สมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี 4 กระทรวง ร่วมฝ่าทางตันแก้วิกฤติบอลไทย เชื่อปีหน้าจะกลับมากระเตื้องเป็นทีมระดับแถวหน้าของอาเซียนเหมือนเดิมหลังเห็นแฟนบอลแสดงพลังหนุนลีกอาชีพอย่างเป็นรูปธรรม มั่นใจถ้าทุกสโมสรมีอะคาเดมี่สร้างรากฐานบอลเยาวชนส่งต่อทีมชาติต่อเนื่อง ยืนยันการไล่ นายกฯ วรวีร์ มะกูดี พ้นตำแหน่งเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลฯ ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องอย่างแท้จริง แนะทุกฝ่ายควรหันหน้าคุยกัน

       เป็นอีกหนึ่งบุคคลในแวดวงการเมืองระดับชาติ และคลุกคลีอยู่กับวงการกีฬาไทยมาอย่างยาวนานสำหรับ นายสมศักดิ์  เทพสุทิน    อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรี 4 กระทรวง ประกอบไปด้วย  กระทรวงแรงงาน,กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  และ กระทรวงอุตสาหกรรม  ขณะเดียวกันยังเป็นแกนนำกลุ่ม "มัชฌิมา"  หรือมีความหมายว่า "ความแตกต่างหลากหลายอยู่รวมกันได้ไม่แตกแยก"

       ล่าสุดภายหลังจากที่สังคมฟุตบอลไทยถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้างถึงผลงานของทีมชาติไทย ในรอบปีที่ผ่านมาว่า ล้มเหลว  พร้อมกันนั้นยังตกรอบแรก "ฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ  2010" จนกลายเป็นการจุดชนวนให้แฟนบอลไทยลุกฮือ ต่อต้านการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลฯ ในห้วงเวลานี้

       โดย นายสมศักดิ์  เทพสุทิน  เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสยามกีฬารายวัน ถึงเรื่องดังกล่าวว่า "จริงๆ วงการฟุตบอลบ้านเรามันมีปัญหากันมาทุกยุคทุกสมัย ไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้ คนวงในจะรู้ถึงปัญหาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะโปรเจกต์ฟุตบอลไทยไปบอลโลก ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอดไม่ว่าใครจะเข้ามาทำทีม บอกตามตรงว่านักเตะบ้านเรามีรูปร่างเล็กกว่าชาติอื่นเขา มันเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะไปบอลโลก หากว่าไม่สร้างฟุตบอลลีกให้มันมีความแข็งแกร่งเพียงพอ"

       อดีตรองนายกรัฐมนตรี  ยังกล่าวอีกว่า "ฉะนั้นแล้วเราก็ควรที่จะเริ่มต้นสร้างกันตั้งแต่เยาวชน ซึ่งถือว่าเป็นรากฐานของฟุตบอลทั่วโลกอาจจะกำหนดนโยบายเป็นวาระแห่งชาติไปเลยก็ได้  ทุกวันนี้ตนยังชื่นชมทีมในไทยลีกไม่ว่าจะเป็น  ชลบุรี  เอฟซี, บางกอกกล๊าส  เอฟซี, เมืองทองฯ ยูไนเต็ด, บุรีรัมย์ - พีอีเอ ฯลฯ  ที่ให้ความสำคัญกับทีมเยาวชน อย่าลืมว่าเด็กเหล่านั้นเป็นอนาคตของทีมชาติไทยชุดใหญ่  ซึ่งตรงนี้เราต้องกล้าที่จะทุมงบประมาณแม้ว่ามันจะมหาศาลก็ตามที"

       ขณะเดียวกันเรื่องของ  "วิทยาศาสตร์การกีฬา"  ตนยังมองว่าบ้านเรายังอ่อนด้อยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้  เชื่อว่ามันน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เราต้องเร่งทำอย่างจริงจัง  เพื่อให้ทัดเทียมกับชาติมหาอำนาจลูกหนังของเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และชาติใหญ่ในตะวันออกกลาง  ที่เขาไปไกลแล้วในเรื่องดังกล่าว

       นอกจากนี้  "แกนนำกลุ่มมัชฌิมา"  มองถึงทิศทางของฟุตบอลไทยในปีหน้าอีกว่า "ตนยังเชื่อว่าวงการฟุตบอลบ้านเราไม่ได้ตกต่ำอย่างที่หลายคนคิด  ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้นเองที่เรามองข้าม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการจัดโปรแกรมฟุตบอลภายในหรืออะไรก็แล้วแต่ 
 
       ถ้าสามารถแก้ไขในปีหน้าได้แบบสะเด็ดน้ำ ผลงานของทีมชาติไทยน่าจะกระเตื้องขึ้นอย่างน้อย ก็ต้องทวงเหรียญทองซีเกมส์กลับมา ฟุตบอลปรีโอลิมปิก  และ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก อาจจะไกลเกินเอื้อมในทศวรรษนี้  แต่ถ้าเอาจริงเอาจังก็ยังได้ลุ้นอยู่ดี" 

       ในขณะที่แฟนบอลไทยซึ่งไม่พอใจกับการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลฯ นั้น อดีตรัฐมนตรี 4 กระทรวงแนะว่า "อย่างไรก็ดีตนยังเชื่อพลังศรัทธาของแฟนบอลชาวไทย  เพราะทุกวันนี้ลีกไทยบูมได้ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับแฟนบอลทั่วประเทศที่ให้ความสนใจเชียร์ทีมรักจนสามารถสร้างอาชีพให้กับนักฟุตบอลไทยได้ ไม่ได้เล่นเพราะใจรักเหมือนสมัยก่อน  

       ขณะเดียวกันยังแตกแขนงให้เกิดอีกหลายสาขาอาชีพ ซึ่งตรงนี้ตนเชื่อว่าไม่เฉพาะแต่คนในวงการที่ภูมิใจ รัฐบาลยังสามารถยืดอกได้ว่าวงการฟุตบอลไทยเราเดินมาถูกทางควรจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่"

       นายสมศักดิ์  เทพสุทิน  ยังเผยต่อไปอีกว่า "ส่วนการออกมาแสดงพลังของแฟนบอลออกมาขับไล่นายกสมาคมฟุตบอลฯ นั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ภายใต้ระบบประชาธิปไตย ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์แสดงออก แต่ก็ควรจะอยู่ใต้กฎหมาย  ที่สำคัญหันหน้ามาคุยกันด้วยเหตุผล  

       ผมยังมองว่าฟุตบอลไทยในยุคของ วรวีร์  มะกูดี มีหลากหลายมิติที่น่าชื่นชม เหลือเพียงแค่ปรับทางด้านการบริหารงานให้สอดคล้องกันทุกด้านเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามตนยังมั่นใจว่าอีก 10 ปีข้างหน้าบอลไทยจะไม่ย่ำต๊อกอยู่กับที่แน่"  อดีตรองนายกรัฐมนตรี   กล่าว