“จอย ศิริลักษณ์” เลิก “แม็ค” ได้เดือนกว่า จบสัมพันธ์ 7 ปี เผยเป็นฝ่ายบอกขอแยกทางเอง เหตุยังไม่พร้อมแต่งงาน ยันจบด้วยดีและแยกตัวออกมาเปิดบริษัทเองแล้ว กังวลพลิกเล่นร้ายครั้งแรกกับละครของเอ็กแซ็กท์ ลั่นไม่ห่วงถูกฟ้องคดีก่อการร้ายและซ่องโจร
      
เป็นคู่รักที่พักหลังไม่ค่อยแสดงความหวานให้เห็นกันสักเท่าไหร่ สำหรับคู่ของนางเอกสาว “จอย ศิริลักษณ์ ผ่องโชค” กับแฟนหนุ่ม “แม็ค วินัย วัฒนราษฎร์” ที่คบหากันมายาวนานเกือบ 7 ปีแล้ว จนหลายๆ คนแอบลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นงานวิวาห์ของทั้งคู่ แต่ความหวังนั้นก็ต้องพังสลายไป เมื่อสาว “จอย” ออกมายอมรับว่าได้เลิกรากับแฟนหนุ่มได้เดือนกว่าแล้ว โดยตนเป็นฝ่ายอยากหยุดความสัมพันธ์ไว้แค่นี้
      
“กับพี่แม็คก็แยกทางกันจริงค่ะ คือมันเป็นเรื่องของคนสองคนในรายละเอียดนะคะ แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราพูดคุยกัน และไม่ได้ใช้อารมณ์ใส่กัน และจอยอยากเลือกวิธีนี้ เลือกทางนี้ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องอื่นๆ แต่มันเป็นปัญหาของระยะเวลาในการคบกัน และมันก็จะต้องมีสเต็ปต่อๆ ไป พอเราพูดคุยกันจอยก็มานั่งคิดนั่นคิดนี่ว่า ถ้าวันนี้จอยเลือกแบบนี้ก่อนดีกว่า เราคบกันมาจะเข้าปีที่ 7 แล้วค่ะ แต่ที่เลิกกันก็เป็นเดือนแล้ว เฮิร์ทไหม มันก็มีบ้างกับความที่อะไรมันเปลี่ยนๆ ไปจากที่ 6-7 ปี มันก็มีบ้างค่ะ เยอะเลยแหละ (หัวเราะ) แต่มันไม่ได้ใช้อารมณ์ เพราะโตๆ กันแล้ว”
      
“มือที่สามไม่มีค่ะ จอยคิดว่าเขาไม่มี และคิดว่าเขาก็ไม่น่าคิดว่าเราจะมีได้ แต่สาเหตุคือมันเป็นเรื่องเดิมที่เราพูดคุยกันมาสม่ำเสมอ เวลานั่งคุยอะไรที่เป็นกิจจะลักษณะกัน ปีนี้ก็คุยทีนึง ปีต่อไปก็คุยทีนึง ทีนี้พอมาถึงตรงนี้เราก็รู้สึกอย่างนี้ เราจริงใจกับความรู้สึกของตัวเองก็เลยคุยกับเขา เขาก็ยอมรับการตัดสินใจของเรา ที่เหลือก็เป็นเรื่องที่เราต่างคนต่างต้องจัดการดูแลความรู้สึกตัวเอง เป็นอาถรรพ์เลข 7 หรือเปล่า ไม่ทราบเหมือนกัน มันยังไม่ถึงเลข 7 นะ ก็แล้วแต่ค่ะ ถ้าอยากคิดให้มันเป็นก็คิดได้ (หัวเราะ) ตอนนี้เราก็ไม่ได้คุยกันแล้วค่ะ คิดว่าไม่คุยดีกว่า เพราะจอยคิดว่ามันจะง่ายขึ้นกับการที่จะดูแลความรู้สึกตัวเองทั้งคู่ แต่ไม่ใช่ว่าโกรธกัน ไม่คุยกันนะคะ แต่จอยคิดว่าแบบนี้มันง่ายกว่า”
      
“ส่วนบริษัทที่ทำด้วยกันตอนนี้ก็ปิดไปค่ะ แล้วก็จะเปิดใหม่เป็นของเราเอง (หัวเราะ) คือเดิมมันเป็นบริษัทที่มีหลายหุ้นอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าเป็นของจอยกับพี่แม็ค หรือเป็นของจอยคนเดียว แต่ก็ด้วยความสบายใจจอยก็อยากปิดบริษัทซะ แล้วก็จะเปิดบริษัทใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงจดทะเบียนใหม่อยู่ ดูแล้วไม่น่าเลิกกันด้วยดีเหรอ ไม่นะ ก็เลิกกันด้วยดีนะคะ(หัวเราะ) คือจอยอาจจะเป็นคนแบบนี้มั้ง ไม่งั้นมันยากกับการทำใจ หรือจะทำงานจะทำอะไรใหม่ๆ”
      
“ตอนนี้ก็ไม่ได้เปิดหรือปิดรับใครใหม่ค่ะ จอยให้หัวใจเป็นตัวนำไป มันคงบอกเราเองถ้าสมมติมีคนเข้ามา แต่ถ้าจอยไม่พร้อมมันก็คงปิดของมัน ถ้ามันพร้อมมันก็คงเปิด และบางทีไม่ได้อยู่ที่ว่าใครเข้ามาก็เปิด มันคงต้องมีหลายอย่าง อาจจะบังเอิญเป็นคนที่ใช่เข้ามาเลยเปิดรับหรือเปล่าไม่ทราบเหมือนกัน แต่ก็ยอมรับว่ากลัวๆ เหมือนกัน แต่ถ้าไม่มีใครเข้ามาเลยมันก็แปลก แต่ก็เพื่อนเยอะค่ะ มีคนนั้นคนนี้โทรมาคุยชวนไปนั่นไปนี่ แล้วยิ่งตอนนี้มาลงละครด้วยก็คงยุ่งๆ เป็นยารักษาใจไป”
      
เผยมาร่วมงานกับค่ายเอ็กแซ็กท์ครั้งแรกในละครเรื่อง “ตลาดอารมณ์” แถมยังเล่นเป็นนางร้ายสุดขั้วที่เจ้าตัวไม่เคยแสดงมาก่อน 
      
“เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกกับเอ็กแซ็กท์ค่ะ ก็ทิ้งช่วงจากที่ละครออนแอร์ไปก็นานพอสมควรเลย กลับมาทวงบัลลังก์เหรอ ขนาดนั้นเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองมีบัลลังก์นะ (หัวเราะ) ถ้าพูดจริงๆ ก็คือรอร่วมงานกับเอ็กแซ็กท์มานานนะคะ แล้วก็มีหลายครั้งที่เราได้พูดคุยกัน พี่เขาพอมีงานก็นึกถึงเรา แต่ว่าที่ผ่านมามันเหมือนกับคุยกันแล้วยังไม่ลงตัวในรายละเอียด ก็เลยไม่ได้ร่วมงานกัน แต่พอมาเป็นเรื่องนี้เรากำลังรอให้มีบทอะไรที่อ่านแล้วอยากเล่น ซึ่งพออ่านแล้วมันก็อยากเล่นจริงๆ แต่ทีนี้ก็ติดว่าไม่กล้าเล่น เพราะเราไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีไหม และบทนี้มันไม่ใช่ทางที่เราเคยเล่นมาเลย”
      
“ทีนี้ก็เลยคุยกับผู้กำกับ ซึ่งให้กำลังใจดีมาก ให้เราอุ่นใจ และคนสำคัญอีกคนที่ทำให้ตัดสินใจได้เลยก็คือปิยธิดา (ป๊อก ปิยธิดา วรมุสิก) เพราะเราเคยเมาท์กันว่าน่าจะได้เล่นอะไรด้วยกันเนอะ แบบเชือดเฉือนกันรุนแรง แล้วปรากฏพอเรื่องนี้มาแล้วป๊อกเล่น แวบแรกก็โอเคไปแล้วตั้งแต่ยังไม่ได้อ่าน แต่พอโดยรวมเป็นอย่างนี้ก็เลยตกลงว่าเล่นเรื่องนี้ แล้วค่อยไปฝ่าฟันกันข้างหน้า (หัวเราะ) สำหรับบทนี้ก็จะเป็นร้ายที่ร้ายสุดขั้ว ชั่วสุดขีด ก็กลัวนะว่าจะทำได้ไหม เพราะเราก็ห่างจากละครไปนานนะ ล่าสุดก็คือ มนต์รักบ้านทุ่ง ก็น่าจะสักปีครึ่ง”
      
“ถ้าคนจะมองว่าเราขาลงหรือเปล่าเลยต้องมารับบทร้าย ก็แล้วแต่ค่ะ แต่ถ้าเป็นในมุมนักแสดงบอกตรงๆ ว่า ที่รับบทนี้ต้องใช้ความกล้าหาญมาก ในการที่จะเล่นในสิ่งที่ไม่ใช่ทาง ถ้าจะมองว่าขาลงมันคงตลกมากที่ปฏิเสธบทนางเอกไป 2 เรื่องแล้วมารับบทนี้ อยากให้เข้าใจในมุมของนักแสดงว่า เราหาบทที่อยากเล่นและท้าทายความสามารถเรา ในขณะเดียวกันเสียงตอบรับที่มาหาจอย อย่างที่เล่นผ่านๆ ไปเป็นนางเอกแบบเรียบๆ เขากลับรู้สึกว่าเขาอยากดูอะไรที่เราทำแล้วดูแรงๆ เราก็เลยมานั่งคิดและรวบรวมทุกอย่าง ก็เลยได้ความกล้าหาญพอที่จะลองทำ ลองกับบทที่มันท้าทายแบบนี้”
      
“แต่ถ้าคนดูจะติดภาพนี้ก็แสดงว่าเราคงประสบความสำเร็จกับบทนี้มั้ง ไม่รู้เหมือนกัน ตอบไม่ถูก เพราะเราไม่เคยตอบคำถามอะไรแบบนี้(หัวเราะ) คือบทแบบนี้เรายังไม่เคยเล่น มันมีอะไรหลายอย่างที่เราต้องทำ มีซีนหลายๆ ซีนที่เกิดมาในวงการนี้ก็ยังไม่เคยเล่นเลย เราก็มานั่งคิดว่าเราจะกลัวอะไร ทำไมเราไม่เล่น กลัวทำไม่ได้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ เพราะผู้กำกับก็เก่ง เขาก็ต้องขุดเราให้ออกมาให้ได้ ก็เลยคิดว่าทำ กับทางเอ็กแซ็กท์เรื่องนี้ก็แค่ร่วมงานค่ะ ไม่ได้เซ็นสัญญา เพราะเราไม่ได้คุยกันในลักษณะนั้น”
      
“นอกจากละครก็จะมีงานเพลงค่ะ อาจจะมีปล่อยๆ มานิดหน่อยให้ใครที่เผื่อรอฟังเราอยู่บ้าง ไม่ใช่ลูกทุ่งค่ะ แต่ยังเป็นแค่ช่วงส่งเนื้อให้ฟังกันอยู่ ก็คงเป็นโปรเจกต์นึงที่เราอาจจะไปแจมกับเขา เป็นการแจมกับศิลปินหลายคน ของค่ายไหนและแจมกับใครจอยคงยังบอกรายละเอียดอะไรไม่ได้ในตอนนี้นะคะ เพราะมันเป็นโปรเจกต์ของเขา แต่ตอนนี้เขาก็เร่งอยู่นะ ถ้าเสร็จเร็วๆ นี้อาจจะเป็นของขวัญปีใหม่ก็ได้ แต่ถ้ามันไม่เสร็จก็คงลากไปเรื่อยๆ”
      
ด้านคดีที่ถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติฟ้องข้อหาชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง รวมทั้งข้อหาการก่อการร้ายและซ่องโจร เมื่อครั้งที่ร่วมขึ้นร้องเพลงกับกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น “จอย” เผยว่าทนายกำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตนไม่ได้เป็นกังวลเลย
      
“เรื่องคดีก็ยังดำเนินอยู่เรื่อยๆ นะคะ ทนายก็ดูแลให้อยู่ แนวโน้มทางเรา ในมุมที่เราถูกกล่าวหามันก็ดีอยู่แล้วล่ะ เพราะคนที่คอยติดตามเรื่องการเมืองก็คงเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ห่วงอะไร ไม่กังวลนะคะ กังวลเรื่องละครมากกว่า ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลย”