปิดลูกเตะมุมเข้ามาให้กับ มาริโอ ซัวเรซ โขกเฉี่ยวเสาซ้ายออกไป
 
     ข้ามมาถึงนาทีที่ 63 เรอัล น่าได้ประตูที่สามจริงๆ เมื่อ มาร์เซโล่ จ่ายบอลขึ้นหน้าให้กับ เมซุต โอซิล กระชากหลุดขึ้นมามี ฟิลิเป้ หลุยส์ กาสมีร์สกี้ พยายามดึงเอาไว้แต่ โอซิล ยังได้กดด้วยซ้ายบอลไปโดนขาของ เด เคอา ที่ถลันออกมาเซฟช่วยทีมไว้ได้
 
     สามนาทีให้หลัง แอต. มาดริด ได้ลุ้นเหมือนกัน เรเยส จ่ายบอลให้กับ อเกวโร่ "กุน" ดาวยิงชาวอาร์เจนไตน์กดด้วยขวาบอลหลุดเสาซ้ายไป
 
     จากนั้นนาที 69 ทีมเยือนเปลี่ยนเอา ติอาโก้ ออกแล้วส่ง ราอูล การ์เซีย ลงสนามมาแทน ต่อมานาทีที่ 75 เปลี่ยนอีกรายให้ ดีเอโก้ คอสต้า ลงสนามมาเพิ่มพลังสังหารแล้วถอด ซิเมา ซาโบรซ่า ออกมาพัก
 
     ช่วงท้ายเกมไม่มีฝ่ายไหนทำอะไรกันได้เพิ่มเติม จบเกม เรอัล มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ แอต. มาดริด คู่ปรับร่วมเมืองไปได้อย่างสวยงาม 2-0 เก็บชัยเป็นนัดที่ห้าติดต่อกันในลีก ผงาดแซงกลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงลา ลีกา ต่อไป พร้อมกับรักษาสถิติไม่แพ้ใคร 10 นัดติด นับตั้งแต่ออกสตาร์ทซีซั่นนี้ 
 
     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 

     เรอัล มาดริด: อีเกร์ กาซียาส - เซร์คิโอ รามอส, เปเป้, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, มาร์เชโล่ วิเอยร่า - ชาบี อลอนโซ่, ซามี เคดิร่า - คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เมซุต โอซิล, อังเคล ดิ มาเรีย - กอนซาโล่ อิกวาอิน

     สำรอง: เยอร์ซี่ ดูเด็ค (ผู้รักษาประตู) - อัลบาโร่ อาร์เบลัว, ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, เอสเตบัน กราเนโร่, เซร์คิโอ กานาเลส, เปโดร เลออน, คาริม เบนเซม่า  
 
     แอตเลติโก มาดริด: ดาบิด เด เคอา - ฆวน บาเลร่า, โทมัส อูฟาลูซี่, อัลบาโร่ โดมิงเกซ, ฟิลิเป้ หลุยส์ กาสมีร์สกี้ - โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส, มาริโอ ซัวเรซ, ติอาโก้ เมนเดส, ซิเมา ซาโบรซ่า - ดีเอโก้ ฟอร์ลัน, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" 

     สำรอง: โฆเอล โรเบลส (ผู้รักษาประตู) - อันโตนิโอ โลเปซ, ฆอร์เก้ ปูลิโด้, เปาโล อัสซุนเซา, ราอูล การ์เซีย, ฟราน เมริด้า, ดีเอโก้ ดา คอสต้า 
 
     ผู้ตัดสิน: อันโตนิโอ มิเกล มาเตว ลาโอซ

สรุปผลฟุตบอลลาลีกา สเปน
- อัลเมเรีย เสมอ คิฆอน 1-1
- เลบันเต้ แพ้ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า 1-2
- โอซาซูน่า ชนะ เอร์กูเลส 3-0
- ซาราโกซ่า ชนะ เรอัล มายอร์ก้า 3-2
- บียาร์เรอัล ชนะ แอธเลติก บิลเบา 4-1
- เคตาเฟ่ แพ้ บาร์เซโลน่า 1-3
- เรอัล มาดริด ชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-0