"เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์กลุ่มเอฉลุย หลังบุกเสมอ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ที่ตกรอบไปแล้ว 1-1 ขณะที่ ยูเว่ ทำสถิติเสมอ6นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ส่วน แชมป์เก่า "ตราหมี" แอต.มาดริด กระเด็นตกรอบ หลังทำได้แค่เจ๊ากับ "ห้างยา" เลเวอร์คูเซ่น 1-1 ในศึกยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม ที่ผ่านมา

 

ฟุตบอลยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม

กลุ่มเอ

ยูเวนตุส (อิตาลี) 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) 

สนาม : สตาดิโอ โอลิมปิโก, ตูริน


      ยูเวนตุส ตกรอบแรกเรียบร้อย เกมนี้ส่งตัวสำรองลงเล่นหลายคน และยังมีดาวรุ่ง นิคโคโล่ จานเน็ตติ เป็นกองหน้าคู่ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กองหน้าตัวเก๋าด้วย


       ฝั่ง แมนฯ ซิตี้ เข้ารอบฉลุย แต่ยังต้องการแต้มเพื่อการันตีที่ 1 เกมนี้ส่งตัวสำรองหลายคน อาทิ เดดริค โบยาต้า, เวย์น บริดจ์, ปาทริค วิเอร่า, อเล็กซ์ ชุยเมนี่-นิเมลี่, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์


       พอเริ่มเขี่ยบอลปุ๊บ เรือใบสีฟ้า เดินหน้าแลกหมัดเป็นชุดๆ เพียงแค่ 90 วินาที ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ ผ่านบอลให้ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ เติมทะลุเข้าเขตโทษด้านขวา ก่อนไหลเข้ากลางให้ โช ล้มตัวสไลด์หน้าปากประตูแค่ 2 หลา แต่พลาดเหลือเชื่อ


       นาทีที่ 5 ทีมแกร่งจากอังกฤษร้องขอจุดโทษ เมื่อ อดัม จอห์นสัน เปิดบอลไปติดแขนกองหลังยูเว่ แต่ เอเจ ก็ยังเปิดอีกครั้งให้ อเล็กซ์ นิเมลี่ กองหน้าดาวรุ่งชาวไลบีเรียวัย 19 ปี ยิงด้วยซ้ายไปติดบล็อคอีก


       นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี้ ยังขึ้นเกมรุกจาก อดัม จอห์นสัน ทางกราบซ้ายอีกครั้ง คราวนี้เปิดโด่งไปหน้าประตู โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ โหม่งไม่ดีจะเสียบมุมประตูตัวเองอยู่แล้ว แต่ อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ ยังพุ่งปัดออกหลัง


       ทีมเยือนทิ้งโอกาสทำประตูขึ้นนำไปอีกในนาทีที่ 13 อดัม จอห์นสัน เปิดฟรีคิกไปหน้าประตู อเล็กซ์ นิเมลี่ โหม่งเช็ดจากระยะ 10 หลา ถากเสาออกไปอีก


       หลังจากนั้น ยูเวนตุส กลับมาตั้งเกมได้ และไม่เปิดโอกาสให้ทีมเยือนทำเกมบุกเป็นชุดๆ เหมือนช่วงต้นเกมอีก แต่เกมรุกก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง นาทีที่ 34 อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ เปิดบอลหา นิคโคโล่ จานเน็ตติ แต่ไปกันคนละทาง


       แม้โอกาสจบสกอร์จะน้อยกว่า แต่ ม้าลาย ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 43 อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ เก็บบอลสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายในกรอบโทษ ก่อนเปิดเรียดให้ นิคโคโล่ จานเน็ตติ กองหน้าดาวรุ่ง โฉบเข้าหาบอลแล้วดีดด้วยขวาระยะแค่ 5 หลาผ่าน เชย์ กิฟเว่น ไม่เหลือ จบครึ่งแรก ยูเวนตุส นำ 1-0


       ครึ่งหลัง แมนฯ ซิตี้ เกือบได้เฮในนาทีที่ 51 อดัม จอห์นสัน หยอดบอลเข้าเขตโทษให้ โช พักอกแล้วตวัดด้วยซ้ายไปติด แมนนิงเกอร์ แต่บอลก็ยังข้ามเส้นเข้าไป ทว่า มีธงล้ำหน้ายกขึ้นมาจากผู้ช่วยผู้ตัดสินข้างสนาม


       นาทีที่ 54 เรือใบสีฟ้า น่าได้ประตูตีเสมออีกครั้ง โช เปิดเรียดจากกราบขวา นิเมลี่ สะกิดต่อไปถึงเสาสองให้ อดัม จอห์นสัน ล็อกเข้าเท้าขวาได้สวย แต่ยิงไปติดบล็อคกองหลังยูเว่ข้ามคาน


       ม้าลาย ก็ทิ้งโอกาสทำประตูที่สองหนีห่างเช่นกันในนาทีที่ 62 จากลูกเตะมุมฝั่งขวา บอลข้ามไปถึงเสาสอง โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้ ยืนโหม่งคนเดียวโล่งๆ แต่โขกข้ามคานและหลุดเสาด้วย


       เข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้าย แมนฯ ซิตี้ รุกหนักเต็มตัว นาทีที่ 71 เจมส์ มิลเนอร์ เปิดเรียดให้ โช ซัดกลางประตูโล่งๆ แล้วจากระยะแค่ 5 หลา แต่ยังยิงไปติดบล็อค แมนนิงเกอร์ ที่ทิ้งตัวขวางหวุดหวิด


       ในที่สุด เรือใบสีฟ้า ที่บุกหนัก ก็ยังมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 77 อดัม จอห์นสัน ลุยขึ้นมาตรงกลางสนามแล้วแทงให้ โช ที่ยืนว่างอยู่ไร้ตัวประกบ จับบอลเข้าเท้าซ้ายได้สวย แล้วกดเรียดผ่าน แมนนิงเกอร์ เสียบมุม เป็นประตูที่ 3 ของกองหน้าบราซิลในฤดูกาลนี้


       ช่วงเวลาที่เหลือ ทั้งสองทีมประคองเกม จนจบเกม ยูเวนตุส เสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ส่งผลให้ เรือใบสีฟ้า คว้าแชมป์กลุ่มเอ

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 ยูเวนตุส : อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์, ซเดเน็ก กรีเกร่า, นิโกล่า เลกร็อตตาเย่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, อาร์กม็องด์ ตราโอเร่ (ฟิลิปโป้ โบนิแปร์ติ น.66), มิลอส คราซิช (วินเชนโซ่ คามิลเลรี่ น.56), โมฮาเหม็ด ซิสโซโก้, เฟลิเป้ เมโล่, ซิโมเน่ เปเป้, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, นิคโคโล่ จานเน็ตติ (มาร์เซล บูเชล น.79)
 สำรองไม่ได้ใช้ : มาร์โก สโตรารี่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, มานูเอล จานโดนาโต้, วินเชนโซ่ ยาควินต้า
 แมนฯ ซิตี้ : เชย์ กิฟเว่น, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, เยโรม บัวเต็ง, เดดริค โบยาต้า, เวย์น บริดจ์, ปาทริค วิเอร่า, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ (คริสโตเฟอร์ ชานท์เลอร์ น.90), เจมส์ มิลเนอร์, อดัม จอห์นสัน, อเล็กซ์ ชุยเมนี่-นิเมลี่ (ปาโบล ซาบาเลต้า น.61), โช
 สำรองไม่ได้ใช้ : สจ็วร์ต เทย์เลอร์, สกอตต์ เคย์, เบนจามิน มี, อับดิสซาลัม อิบราฮิม, โอมาร์ เอลับเดลลาอุย
 ผู้ตัดสิน : อิสต์วาน วัด (ฮังการี)

 

 

กลุ่มบี
เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมนี) 1-1 แอตเลติโก มาดริด (สเปน)

สนาม : ไบอารีน่า 


      เกมนัดนี้ เลเวอร์คูเซ่น ผ่านเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของ กลุ่มบี ไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้เทรนเนอร์ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส ปรับทัพส่งตัวสำรองลงมายืดเส้นยืดสายเพียบ โดยใช้ นิโคไล ยอร์เกนเซ่น กับ พาทริค เฮลเมส เป็นคู่กองหน้า 


      ฟากทัพ "ตราหมี" แอตเลติโก มาดริด ที่สถานการณ์ต้องรอลุ้นผลของ อาริส ซาโลนิกิ ด้วย กีเก้ ซานเชซ ฟลอเรส กุนซือมาดขรึมจัดทัพใหญ่มาเต็มสูบในระบบ 4-4-2 ใช้ ราอูล การ์เซีย กับ ซิเมา ซาโบรซ่า คอยขึ้นเกมริมเส้น คู่กองหน้าวาง ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ยืนคู่  เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"


      สภาพสนามในเกมนี้มีหิมะตกลงโปรยปรายมาตลอดเวลา เขี่ยลูกเริ่มเกมมา 6 นาที เป็น "ห้างขายยา" มาได้ลุ้นก่อน จากจังหวะที่ ยอร์เกนเซ่น เลี้ยงบอลขึ้นมาแต่งหาจังหวะซัดบอลบริเวณหัวกะโหลก บอลพุ่งเหินโด่งข้ามคานออกไปได้ลุ้น


      ถัดมาอีกสามนาที แอตเลติโก มาดริด มาพลาดได้ประตูออกนำไปอย่างน่าเสียดายจากลูกโต้กลับที่ ราอูล การ์เซีย ได้ควบบอลหลุดขึ้นมาคนเดียวทางริมเส้นฝั่งขวา ทว่าดันเปิดบอลเรียดเข้ากลางมาลึกเกินไปนิดเดียว ทำให้ ฟอร์ลัน เข้ามาชาร์จไม่ถึงบอลไปแบบหวุดหวิด


      นาที 19 อาคันตุกะมาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะหวังผล ซิเมา รับอาสาปั่นบอลไปชนหัวของ เฮลเมส หลุดออกหลังไป


      เกมผ่านมา 28 นาที อเล็กซานดรู ทูดอร์  ผู้ตัดสินจากแดนผีดิบต้องทำการเปลี่ยนมาใช้ลูกบอลสีส้ม เนื่องจากหิมะตกลงมาอย่างหนัก และ 3 นาทีต่อมา ตราหมี มาทิ้งโอกาสทองลงไปอีกคำรบ ฟิลิเป้ หลุยส์ โยนบอลยาวมาถึง ซิเมา กระชากบอลไปจนสุดเส้นหลัง ก่อนปาดเรียดเข้ากลางมาให้ ฟอร์ลัน เข้ามาแปบอลเน้นๆไปติดขา ฟาเบียน กีเฟอร์ ที่ล้มตัวเซฟไว้ได้สุดยอด


      จังหวะต่อมา กุน มาทำให้ ตราหมี ได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะที่เจ้าตัวลากบอลหลบแนวรับของเข้าบ้านมาสองสามคน ก่อนจะยิงบอลไปติดบล็อคในจังหวะสุดท้ายหลุดออกมาเข้าทาง ราอูล การ์เซีย กึ่งยิงกึ่งผ่านบอลกลับมาไปเข้าซอง กีเฟอร์ 


      รูปเกมเป็นของ ตราหมี ที่โขยกบุกใส่อยู่ข้างเดียว นาที 38 ซิเมา โยนลูกเตะมุมเข้ามาถูก ซามี่ ฮูเปีย โหม่งเคลียร์บอลมาเข้าทาง ฟอร์ลัน ตั้งป้อมอัดบอลสวนเต็มแรงพุ่งเฉี่ยวหลุดเสาออกไปไม่ถึงคืบ ทั้งที่ กีเฟอร์ ยืนขาตายไปแล้ว จบครึ่งแรกสกอร์บอร์ดของทั้งสองทีมยังไม่ขยับ เสมอกันอยู่ 0-0 


      กลับลงสนามมาสู้กันต่อในเกมครึ่งหลัง ห้างขายยา เปลี่ยนตัวทีเดียวสองคนรวด ถอด กอนซาโล่ กาสโตร กัล เรนาโต้ เอากุสโต้ ออกมา และส่ง แดนนี่ ดา คอสต้า กับ สเตฟาน คีสลิงก์ ลงมาเล่นแทน


      รูปเกมครึ่งหลังของ แอตเลติโก มาดริด ตกลงไปอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่รู้ผลอีกคู่หนึ่งว่า อาริส ซาโลนิกิ ออกนำแล้ว ส่งผลให้เจ้าบ้านเป็นฝ่ายได้ครองบอลบุกใส่ตลอด นาที 56 บูรัค คัปลัน ครอสบอลเข้ามาให้ เฮลเมส โหม่งชงบอลไปติดหัว อัลบาโร่ โดมิงเกซ ไหลกับมาเข้าทาง เฮลเมส ฮาล์ฟวอลเลย์บอลไปเข้าข้างตาข่ายเสาแรก


      นาที 67 กีเก้ ซานเซช ฟลอเรส ทำการเปลี่ยนตัวคนแรก ถอด ฟอร์ลัน ออกมา และส่ง ดีเอโก้ คอสต้า ลงมาบู๊แทน


      กระทั่งนาที 69 เจ้าบ้าน เลเวอร์คูเซ่น ก็มาพังประตูออกนำ 1-0 จนได้ กีเฟอร์ เตะเปิดบอลยาวมาให้ คีสลิงก์ โขกชงบอลต่อมาให้ เฮลเมส วิ่งฉีกหนีแนวรับทีมเยือนมาแปบอลเสียบเสาแรกผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เข้าประตูไปแบบเด็ดขาด


      ทว่าเพียงแค่ 3 นาทีต่อมา ตราหมี มามีความหวังขึ้นมาเมื่อมาได้ประตูตีเจ๊ารวดเร็ว จากจังหวะที่ เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน" ลากบอลเข้ากรอบเขตโทษไปถูก ดา คอสต้า แซะบอลออกมาเข้าทาง ฟราน เมริด้า ตัวสำรองวิ่งเติมขึ้นมาแปบอลเสียบเสาแรกมุมกริบ แอตเลติโก มาดริด ตีเสมอเป็น 1-1


      ตราหมี มีแรงฮึดทันที และน่าจะมาพลิกออกนำในนาที 77  ราอูล การ์เซีย พลิกบอลเปิดเข้ากลางมาถูก กีเฟอร์ ชกบอลออกมาเข้าทาง มาริโอ ซัวเรซ ได้อัดบอลสวนเหินโด่งข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง


      โอกาสต่อมายังเป็นของทีมเยือนจากจังหวะที่ มาริโอ ซัวเรซ เติมมาซัดบอลริมกรอบเขตโทษเฉี่ยวหลุดออกเสาสองไปได้ลุ้น


      ช่วงท้ายเกม ตราหมี เทหมดหน้าตักบุกใส่เต็มสูบ นาที 89 เมริด้า เปิดบอลเข้ากลางมาให้ กุน ซัดบอลจังหวะแรกไปติดบล็อคกองหลังเจ้าบ้านไหลออกมาเข้าทางให้ กุน ได้ยิงซ้ำอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เจ้าตัวกลับซัดบอลเหินข้ามคานออกไปแบบไร้ราคา


      หลังจากนั้นช่วงเวลาที่เหลือไม่มีสกอร์เพิ่มเติม จบเกม เลเวอร์คูเซ่น เสมอกับ แอตเลติโก มาดริด 1-1 ส่งผลให้ แชมป์เก่าพลาดท่าตกรอบไปแบบไม่น่าเชื่อ โดย กลุ่มบี เป็น เลเวอร์คูเซ่น เข้ารอบเป็นที่ 1 ตามมาด้วย อาริส ซาโลนิกิ เข้ารอบเป็นอันดับสอง

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
 เลเวอร์คูเซ่น : ฟาเบียน กีเฟอร์ - กอนซาโล่ กาสโตร, ดาเนียล ชว้าบ, ซามี ฮูเปีย, โดมากอย วิด้า - ลาร์ส เบนเดอร์, ฮันโน่ บาลิตซ์ - บูรัค คัปลัป, เรนาโต้ เอากุสโต้ - นิโคไล ยอร์เกนเซ่น, พาทริค เฮลเมส
 สำรอง : โทมาสซ์ โบเบล, แดนนี่ ดา คอสต้า, สเตฟาน ไรนาร์ทซ์, อาร์ตูโร่ วิดาล, ทรานควิลโล่ บาร์เน็ตต้า, เอเรน แดร์ดิย็อค, สเตฟาน คีสลิงก์
 แอตเลติโก มาดริด : ดาบิด เด เคอา - ฆวน บาเลร่า, หลุยส์ เปเรอา, อัลบาโร่ โดมิงเกซ, ฟิลิเป้ หลุยส์ - เปาโล อัสซุนเซา, มาริโอ ซัวเรซ - ราอูล การ์เซีย, ซิเมา ซาโบรซ่า - ดีเอโก้ ฟอร์ลัน, เซร์คิโอ อเกวโร่ "กุน"
 สำรอง : โฆเอล ร็อบเบลส, ดีเอโก้ โกดิน, อันโตนิโอ โลเปซ, ติอาโก้ เมนเดส, โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส, ฟราน เมริด้า, ดีเอโก้ คอสต้า
 ผู้ตัดสิน : อเล็กซานดรู ทูดอร์ (โรมาเนีย)

สรุปผลยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
กลุ่ม เอ
 

• ซัลบวร์ก (ออสเตรีย) แพ้ เลช พอชนัน (โปแลนด์) 0-1
   
• ยูเวนตุส (อิตาลี) เสมอ แมนฯ ซิตี้ (อังกฤษ) 1-1
  กลุ่ม บี
  
• อาริส (กรีซ) ชนะ โรเซนบอร์ก (นอร์เวย์) 2-0
   
• เลเวอร์คูเซ่น (เยอรมัน) เสมอ แอตเลติโก มาดริด (สเปน)  1-1
  กลุ่ม ซี
  
• ลีลล์ (ฝรั่งเศส) ชนะ เกนท์ (เบลเยียม) 3-0
   
• เลฟสกี้ โซเฟีย (บัลแกเรีย) ชนะ สปอร์ตติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส) 1-0
  

  กลุ่ม จี
   

• อันเดอร์เลทช์ (เบลเยียม) ชนะ ไฮดุ๊ก สปริท (โครเอเชีย)   2-0
   
• เออีเค เอเธนส์ (กรีซ) แพ้ เซนิต (รัสเซีย) 0-3
  กลุ่ม เอช
   
• สตุ๊ตการ์ท (เยอรมัน) ชนะ โอเดนเซ่ (เดนมาร์ก) 5-1
   
• เคตาเฟ่ (สเปน) ชนะ ยัง บอยส์ เบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์) 1-0
  กลุ่ม ไอ
   
• เดเบรเซ่น (ฮังการี) ชนะ ซามพ์โดเรีย (อิตาลี) 2-0
   
• พีเอสวี ไอน์ดโฮเฟ่น (ฮอลแลนด์) เสมอ เมตาลิสต์ (ยูเครน) 0-0