นงนุช แสนราช นักวิ่งสาวเหรียญทองเอเชียนเกมส์ ลบฝันร้ายคว้าเหรียญทองวิ่ง 100 ม.หญิง กีฬาแห่งชาติให้สุพรรณบรีได้สำเร็จ หลังลงแข่งขันมา 6 ครั้งติด แต่ไม่ได้สัมผัสกับความสำเร็จแม้แต่หนเดียว ขณะที่ 100 ม.ชาย "เจ้าเอก" วัชระ สอนดี ยังไว้ลายรุ่นพี่ วิ่งไล่รวบ "เจ้ามิ้ว" จิระพงศ์ มีนาพระ ดาวรุ่งทีมชาติไทยจากสุราษฎร์ธานี เฉือนเข้าเส้นแค่ปลายจมูก คว้าเหรียญทองให้กับอยุธยาได้สำเร็จ

     การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 39 "ชลบุรีเกมส์" ระหว่างวันที่ 9-19 ธ.ค. 53 ณ จ.ชลบุรี มีชิงชัยทั้งหมด 52 เหรียญทอง โดยโปรแกรมที่น่าสนใจอยู่ที่กรีฑา ชิง 10 ทอง ที่สนามกีฬาจังหวัดชลบุรี
 

     ไฮไลต์อยู่ที่วิ่ง 100 ม.ชาย และ 100 ม.หญิง รอบชิงชนะเลิศ โดยลมกรดทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 16 "กว่างโจวเกมส์" พาเหรดลงบู๊กันหลายคน โดยวิ่ง 100 ม.หญิง มี นุงนุช แสนราช, ณีรนุช กล่อมดี และ จินตหรา เสียงดี ลงล่าเหรียญทองให้กับต้นสังกัด โดยสถิติวิ่ง 100 ม.หญิง กีฬาแห่งชาตินั้น เป็นของ ดอกจันทร์ ดอกดวง นักกีฬาจากเขต 10 เวลา 11.63 วินาที ที่จ.สุพรรณบุรี เมื่อปี 2537

                                                        "นงนุช" เฮวิ่ง 100 ม.ล้มแชมป์เก่า

     ทันทีที่ออกสตาร์ตเป็นไปอย่างสูสี ก่อนเข้าสู่ 50 ม.แรก นงนุช แสนราช จากสุพรรณบุรี ซึ่งอยู่ลู่ที่ 3 เริ่มสปีดฉีกทิ้งห่างขึ้นนำ ก่อนที่จะรักษาระยะห่างเข้าเส้นชัยไปด้วยเวลา 11.88 วินาที ขณะที่ ณีรนุช กล่อมดี นักวิ่งสาวร่วมสังกัด ต้องขับเคี่ยวกับ ทัศพร วรรณกิจ ดาวรุ่งจากสมุทรปราการ
 

     ก่อนที่ ณีรนุช จะได้เปรียบช่วงที่ก้าวที่ยาวกว่าประคองเข้าเส้นชัย เวลา 12.02 วินาที ปล่อยให้นักวิ่งสมุทรปราการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 เวลา 12.11 วินาที ส่วน "น้องกวาง" จินตหรา เสียงดี จากพังงาแชมป์เก่าปีที่แล้ว เข้าเพียงอันดับ 4 ทำได้ 12.37 วินาที

                                                      "วัชระ" แรงปลายแซงเข้าวิน 100 ม.

     ขณะที่วิ่ง 100 ม.ชาย ลมกรดหนุ่มทีมชาติไทย วัชระ สอนดี จากอยุธยา และ จิระพงศ์ มีนาพระ จากสุราษฎร์ธานี สองนักวิ่งชุดเอเชียนเกมส์ลงแข่งขัน พร้อมด้วย ทศพร บุญหาญ จากอุบลราชธานี และ วีระวัฒน์ พาเรือง จากสมุทรปราการ ร่วมชิงชัย
 

     ปล่อยตัวเป็นทางด้าน "เจ้ามิ้ว" จิระพงศ์ มีนาพระ ที่ออกตัวได้ดีกว่าทุกคน และนำไปก่อนใน 30 ม.แรก ตามมาด้วย นรากร ไชยประเสริฐ ม้ามืดจากนครราชสีมา ส่วน วัชระ สอนดี ออกตัวไม่ค่อยดีตามมาด้านหลัง
 

     อย่างไรก็ตามใน 50 ม.สุดท้าย วัชระ สปีดแซงรวบ นรากร ก่อนที่จะสปรินต์ 10 ม.สุดท้ายเฉือนจิระพงศ์เข้าเส้นชัยไปแบบฉิวเฉียด เวลา 10.64 วินาที เฉือน จิระพงศ์ มีนาพระ ที่ทำได้ 10.69 วินาที ส่วน นรากร ไชยประเสริฐ นักวิ่งหนุ่มจากโคราช เข้าอันดับ 3 ด้วยเวลา 10.79 วินาที

                                                         "นงนุช" เผยลบอาถรรพ์ 6 ปีที่ชวดทอง

     หลังการแข่งขันจบลง "นงนุช แสนราช" เจ้าของเหรียญทอง 4x100 ม.หญิง เอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว ประเทศจีน เผยว่า หลังจากได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์กลับมาเมืองไทย แทบจะไม่มีเวลาซ้อมเต็มที่เหมือนแต่ก่อน เนื่องจากต้องเดินสายออกรายการทีวี และออกงานอีเวนต์ต่างๆ ซึ่งทำให้เวลาที่ออกมาในครั้งนี้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ขณะที่เอเชียนเกมส์ 100 ม.ทำได้ 11.53 วินาที
 

     แน่นอนต้องดีใจเพราะเป็นเหรียญทองเหรียญแรกในประวัติศาสตร์ของตนเอง ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่เชียงใหม่ ยาวมาทั้งหมด 6 ครั้ง แต่เพิ่งมาได้ครั้งแรก ทั้งที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในระดับนานาชาติ และสุดท้ายก็ลบอาถรรพ์ลงได้

                                                                "วัชระ" ได้เก๋าแซงดาวรุ่งเข้าวิน

     ด้าน "เจ้าเอก" วัชระ สอนดี หลังจากกวดรุ่นน้องร่วมทีมชาติคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ กล่าวว่า ตนออกสตาร์ตได้แย่มาก ต้องมาไล่ จิระพงศ์ ซึ่งวิ่งดีอยู่แล้ว พร้อมกันนั้นยังมี นรากร จากโคราชที่วิ่งได้ดีเช่นกัน ยังดีที่แซงเข้าเส้นได้
 

     เพราะหากมองตามสภาพแล้ว ตนสู้น้องๆ ไม่ได้อยู่แล้ว แทบจะไม่ได้ซ้อมเพิ่งมาซ้อมไม่กี่วันก่อนแข่ง แต่ประสบการณ์ทำให้รู้จังหวะขึ้นมากกว่า พร้อมกันนั้น "เจ้ามิ้ว" จิระพงศ์ มีนาพระ ลมกรดหนุ่มดาวรุ่งจากสุราษฎร์ธานี ได้กล่าวชมรุ่นพี่ว่าวิ่งได้ดี และตนก็แพ้ประสบการณ์ของวัชระด้วย

                                                              "ตีโต้" กระโดดซิวทองชลบุรีเกมส์

     ด้านกระโดดไกล ชาย "ตีโต้" ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา นักกระโดดไกลทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองเยาวชนโลก ที่ประเทศอิตาลี ปี 2009 ลงแข่งขันให้กับเชียงใหม่ชิงเหรียญทองกับทาง ธีรยุทธ พิลาคง แชมป์เก่า "ตรังเกมส์" จากหนองคาย
 

     ปรากฏว่า "ตีโต้" ล้างตาได้สำเร็จหลังจากปีที่แล้วได้เพียงเหรียญเงิน ครั้งนี้คว้าเหรียญทองไปครอง ด้วยสถิติ 7.57 ม. ส่วนเหรียญเงินเป็นของ ธีรยุทธ สถิติ 7.42 ม. จากหนองคาย และเหรียญทองแดง วรัญญู คงนิล จากชุมพร ที่กระโดดได้ 7.30 ม.

                                                               ตามคาด "น้องเก๋" คว้า 3 ทอง

     ยกน้ำหนัก ยกน้ำหนัก ที่โรงยิมเนเซียม สวนสาธารณเฉลิมพระเกียรติ ร.9  ชิง 9 ทอง ไฮไลต์อยู่ที่รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 53 กก. หญิง ซึ่ง "น้องเก๋" ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล จอมพลังสาวดีกรีเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2008 จากจ.นครสวรรค์ ลงชิงชัยด้วย
 

     ผลเป็นไปตามความคาดหมาย "น้องเก๋" สามารถยกเอาชนะคู่แข่งคว้าเหรียญทองในรุ่นนี้ไปได้แบบสบายทั้ง 3 เหรียญทอง โดยท่าสแนตช์ น้องเก๋ ออกมายกคนสุดท้าย และเรียกน้ำหนักเหล็กที่ 87 กก. และยกผ่านไปได้แบบสบายๆ ทำให้คว้าเหรียญทองในท่านี้ไปครองแน่นอน ก่อนที่จะเรียกน้ำหนักเหล็กในครั้งที่ 2 ที่ 91 กก. เพื่อหวังทำสถิติกีฬาแห่งชาติของตัวเอง ที่ทำไว้ 90 กก. แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อจอมพลังสาวฮีโร่โอลิมปิก ยกไม่ผ่านในครั้งที่ 2  และ 3
 

     ทำให้ น้องเก๋ ไม่สามารถลายสถิติกีฬาแห่งชาติในรุ่นนี้ลงได้ ในขณะที่เหรียญเงินเป็นของ อังศุมาลิน สายเลิศ นักยกลูกเหล็กเยาวชนทีมชาติไทย จากชลบุรี ที่ยกได้ 75 กก. และเหรียญทองแดง เป็นของ ปัทมา จีดปาน จากสุโขทัย ที่ยกได้ 66 กก.

                                                                 ยกทุบท่าคลีนฯ สถิติกีฬาชาติ

     ส่วนในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก จอมพลังฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก ยังทำผลงานได้ดี และออกมายกเป็นคนสุดท้าย และเรียกน้ำหนักเหล็กครั้งแรกที่ 110 กก. และยกผ่านได้แบบสบาย ทำให้คว้าเหรียญทองในท่านี้ไปอีกเหรียญ ก่อนเรียกน้ำหนักครั้งที่ 2 ที่ 113 กก. เพื่อทำลายสถิติกีฬาแห่งชาติของ อุดมพร พลศักดิ์ ที่ทำไว้ 112 กก. และคราวนี้ น้องเก๋ไม่ทำให้แฟนยกน้ำหนักเมืองชลบุรีที่เข้ามาชมให้กำลังใจผิดหวัง สามารถยกทำลายสถิติได้สำเร็จ
 

     จากนั้น เก๋ ยังเรียกน้ำหนักครั้งสุดท้ายที่ 120 กก. เพื่อทำสถิติอีกครั้งแต่ครั้งนี้ยกไม่ผ่านให้สถิติอยู่ที่ 113 กก. เท่านั้น ส่วนเหรียญเงินเป็นของ อังศุมาลิน สายเลิศ ที่ยกได้ 105 กก. และทองแดง ปัทมา จีดปาน ที่ยกได้ 82 กก. ขณะที่ประเภทน้ำหนักรวม ทอง ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ยกรวมได้ 200 กก., เงิน อังศุมาลิน สายเลิศ ยกรวมได้ 180 กก. และทองแดง ปัทมา จีดปาน ยกรวมได้ 148 กก.

                                               "เก๋" เผยลดน้ำหนัก 6 กิโลฯเพื่อแข่ง

     น้องเก๋ เปิดเผยหลังแข่งว่า สำหรับผลงาน 3 เหรียญทองในครั้งนี้ ต้องบอกว่าพอใจเพราะด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมเอามากๆ เลยก็ว่าได้เพราะ เก๋ เองก็ไม่ค่อยสบายเป็นหวัดและกินยาไปหลายรอบแล้วก่อนลงแข่ง และที่สำคัญอีกประการคือ เก๋ ต้องลดน้ำหนักมากถึง 6 กก. เพื่อแข่งในกีฬาแห่งชาติครั้ง สำหรับสถิติก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่ด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ต้องบอกว่าพอใจแล้ว สำหรับกีฬาครั้งหน้าก็น่าจะลงแข่งอีกแน่ แต่น่าจะเป็นรุ่นที่น้ำหนักมากขึ้น

                                                   "ไพศาล" ยกซิวอีก 3 ทองให้เจ้าภาพ

     ขณะที่รุ่นน้ำหนัก 69 กก. ชาย ซึ่งเป็นการชิงชัยระหว่าง "แชมป์เก่า" ไพศาล หรรษาวงศ์ จอมพลังหนุ่มดีกรีทีมชาติไทยจากชลบุรี กับ อรรถพล แดงจันทึก จากนครราชสีมา โดยในท่าสแนตช์ผลปรากฏว่า จอมพลังเจ้าภาพ สามารถคว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จโดยยกได้ 133 กก. เฉือนเอาชนะ อรรถพล อันดับ 2 ที่ยกได้ 132 กก. ไปเพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วนทองแดง เป็นของ อนันนต์ ปัญญาเอก จากนครศรีธรรมราช ยกได้ 123 กก. 
               

     ส่วนท่าคลีนแอนด์เจิร์ก เหรียญทองเป็นของ ไพศาล ยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและยกเหล็กได้น้ำหนักมากที่สุด โดยยกได้ 165 กก. เหรียญเงินเป็น อรรถพล แดงจันทึก ยกได้ 146 กก. ส่วนเหรียญทองแดง อิศรินทร์ พลีเพื่อชาติ จากกรุงเทพฯ  ส่วนประเภทน้ำหนักรวมเหรียญ ยังเป็นของจอมพลังเจ้าถิ่น ยังสามรถยำทำน้ำหนักรวมได้ 298 กก., เหรียญเงิน อรรถพล แดงจันทึก ยกรวมได้ 296 กก. และเหรียญทองแดง อิศรินทร์ พลีเพื่อชาติ ยกน้ำหนักรวมได้ 273 กก. 

                                                              "พิมศิริ" ซิวทองท่าสแนตช์ 

     ด้านรุ่นนำหนัก 58 กก. ที่มี พิมศิริ ศิริแก้ว จอมพลังสาวทีมชาติไทยที่สามารถโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยอันดับ 4 ในเอเชียนเกมส์ครั้งที่ล่าสุดจากชลบุรี ลงชิงชัยด้วย และ โฉมไฉไล ประชามอญ เพื่อนร่วมทีม เป็นคู่แข่งสำคัญ
 

     โดยในท่าสแนตช์  จอมพลังสาวดีกรีทีมชาติไทย ยังฟอร์มเฉียบ และสามารถยกเหล็กน้ำหนักมากที่สุดโดยยกได้ 92 กก. ส่วนเหรียญเงินไปของ  ณัฐาณียา จันทร์ปลูก จากสุพรรณบุรี ยกได้ 91 กก. ส่วนทองแดง โฉมไฉไล ประชามอญ จากชลบุรี ยกได้ 88 กก.

                                                             จอมพลังทีมชาติพลาดได้แค่เงิน

     ส่วนในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก พิมศิริ จอมพลังสาว ยกทำผลงานได้ไม่ดียกเหล็กได้เพียง 116 กก. เท่านั้น ทำให้ได้เพียงแค่เหรียญเงินเท่านั้น ส่วนเหรียญทองตกเป็นของ โฉมไฉไล ประชามอญ เพื่อนร่วมทีม โชว์พลังสุดยอดยกเหล็กได้มากถึง 126 กก. พร้อมทำลายสถิติแห่งชาติของ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ที่ทำไว้ในปี 49 ไป 1 กก. 
 

     ส่วนเหรียญทองแดง เป็นของ ณัฐาณียา จันทร์ปลูก จากสุพรรณบุรี ที่ยกได้ 116 กก. เท่ากับ พิมศิริ แต่น้ำหนักตัวมากกว่า จึงให้ได้แค่ที่สาม ส่วนน้ำหนักรวมเหรียญทอง โฉมไฉไล ประชามอญ ยกรวมได้ 214 กก., เงิน พิมศิริ ศิริแก้ว ยกรวมได้ 208 กก. และทองแดง ณัฐาณียา จันทร์ปลูก ยกรวมได้ 207 กก.

                                                         "พิมศิริ" แจงซ้อมน้อยทำพลาดทอง

     ด้าน พิมศิริ ศิริแก้ว กล่าวว่า สำหรับผลงานที่ออกมาในครั้งนี้ถือว่าน่าพอใจแล้ว เพราะเพิ่งกลับเอเชียนเกมส์ได้เพียง 10 วันเท่านั้น และยังต้องไปสอบมหาวิทยาลัยอีก ทำให้มีเวลาซ้อมน้อย และตอนยกในท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ขาติด และครั้งสองพลาดเพราะตัวไม่เปิด จึงทำให้ต้องยกในครั้งที่ 3 ในน้ำหนักเท่ากับครั้งที่ 2 คือ 116 กก. และโชคดีที่สามารถยกได้สำเร็จ ซึ่งตนก็พอใจแล้วที่ยกได้