เรือถล่มเจ้าสัว4-1เตฟเบิ้ล,กุหลาบเฮ2-0
Posted 22/11/2010 by siamsport
"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงขึ้นมารั้งอันดับ 4 ของตารางแล้ว หลังจากที่บุกไปถล่ม ฟูแล่ม เละคารัง 4-1 คาร์ลอส เตเวซ ซัดคนเดียว 2 ประตู ทำให้ตอนนี้มีแต้มตามหลังจ่าฝูง เชลซี เพียง 3 คะแนนเท่านั้น ขณะที่ แบล็คเบิร์น เปิดรังเอาชนะ แอสตัน วิลล่า ไปสบายๆ 2-0 ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนที่ผ่านมา
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟูแล่ม 1 - 4 แมนฯ ซิตี้
สนาม : คราเวน ค็อตเทจ
เกมที่สังเวียนคราเวน ค็อตเทจ ฟูแล่มภายใต้การคุมทีมของมาร์ค ฮิวจ์สอดีตกุนซือแมนฯ ซิตี้นำทัพเจ้าสัวปะทะกับอดีตสโมสรโดยปราศจากมุสซ่า เด็มเบเล่กองหน้าที่บาดเจ็บ แต่สองกองหลังคริส แบร์ดกับคาร์ลอส ซัลซิโด้ผ่านการทดสอบความฟิตตามคาด
ส่วนทีมเรือใบมีโจ ฮาร์ทนายทวารซึ่งถอนตัวจากเกมทีมชาติด้วยอาการเจ็บหลังลงเล่นได้ แต่ดร็อปเจมส์ มิลเนอร์ลงไปนั่งเป็นตัวสำรองพร้อมทั้งเพิ่มกองหน้าโชลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกนัดแรกตั้งแต่เดือนต.ค.
.2008
เริ่มดวลกันมาได้แค่ 6 นาที ทีมเงินถังก็เบิกสกอร์ได้อย่างเร็วจี๋จากจังหวะที่อาร่อน ฮิวจ์แนวรับเจ้าบ้านเตะสาดเคลียร์บอลในแดนตัวเองไม่ดีพอไปเข้าทางให้แกเร็ธ แบร์รี่แทงขึ้นหน้าเปิดทางให้คาร์ลอส เตเวซสลัดหลุดซัลซิโด้เข้าไปเช็คบิลผ่านมาร์ค ชวาร์เซอร์จาก 14 หลาพาทีมเยือนบุกมานำก่อน 1-0 ต่อหน้าดีเอโก้ มาราโดน่าอดีตกุนซือทีมชาติอาร์เจนติน่าที่เดินทางมาดูเกม
ถึงกระนั้น เจ้าถิ่นก็บ่ยั่น เดินหน้าบุกใส่อาคันตุกะตามแรงเชียร์ แต่นาทีที่ 22 เกือบโดนดีเพิ่มจากลูกโต้กลับเมื่อยกพลบุกไปเล่นลูกฟรีคิกในแดนแมนฯ ซิตี้กันทุกชีวิตแล้วแดนนี่ เมอร์ฟีย์จ่ายบอลจากกราบขวาแย่ โดนดาบิด ซิลบาตัดบอลได้จึงวางยาวขึ้นหน้าให้อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟหลุดเดี่ยวไปซัดด้วยซ้ายระยะ 20 หลา ทว่าชวาร์เซอร์ทิ้งตัวปัดได้เยี่ยม
อย่างไรก็ดี นับจากนั้นเกมก็ตกเป็นของแมนฯ ซิตี้อย่างเต็มตัวโดยนาทีที่ 32 เดเมี่ยน ดัฟฟ์สกัดบอลโยนจากกราบซ้ายของซิลบาไม่เต็มเกือก เลยโดนปาโบล ซาบาเลต้าดาวเตะอาร์เจนไตน์อีกรายปรี่เข้ามากระทุ้งจาก 20 หลา ส่งบอลพุ่งเข้าปะทะตาข่ายอย่างเด็ดขาดพาทีมเรือใบนำเพิ่มเป็น 2-0
เท่านั้นไม่พอ ผ่านมาอีกสามนาที แฟนเจ้าสัวก็ต้องเซ็งหัวใจเป็นคำรบสามเมื่อถูกทีมเยือนบุกใส่แล้วเตเวซไหลบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ยาย่า ตูเร่กดเสียบเสาไกลโดยที่ซัลซิโด้เข้าประกบดาวเตะผิวสีหลวมเกินไป จึงเป็นอันว่าทีมเยือนนำห่างสุดกู่ 3-0
ช่วงที่เหลือ ฟูแล่มพยายามเร่งเกมรุกเต็มสูบ แต่แมนฯ ซิตี้ยังมีฟอร์มที่แกร่งทั่วแผ่นจึงไม่เพลี่ยงพล้ำแม้แต่น้อย ครบ 45 นาทีทีมของกุนซือโรแบร์โต้ มันชินี่จึงนำอยู่ 3-0 เช่นเดิม
ครึ่งหลังเจ้าสัวเปลี่ยนผู้เล่นทันทีโดยส่งโซลตาน เกร่าลงไปแทนดัฟฟ์ และกางตำราลุยแหลก แต่นาทีที่ 52 ดิ๊กสัน เอตูฮูกองกลางผิวสีก็โดนจดชื่อโทษฐานทำฟาวล์ไนเจล เดอ ย็องก์
นาทีต่อมา ทีมเมืองกรุงเกือบตีไข่แตกได้เมื่อซัลซิโด้เสริมเกมขึ้นทางซ้ายไปโยนบอลจากเส้นหลังลึกมาเสาไกลให้เกร่าโขกระยะหกหลา ทว่าฮาร์ทปัดป้องได้เยี่ยม
จากนั้นในนาทีที่ 55 ทีมเรือใบก็หวิดได้ประตูเพิ่มจากเกมโต้กลับเมื่อยาย่า ตูเร่แทงบอลให้เตเวซกระชากหลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษไปซัดระยะ 14 หลา ดีที่ว่าชวาร์เซอร์หุบขาบล็อคได้ทัน
กระนั้นก็ดี จากลูกเตะมุมทางขวาของอาคันตุกะ เอตูฮูก็เตะสกัดไม่เต็มเท้าอีก เลยโดนซาบาเลต้ายิงสวนกลับมาจาก 20 หลาแล้วเตเวซที่ยืนอยู่หน้าปากประตูสะกิดเปลี่ยนทางเข้าตุงตาข่ายทำให้แมนฯ ซิตี้ทิ้งห่างเป็น 4-0 ในนาทีที่ 56
ผ่านมาถึงนาทีที่ 64 ฟูแล่มใช้งานตัวสำรองรายที่สองโดยปล่อยดิโอม็องซีย์ กามาร่ากองหน้าลงเล่นแทนเอตูฮู และเกือบได้ประตูปลอบใจในนาทีที่ 69 เมื่อกามาร่าพลิ้วขึ้นทางซ้ายไปจ่ายบอลเข้าเสาแรกให้แอนดรูว์ จอห์นสันเข้าชาร์จระยะหกหลา แต่ถูกแว็งซ็องต์ กอมปานีเข้าสไลด์ทิ้งได้อย่างเฉียดฉิว
ถึงกระนั้นจากลูกเตะมุมของเจ้าบ้าน โชก็สกัดไปเข้าทางให้เกร่ากดสวนเข้ามาจาก 20 หลาแล้วคลินตัน เดมป์ซีย์สะกิดต่อที่ระยะหกหลาตุงตาข่ายช่วยให้เจ้าสัวไล่มา 1-4 ในนาทีที่ 70 แต่มีการยกให้เป็นประตูของเกร่า
ถึงตรงนี้ เจ้าถิ่นมีกำลังใจบุกหนักขึ้น และนาทีที่ 76 ซาบาเลต้าก็ได้ใบเหลืองข้อหาเสียบใส่กามาร่าพร้อมทั้งติดโทษแบนนัดหน้าจากการสะสมใบเหลืองครบห้าใบ
นาทีต่อมา ทีมเรือใบเปลี่ยนเตเวซออกโดยมีอดัม จอห์นสันลงเล่น ก่อนที่แอนดรูว์ จอห์นสันจะรับใบเหลืองในจังหวะเสียบกอมปานี แต่สุดท้ายฟูแล่มก็ไม่อาจคลำเป้าเพิ่มได้อีกแม้จะโหมบุกหนัก จบเกมจึงแพ้แมนฯ ซิตี้ขาดลอยในบ้าน 1-4 ทำให้ แมนฯ ซิตี้ รั้งอันดับ 4 ของตาราง มีแต้มตามหลังจ่าฝูง เชลซี เพียง 3 คะแนนเท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ฟูแล่ม : มาร์ค ชวาร์เซอร์, คริส แบร์ด, เบรเด้ ฮันเกลันด์, อารอน ฮิวจ์ส, คาร์ลอส ซัลซิโด้, ไซม่อน เดวี่ส์, ดิ๊กสัน เอตูฮู, แดนนี่ เมอร์ฟี่, เดเมี่ยน ดัฟฟ์, คลินท์ เดมพ์ซี่ย์, แอนดี้ จอห์นสัน
สำรอง : เดวิด สต็อคเดล, สตีเฟ่น เคลลี่, จอห์น พานท์ซิล, คากิโช่ ดิ๊คกาคอย, โจนาธาน กรีนนิ่ง, โซลตาน เกร่า, ดิโอม็องซี่ กามาร่า
แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, ปาโบล ซาบาเลต้า, โคโล่ ตูเร่, แว็งซ็องต์ ก็อมปานี, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เดอ ยอง, แกเร็ธ แบร์รี่, ดาบิด ซิลบา, โช, คาร์ลอส เตเวซ
สำรอง : เชย์ กิฟเว่น, เดดริค โบยาต้า, ปาทริค วิเอร่า, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, เจมส์ มิลเนอร์, อดัม จอห์นสัน, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน
แบล็คเบิร์น 2 - 0 แอสตัน วิลล่า
สนาม : อีวู้ด พาร์ค
คู่แรกของเกมวันอาทิตย์ กุหลาบไฟ ต้องขาด เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน มิดฟิลด์ออสซี่ บาดเจ็บ ทำให้ต้องส่ง เดวิด ดันน์ ลงตัวจริง ส่วนแดนหน้าปรับทัพตำแหน่งเดียวส่ง เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ ลงตัวจริงแทน นิโกล่า คาลินิช
ด้าน สิงห์ผงาด ใส่ชื่อ โรแบร์ ปิแรส มิดฟิลด์คนใหม่ ที่เพิ่งเซ็นสัญญา 6 เดือนเป็นตัวสำรองทันที ส่วน 11 คนแรกไม่มีชื่อ เจมส์ คอลลินส์ กับ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ทำให้ เคียแรน คล้าร์ก กับ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ลงตัวจริง
เกมเริ่มปุ๊บ ทั้งสองทีมเปิดหน้าแลกหมัดกันเลย นาทีที่ 3 แบล็คเบิร์น ได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา เพื่อเขี่ยสั้นๆ ให้ คริสโตเฟอร์ แซมบ้า ตะบันเท้าขวาติดไซด์ก้อยหลุดเสาขวามือออกไป
จังหวะโต้กลับของ แอสตัน วิลล่า ในนาทีเดียวกัน สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ตวัดบอลต่อให้ สจ็วร์ต ดาวนิ่ง ใช้ความเร็วจิ้มบอลเข้าเขตโทษด้านขวา ก่อนซัดด้วยเท้าขวาไปติดบล็อค พอล โรบินสัน ออกไป
นาทีที่ 12 ยังเป็นโอกาสลุ้นของทีมเยือน จากจังหวะที่ แบร์รี่ แบนแนน มิดฟิลด์ดาวรุ่ง เก็บบอลหน้ากรอบโทษ แล้วซัดด้วยซ้ายบดเรียดหลุดเสาแรกออก
ให้หลัง 2 นาที แอสตัน วิลล่า เกือบได้อีกครั้ง แอชลี่ย์ ยัง ได้บอลในกรอบโทษด้านซ้าย สับขาหลอกคู่แข่งก่อนโยกเข้าซ้ายแล้วซัดมุมแคบทันที โรบินสัน ใช้ขาเซฟได้อีก
หลังโดนบุกอยู่พักใหญ่ กุหลาบไฟ เริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง นาทีที่ 32 มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น เปิดฟรีคิกจากด้านขวา เจสัน โรเบิร์ตส์ ขึ้นโหม่งข้ามคานออกไปอีก
เข้าสู่ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกออกไป 2 นาที แบล็คเบิร์น มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในช่วงวินาทีสุดท้ายพอดี จากฟรีคิกด้านขวา มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น ปั่นด้วยเท้าซ้ายหลอกยิง บอลเลี้ยวโค้งข้ามมือ แบร๊ด ฟรีเดล ที่ปัดโดนแค่เฉี่ยวๆ เข้าไปแบบไม่มีใครคาดคิด จบครึ่งแรก แบล็คเบิร์น นำ 1-0
ครึ่งหลัง แบล็คเบิร์น ต้องส่ง ปาสกาล ชิมบงด้า ลงแทน กาแอล ชิเวต์ ที่บาดเจ็บในครึ่งแรกเล่นต่อไม่ไหว
เพียงแค่ 3 นาทีในครึ่งหลัง แอสตัน วิลล่า น่าได้ประตูตีเสมอถึงสองครั้งซ้อน เริ่มจาก แอชลี่ย์ ยัง ลากบอลหาช่องหน้ากรอบโทษแล้วซัดเต็มเหนี่ยว แต่ โรบินสัน พุ่งปัดเอาไว้ได้ และอีกครั้งในช่วงไม่กี่อึดใจต่อมา สจ็วร์ต ดาวนิ่ง ก็หยอดบอลให้ ยัง คนเดิม โหม่งไปชนคาน
เจ้าถิ่นเองก็สบโอกาสสวยๆ ในการทำประตูที่สอง ในนาทีที่ 52 ฟิล โจนส์ รับบอลหน้ากรอบโทษ แล้วแต่งหลอกตัวพุ่งบล็อคเข้าเท้าซ้ายอย่างสวย แต่ดันซัดเรียดไปตรงตัว ฟรีเดล
นาทีที่ 63 ทีมเยือนเกือบเสียท่าเอง เมื่อ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ไปลื่นล้มเสียการครองบอล ทำให้ เจสัน โรเบิร์ตส์ ป้ายบอลต่อให้ เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ ควบบอลเข้าเขตโทษด้านขวาแล้วพยายามจะชิพข้ามตัว ฟรีเดล แต่ไม่ผ่าน
แบล็คเบิร์น มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จนได้ในนาทีที่ 66 จากลูกเตะมุมที่ถูกสกัดออกมา ปาสกาล ชิมบงด้า ยิงสวนไปติดบล็อคกระดอนออกมาในกรอบโทษด้านขวา ไรอัน เนลเซ่น เก็บได้แล้วยิงเรียดกลับเข้ามาหน้าประตู มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น ตวัดยิงเปลี่ยนทางเสียบตาข่าย
หลังจากนั้น แอสตัน วิลล่า ต้องส่งมิดฟิลด์คนใหม่ โรแบร์ ปิแรส สวมเสื้อหมายเลข 8 ลงเล่นแทน สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ ในนาทีที่ 69
กลายเป็นเจ้าบ้านที่เกือบได้เม็ดสามอีกในนาทีที่ 72 มิเชล ซัลกาโด้ เติมเกมลุยขึ้นมาทางกราบขวา ก่อนหยอดไปที่เสาสองให้ เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ ยืนโหม่งคนเดียวโล่งๆ แล้ว แต่ดันโหม่งข้ามคานเหลือเชื่อ
ช่วงท้าย ทีมเยือนพยายามแก้เกมรุกด้วยการส่ง นาธาน เดลฟอนโซ่ กองหน้าดาวรุ่งลงแทน กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ในนาทีที่ 78 แต่ก็ทวงประตูคืนไม่ได้
จบเกม แบล็คเบิร์น เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 2-0 ทำให้ กุหลาบไฟ ถีบตัวเองขึ้นมาอยู่กลางตารางแล้ว แถมยังทำแต้มแซง วิลล่า ด้วย
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แบล็คเบิร์น : พอล โรบินสัน 8, มิเชล ซัลกาโด้ 7, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า 7, ไรอัล เนลเซ่น 6, กาแอล ชิเวต์ 6 (ปาสกาล ชิมบงด้า 6 น.46), เดวิด ดันน์ 6, ฟิล โจนส์ 7, มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซ่น 8 (เอโรลด์ กูลง 6 น.72), ดาวิด ฮอยเล็ตต์ 6 (มาเม่ ดิยุฟ 6 น.64), เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ 6, เจสัน โรเบิร์ตส์ 6
สำรองไม่ได้ใช้ : มาร์ค บันน์, แกรนท์ แฮนลี่ย์, จอช มอร์ริส, นิโกล่า คาลินิช
แอสตัน วิลล่า : แบร๊ด ฟรีเดล 4, ลุค ยัง 7, ริชาร์ด ดันน์ 6, เคียแรน คล้าร์ก 5, สตีเฟ่น วอร์น็อค 5, แบร์รี่ แบนแนน 6, โจนาธาน ฮ็อกก์ 5 (คริส เฮิร์ด 6 น.81), สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 6, สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 5 (โรแบร์ ปิแรส 6 น.69), แอชลี่ย์ ยัง 7, กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 5 (นาธาน เดลฟอนโซ่ 6 น.78)
สำรองไม่ได้ใช้ : แบร๊ด กูซาน, เอริค ลิชาจ, เชน โลว์รี่, อิไซอาห์ ออสบอร์น
ผู้ตัดสิน : ไมเคิ่ล โอลิเวอร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
วิเคราะห์บอล ทีมชาติฟิลิปปินส์ พบ ทีมชาติไทย วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. 67
เขี่ยอินโดฯตกรอบ แข้งฟิลิปปินส์ โดนสโมสรอินโดฯยกเลิกสัญญา
ต้องจ่ายหากหวังแชมป์!ยอร์ค ชี้ อาร์เซน่อล ควรเซ็น อิซัค
ที่สุดของหัวใจ! ไกเซโด้ เผยครอบครัวไม่ยอมกินเพื่อซื้อสตั๊ดให้ตน
ไม่ต้องพูดถึงแชมป์!เป๊ป รับ แมนซิตี้ เสี่ยงชวดลุย แชมเปี้ยนส์ ลีก
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
แม่เจ้าโว้ย! นักร้องสาวนุ่งบิกิน...
มาย ฮาเร็ม ส่งภาพเขย่าโซเชียล นุ...
เจนนี่ ธมนภัค พริตตี้สุดฮอต นุ่ง...
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
คลิปไฮไลท์