บรรยากาศแข้งไทยอึมครึมหลังเจ๊าลาว 2-2 ด้าน ไบรอัน ร็อบสัน กุนซือใหญ่ชาวเมืองผู้ดีของไทยปล่อยลูกทีมรีแลกซ์, เข้าเวตช่วงเช้าก่อนพาไปฟิตเข้มช่วงเย็น โดยเน้นย้ำตอนนี้เรื่องสมาธิคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยให้นักเตะไทยคืน ฟอร์ม ก่อนเปิดโอกาสให้สื่อไทยเก็บภาพได้ 10 นาทีเท่านั้นเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวในระหว่างติวเข้ม


     วิศรุต มีบำรุง ผู้สื่อข่าวสยามกีฬาและฟุตบอลสยาม พร้อมด้วย คะนองเดช สุขกากิจ ช่างภาพฟุตบอลสยาม และ ชรัตน์ เบ็ญรัศซอ ช่างภาพสยามกีฬาทีวี รายงานความเคลื่อนไหวในศึกฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010 รอบแรก ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 1-7 ธ.ค. 53 ซึ่งทีมชาติไทย ที่ลงสนามก่อนจะทำได้เพียงแค่เสมอกับทีมชาติลาว 2-2 ในเกมนัดแรกเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา
 

 
     ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทยในช่วงเช้าเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ที่ผ่านมา ด้าน ไบรอัน ร็อบสัน กุนซือใหญ่ชาวอังกฤษ ปล่อยให้ลูกทีมรีแลกซ์ภายในโรงแรมสุลต่านซึ่งเป็นที่พักของทัพนักเตะไทย รวมถึงการเล่นเวทเทรนนิ่ง ก่อนที่จะมารวมตัวกันรับประทานอาหารกลางวัน โดยจากผลการแข่งขันที่ทำได้แค่เสมอกับทีมชาติลาว 2-2 ในเกมแรก ทำให้บรรยากาศภายในทีมดูจะอึมครึม นักเตะส่วนใหญ่มีสีหน้าซีดเซียว พร้อมกับไม่แจ่มใสและร่าเริงเหมือนช่วงแรกที่เดินทางมาถึง

 
     ขณะที่ช่วงเย็นเวลา 16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ด้าน "เสี่ยแฮ๊งค์" อนุชา นาคาศัย ผจก.ทีมชาติไทย พร้อมด้วย ไบรอัน ร็อบสัน กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย ได้นำลูกทีมเดินทางไปฝึกซ้อมกันที่สนามลูเบ็ค บูรุส ใช้เวลาเดินทางจากที่พักยังโรงแรมสุลต่านประมาณ 30 นาที ซึ่งการฝึกซ้อมครั้งนี้  ร็อบสัน ได้เน้นในเรื่องของความสัมพันธ์ในทีมให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะสถานการณ์ดูเหมือนจะบีบบังคับให้ทีมชาติไทยต้องชนะมาเลเซียในเกมวันที่ 4 ธ.ค. สถานเดียว

 
     พร้อมกันนั้น ร็อบสัน เผยถึงสิ่งสำคัญในตอนนี้ที่จะทำให้ลูกทีมกลับมาสู่ฟอร์มเดิมให้ได้นั้นคือ เรื่องของสมาธิ เพราะหากทุกคนมีความมุ่มมั่นกับเกมรวมถึงตั้งอกตั้งใจในการลงเล่นเพื่อสร้าง ชื่อเสียงใก้กับประเทศไทย ผลงานที่จะออกมารับรองเลยว่าจากศักยภาพรวมถึงฝีเท้านักเตะไทยดูจะไม่ได้เป็น รองชาติไหนๆ ในอาเซียนเลย หากทุกคนมีสมาธิ

 
     ในระหว่างการฝึกซ้อมมื้อเย็น ร็อบสัน ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากประเทศไทยได้ได้ทำการสัมภาษณ์รวมถึงเก็บภาพการ ซ้อมได้เพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะบอกให้เจ้าหน้าที่สนามทำการเชิญกลุ่มผู้สื่อข่าวจากไทยออกทันที กุนซือใหญ่ชาวอังกฤษ ได้ให้เหตุผลว่าต้องการให้ลูกทีมมีสมาธิไม่วอกแวกระหว่างการฝึกซ้อม

 
     พร้อมกันนั้น "เสี่ยแฮ๊งค์" อนุชา นาคาศัย ผจก.ทีมจอมทุ่มของทีมชาติไทย เปิดเผยถึงเป้าหมายของทีมชาติไทยในรายการนี้แม้ว่าจะพลาดท่าเสมอลาว 2-2 ในเกมแรก แต่เป้าหมายของทีมชาติไทยยังคงอยู่ที่การเป็นแชมป์ในรายการนี้เหมือนเดิม
 
     "แน่นอนว่าทุกคนผิดหวังกับผลที่เกิดขึ้นในเกมแรก  หลังจบเกมเราได้มีการทบทวนถึงบทเรียนที่เกิดขึ้น และตอนนี้ร็อบสันรวมถึงทีมงานสตาฟฟ์ทุกคนกำลังแก้จุดบอดกันอย่างหนักและดู เหมือนว่าตอนนี้เราจะพร้อมกับมาไล่ล่าชัยชนะอีกครั้ง สำหรับผมเองยังวางเป้าเหมือนเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงนั้นคือทีมชาติไทยที่มี ผมเป็นผู้จัดการทีมจะสามารถฝ่าด่านอุปสรรค์ต่างๆ เพื่อก้าวไปคว้าแชมป์ในรายการนี้ให้ได้ ผมมั่นใจอย่างนั้นครับ"

 
     ขณะที่ "น้าเทิด" เทิดศักดิ์ ใจมั่น มิดฟิลด์ลายคราม เปิดเผยด้วยว่า ยอมรับว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นการแข่งขันที่เหนื่อยที่สุดเพราะมีการเตรียม ทีมแค่วันเดียว ส่วนในนัดที่เจอกับลาวเราเล่นกันไม่ดีเอง ประกอบกับลาวเตรียมทีมมาดีเราจึงทำได้เพียงแค่เสมอ ส่วนนัดต่อไปที่จะต้องลงเตะกับมาเลเซียนั้น ต้องชนะสถานเดียว ซึ่งทางมาเลเซียเองก็ต้องการชัยชนะเหมือนกัน เชื่อว่าเกมในวันนั้นน่าจะเป็นเกมที่สนุกอีกเกมหนึ่ง
 
     ส่วน "โกโก้" ดัสกร ทองเหลา เพลเมคเกอร์แห่งค่าย "กิเลนผยอง" เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ได้เผยว่า "ตอนนี้ร่างกายฟิตสมบูรณ์ดีเพราะได้พักมากกว่าคนอื่นๆ ส่วนสภาพจิตใจต้องยอมรับว่านักเตะทุกคนเศร้าไปตามๆ กันภายหลังที่เสมอกับลาว แต่ทุกคนยังมั่นใจว่าจะเก็บ 3 แต้มจากนัดที่เจอกับมาเลเซียได้ ซึ่งก็อยากให้แฟนบอลชาวไทยเชื่อในตัวนักเตะว่าจะสามารถกลับมาทำผลงานได้ดี และผ่านเข้ารอบต่อไปได้

 
     ส่วนของสถานการณ์ล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องความพร้อมของนักเตะไทย ซึ่งตอนนี้ขุมกำลังหลักหลายรายสามารถกลับมาลงซ้อมได้อย่างเต็มรูปแบบ จะมีเพียงแค่ "เบิร์ท" สุธี สุขสมกิจ ตัวรุกฝั่งซ้ายที่มีอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา ซึ่งจากการเปิดเผยของทีมงานสตาฟฟ์ถือว่าไม่เป็นปัญหา น่าจะฟิตทันในเกมพบมาเลเซียวันที่ 4 ธ.ค. อย่างแน่นอน 

 
     สำหรับงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนการแข่งขันระหว่างทีมชาติไทยพบกับ ทีมชาติมาเลเซีย ในเกมนัดที่ 2 สายเอ ทางเอเอฟเอฟเตรียมจัดงานมีทเดอะเพรสเพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถามถึง ความพร้อมของทั้งสองชาติ โดยจะมีขึ้นที่ในเวลา 14.00 น. ณ ห้องรับรองโรงแรมสุลต่าน 

 
     ขณะที่ผู้สนับสนุนของทีมชาติไทยอย่าง ไนกี้ เปิดตัวกิจกรรม "ไนกี้ ชูต" เป็นกิจกรรมที่ไนกี้จะทำให้แรงใจจากแฟนบอลถ่ายทอดไปถึงในสนามเจโลร่า บัง คลาโน่ ซึ่งกิจกรรม "ไนกี้ ชูต" คือป้ายโฆษณาข้างสนามแบบดิจิตอลในระบบแอลอีดีชุดแรกในย่านอาเซียนที่จะนำ ความรู้สึกของแฟนฟุตบอลมาร่วมเพิ่มสีสันในสนามผ่านช่องทางสื่อเครือข่าย สังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นทวิตเตอร์ หรือ เฟซบุ๊ก โดยข้อความให้กำลังใจจากแฟนลูกหนังที่คอยเชียร์อยู่ทางบ้านและในที่ต่างๆ ทั่วทั้งภูมิภาคจะถูกส่งตรงเข้าสู่สนามให้ผู้เล่นได้ร่วมรับรู้สดๆ ในระหว่างการแข่งขัน
 
     สำหรับกิจกรรมนี้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในสี่ประเทศในภูมิภาคอาเซียน (สิงคโปร์, มาเลเซีย, ไทย และอินโดนีเซีย) ที่จะสามารถส่งข้อความดังกล่าวผ่านช่องทางสื่อเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยข้อความที่รวบรวมไว้ตั้งแต่วันเปิดรับข้อความไปจนถึงช่วงการแข่งขันนัด แรกที่ถ่ายทอดสดจะถูกคัดเลือกเพื่อไปปรากฏบนป้ายข้างสนามระบบดิจิตอลแอลอีดี เพื่อเป็นกำลังใจให้กับชาติที่แฟนลูกหนังนร่วมเชียร์

             
       ควันหลงจากเกมที่ทีมชาติไทยพลาดท่าทำได้แค่เสมอกับทีมชาติลาว 2-2 ศึกเอเอฟซี ซูซูกิ คัพ 2010 เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมานั้น ทาง "บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาสมาคมฟุตบอลฯ ได้ออกมาพูดถึงความผิดหวังครั้งนี้ว่า
             
     "มันเป็นสถิติที่เรามองว่าน่าผิดหวัง เพราะในรอบ 41 ปี ที่ผ่านมา เราสามารถเอาชนะทีมชาติลาวมาได้ตลอด อีกทั้งมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี และแรงกิ้งของเราที่สูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งผมยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าอีก 2 นัดที่เหลือ ซึ่งเราจะพบกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย นักเตะของเราจะสามารถฟื้นกลับมาได้หรือไม่ เพราะอย่างที่เห็นกันผู้เล่นทุกคนมีความอ่อนล้า หลังจากที่โปรแกรมลีกบ้านเรามีเยอะจนเกินไป"

              
     จากกระแสข่าวของแฟนบอลที่มีเสียงจากแฟนบอลในประเทศไทยให้สมาคม ฟุตบอลฯ ดำเนินการปลด ไบรอัน ร็อบสัน พ้นจากเก้าอี้ หลังจากสร้างความผิดหวังทั้งในเอเชียนเกมส์ และเกมล่าสุดที่ไล่ตีเสมอทีมชาติลาว 2-2 โดยเรื่องนี้ "บิ๊กเปี๊ยก" ได้เผยว่า ตนไม่สามารถมีสิทธิ์ทำการไล่ออกได้ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับทางนายกสมาคมฟุตบอลฯ เท่านั้น แต่ถ้าทำผลงานไม่ประสบความสำเร็จในรายการซูซูกิ คัพ อาจจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้