สองอดีตโค้ชทีมชาติไทย เปิดใจแก้วิกฤตบอลไทยในเรื่องเด่นเย็นนี้ "ขงเบ้งลูกหนัง" อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ชี้ทางสว่างทีมชาติไทย ต้องแก้ไขปัญหาให้เป็นระบบขั้นตอน ส่วน "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ยันสมาคมฯ ต้องเร่งสร้างทีมเยาวชน และจำเป็นต้องมีประธานพัฒนาเทคนิค ที่ต้องเร่งสรรหาคนมีความสามารถ และวิสัยทัศน์กว้างไกลมาทำงาน ด้าน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี โต้สมาคมลูกหนังได้ทำโครงการสร้างนักเตะเยาวชนมา 7-8 ปีแล้ว สร้างผลงานเอาไว้มากมาย

     กลายเป็นกระแสสังคมที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวาง ในห้วงเวลานี้ สำหรับผลงานของทีมชาติไทย ซึ่งหลายฝ่ายระบุว่า ล้มเหลวกันทั้งองคาพยศหลังตกรอบแรกฟุตบอล "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2010"
 

     ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมา รายการ "เรื่องเด่นเย็นนี้" ที่ดำเนินรายการโดย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ออกอากาศทางไทยทีวีสี ช่อง 3 ได้เชิญ "ขงเบ้งลูกหนัง" อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ และ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล สองอดีตกุนซือทีมชาติไทย มาเปิดใจเพื่อฝ่าวิกฤตและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน
 

     ต่อข้อซักถามของพิธีกร "เรื่องเด่นเย็นนี้" ถึงประเด็นปัญหาของฟุตบอลไทยเวลานี้ ว่าถึงขั้นวิฤกตหรือไม่นั้น "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล เผยว่า "ฟุตบอลไทยมีปัญหาและวิฤกตมานานแล้วในเรื่องของการบริหารจัดการ อีกทั้งนักเตะก็ยังเป็นหน้าเดิมๆ ที่เรียกมาใช้งาน เราไม่มีระบบในการสร้างทีมระดับเยาวชนและสร้างโค้ช
 

     และที่สำคัญ เราไม่มีประธานพัฒนาเทคนิค ซึ่งทั่วโลกเขามีกันหมดแล้ว ที่ผ่านมา "เอเอฟซี" ออกกฎว่าทุกชาติในเอเชียจำเป็นต้องมีตำแหน่งนี้ ตนจึงเห็นมีการแต่งตั้ง "สตีฟ ดาร์บี้" ขึ้นมาซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรมากนัก"

                                                     "ขงเบ้ง" ชี้ ส.บอลฯ ต้องหาคนเก่งทำงาน

     ด้าน "ขงเบ้งลูกหนัง" อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ยืนยันว่าทีมชาติไทย ต้องเร่งหาคนที่มีความรู้ มีเวลาและมีวิสัยทัศน์มาทำงานในตำแหน่งประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค โดยด่วนเพราะตำแหน่งนี้เป็นการชี้เป็นชี้ตายกับอนาคตทีมชาติไทย

     ในความเห็นส่วนตัว ไบรอัน ร็อบสัน รับงานซ้ำซ้อนกันเกินไป ทั้งเอเชียนเกมส์ และซูซูกิ คัพ ที่จริงควรจะแบ่งงานให้สตาฟฟ์โค้ชคนอื่นๆ ดูแลเตรียมทีมซูซูกิ คัพ ในช่วงที่ร็อบสันคุมทีมไปเอเชียนเกมส์

 

     ส่วนความรับผิดชอบครั้งนี้ ตนมองว่าสมาคมฟุตบอลฯ ต้องมีประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค มีความสำคัญต่อทีมชาติไทยเป็นอย่างมาก ตรงนี้ทางสมาคมฟุตบอลฯ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ ตนคิดว่าตำแหน่งนี้ต้องหาคนที่มีความรู้ มีเวลาทุ่มเทให้กับทีมชาติไทยอย่างเต็มที่ และที่สำคัญต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล จะสามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้

                                                          อ.อาจหาญ แจงนายกฯ ดูภาพรวม

     พิธีกรดังแห่งวิกสาม พระราม 4 ถามต่ออีกว่า นายกวรวีร์ มะกูดี สมควรที่จะลาออกจากการเป็นนายกสมาคมฟุตบอลฯ หรือไม่นั้น "ขงเบ้งลูกหนัง" อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ เปิดเผยว่า "ตนอยากจะอุปมาอุปไมย ให้เห็นภาพ ว่า นายกสมาคมฟุตบอลฯ ก็เปรียบเหมือนกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลในส่วนภาพรวมของประเทศ

     ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ที่จะต้องรับเอานโนบายไปทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ เช่นเดียวกับวงการฟุตบอลบ้านเรา เมื่อมันเกิดความล้มเหลวขึ้นมา นายกสมาคมฟุตบอลฯ จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รับผิดชอบ"

     ที่ผ่านมาเรามองข้ามในส่วนเรื่องของประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค ซึ่งตอนนี้ต้องเร่งระดมหาคนทำงานแล้วจำเป็นจะต้องมีการแต่งตั้งคณะทำงาน อาจจะหาอดีตทีมชาติ,อดีตโค้ชทีมชาติไทย มาทำงานร่วมกันต้องตกผลึกกันในตอนนี้แบ่งแยกบทบาทหน้าที่ว่าใครจะต้องทำงานในส่วนตรงไหนนี่คือวิธีการทำงานตามแบบสากลเขาทำกัน

                                                              ยืนยันต้องแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด

     นอกจากนั้น อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "มาถึงตอนนี้เราจะโยนความรับผิดชอบให้เป็นหน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้แล้ว จำเป็นที่จะต้องแก้ไขกันเป็นระบบมันบกพร่องตรงไหนก็ควรที่จะแก้ไขกันตรงนั้น"
 

     "ผมอาจจะหัวอนุรักษ์นิยมในการแก้ไขปัญหาของวงการฟุตบอลบ้านเรา ซึ่งเรามีปัญหาตรงไหนก็ต้องแก้ไขกันตรงนั้น มาถึงตอนนี้เราต้องวางเป้าหมายว่ามันคืออะไร ต้องรับผิดชอบด้วยวิธีการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง"  "ผมเป็นโค้ชถ้าจะเปลี่ยนตัวนักเตะออกสนามไม่ใช่มองว่าเขาเล่นไม่ดี เราต้องมองถึงสาเหตุและหาวิธีแก้ไขปรับปรุงให้ตรงจุดมากกว่าว่าจุดอ่อนเขาคืออะไร เพราะการเปลี่ยนตัวผู้เล่นสามารถทำได้เพียงแค่ 3 คน หากจะเปลี่ยนแปลงวิธีการเล่น ก็ต้องทำกันเป็นขั้นตอน" อ.อาจหาญ กล่าว

                                                       "เฮงซัง" บอกเอาอย่างบอลเยอรมัน

     ส่วนของ "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ยืนยันสำทับว่า ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคมีความสำคัญที่สุด ซึ่งทีมชาติไทยจะต้องมีเพื่อช่วยกันแก้วิกฤติ ขณะเดียวกันสมาคมฟุตบอลฯ ก็ควรที่จะเชิญโค้ชในไทยลีก มาสัมมนาร่วมกัน
 

     ที่บุนเดสลีกาแทบทุกสัปดาห์ เขาจะมีการเชิญโค้ชของทุกสโมสรมาหารือกันในลักษณะของการสัมมนาร่วมกัน ส่วนบ้านเราไม่เคยมี ที่จะเชิญโค้ชทุกสโมสรในไทยพรีเมียร์ลีก มาสัมมนา เพราะอย่างน้อยก็ได้ไอเดียอะไรใหม่ๆ ในเรื่องของนักเตะ หรือแนวทางการแก้ไขปัญหาอื่น ๆ"

                                                          วิทยาแนะฝ่ายเทคนิคชลบุรีพร้อมสนอง

     ขณะเดียวกัน "โค้ชเฮง" วิทยา เลาหกุล ยังกล่าวอีกว่า "ทางออกในการฝ่าวิกฤติ และแนวทางการแก้ไขปัญหา ห้วงเวลานี้ตนขอบอกว่าต้องมีฝ่ายพัฒนาเทคนิค ที่จะต้องเร่งจัดตั้งกันโดยด่วน เพราะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากว่ายังหาใครมาทำงานไม่ได้ โยนมาให้กลุ่มชลบุรี ทำงาน พวกเราก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน อย่างเต็มที่"

                                                          "บังยี" โต้ ส.ฟุตบอลฯ สร้างทีม ยช.ทุกปี

     สืบเนื่องจากรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 ช่วงเจาะข่าวเด่น ซึ่งทางนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นพิธีกร โดยได้เชิญสองอดีตโค้ชอย่าง อ.อาจหาญ ทรงงามทรัพย์ กับ วิทยา เลาหกุล มาสัมภาษณ์ นั้น โดยได้มีการพูดคุยกันถึงประเด็นที่ทีมชาติไทยไม่ได้สร้างทีมในระดับเยาวชน

     ซึ่งทาง "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้ออกมาแก้ตัว แต่กรณีของการสร้างนักเตะเยาวชนนั้น สมาคมฟุตบอลฯ มีการสร้างนักเตะเยาวชนอย่างต่อเนื่อง 7-8 ปี เพราะเรามีโรงเรียนฟุตบอลของสมาคมฯ ในโครงการ "เซนเตอร์ ออฟ เอ็กชาเลนจ์" มีนักเรียนกว่า 60 คน ฝึกซ้อมฟุตบอลอยู่ที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก และเรียนอยู่ที่โรงเรียนหนองจอกวิทยา

     ที่ผ่านมานักเตะเหล่านี้ไปสร้างผลงานในรายการต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศมากมาย และได้จบออกไปแล้ว 3 รุ่น มีการป้อนเข้าไปสู่สโมสรต่างๆ รวมทั้งโครงการ "กลาสรูส เฟสติวัล" ที่สมาคมร่วมกับ "ฟีฟ่า" เปิโอกาสให้เยาวชนทั่วประเทศเข้าร่วมเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาหันมาสนใจฟุตบอล แล้วเอาพวกที่ผ่านรอบสุดท้ายมาแข่งกันในกรุงเทพฯ

     อีกโครงการหนึ่งที่สำคัญในการสร้างนักเตะเยาวชน คือราวๆ เดือนมกราคมปีหน้า สมาคมฟุตบอลฯ จะจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกเยาวชน ซึ่งสโมสรต่างๆ ในไทยพรีเมียร์ลีก จะส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขัน โครงการนี้ผมเชื่อว่าจะสร้างนักฟุตบอลเยาวชนขึ้นมาเสริมในระดับทีมชาติไทยได้อย่างมากมาย" นายวรวีร์ กล่าว

                                                ยันตั้ง อ.หรั่ง เป็น ปธ.เทคนิคนานแล้ว

     นายกลูกหนังไทยกล่าวอีกว่า กรณีที่ นายวิทยาบอกว่า สมาคมฟุตบอลฯ ไม่มีประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคนั้น เขาคงเข้าใจผิดและไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริงว่าสมาคมได้แต่งตั้ง "โค้ชหรั่ง" นายชาญวิทย์ ผลชีวิน ทำหน้าที่ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิคมาตั้งแต่ต้นแล้ว และปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่

     ส่วนกรณีที่ สตีฟ ดาร์บี้ ไปประชุมเอเอฟซี เนื่องจากการประชุมครั้งนั้น "โค้ชหรั่ง" มีภารกิจสำคัญทางราชการ ตนเลยสั่งให้ ดาร์บี้ ซึ่งเขาเก่งเรื่องเอกสารเป็นตัวแทนไปประชุม ร่วมกับ นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฯ และตัวแทนจากชลบุรี อีก 2 คน

     อีกเรื่องหนึ่ง "โค้ชเฮง" เคยมาขอตนจะทำหน้าที่ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค ตนก็เปิดโอกาสให้ แต่อยากให้ผละมือจากสโมสรชลบุรี เพราะอยากให้มีความเป็นกลางในการทำงาน รวมทั้ง "โค้ชเฮง" เขียนแผนงานที่ชัดเจนมาเสนอ แต่สุดท้าย "โค้ชเฮง" ก็ไม่สามารถทำตามข้อเสนอได้

                                                       "ร็อบสัน" เก็บตัวรอทำทีมต่อ "คิงส์คัพ"

     สยามกีฬารายวันยังได้รับรายงานจาก วัสพล แก้วผลึก ล่ามประจำตัวของ "ร็อบโบ้" ไบรอัน ร็อบสัน ว่า เวลานี้กุนซือเมืองผู้ดีสุดเซ็ง กับผลงานของทีมชาติไทย ในศึก "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ" ที่ไม่เป็นดังใจหวัง พร้อมกับเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านพัก แต่ยังมีกำลังใจดีที่พร้อมจะสู้ต่อกับงานที่สมาคมฟุตบอลฯ มอบหมายให้ทำต่อคือ "ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ" ครั้งที่ 41

                                                           "โจ้ 5 หลา" แนะทุกฝ่ายอย่างทะเลาะกัน

     ในส่วนของ "โจ้ 5 หลา" ศรายุทธ ชัยคำดี ดาวยิงจอมเก๋าทีมชาติไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมในฐานะนักเตะทีมชาติไทย ไม่อยากจะให้ทั้งแฟนบอลชาวไทย รวมทั้งผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทีมชาติไทย นำเอาความล้มเหลวของทีมชาติไทย  มาเป็นประเด็นทะเลาะกันอาจจะทำให้เกิดความแตกแยก ฉะนั้นแล้วเรามีปัญหากันตรงไหน ทุกฝ่ายต้องนำเอามาปรับปรุงแก้ไขต่อไปเพื่อทีมชาติไทยของเรา"