ซิลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ ปธ.เอซี มิลาน รับสุดเสียใจกับการจากไปแบบไม่มีวันกลับของ เอ็นโซ่ แบร์ซ็อต ตำนานโค้ชทีมชาติอิตาลี ยกเป็นบุคคลที่จะไม่มีใครลืมเลือนแน่นอน ขณะที่ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ นายใหญ่คนปัจจุบันแห่งทัพ "อัซซูรี่" ชี้ถือเป็นการสูญเสียปรมาจารย์แห่งวงการลูกหนังแดนมะกะโรนีเลยทีเดียว

     ซิ ลวิโอ แบร์ลุสโคนี่ นายกรัฐมนตรีอิตาลี และประธานสโมสร เอซี มิลาน ออกมายอมรับว่า รู้สึกเสียใจเป็นที่สุด กับการจากไปของ เอ็นโซ่ แบร์ซ็อต อดีตสุดยอดโค้ชทีมชาติอิตาลี ชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1982 ที่สิ้นลมไปอย่างสงบด้วยวัย 83 ปี เมื่อวันอังคารที่ 21 ธันวาคม ที่ผ่านมา หลังจากต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการป่วยมาเป็นเวลานาน
 
     บอสใหญ่ "รอสโซเนรี่" กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ผมขอร่วมแบ่งปันความรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการจากไปแบบไม่มีวันกลับ ของ เอ็นโซ่ แบร์ช็อต โค้ชทีมชาติอิตาลี ผู้ที่เราจะไม่มีวันลืม ด้วยทักษะความสามารถของเขา เขาสามารถหล่อหลอมกลุ่มนักเตะเอาไว้ด้วยกัน จนคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ สมัยที่ 3 ได้ที่ สเปน เมื่อปี 1982"
 
     ขณะ ที่ จูเซ็ปเป้ แบร์โกมี่ ตำนานปราการหลังทัพ "อัซซูรี่" ที่ขณะนั้นเพิ่งมีอายุเพียงแค่ 18 ปี ตอนคว้าแชมป์โลก 1982 ร่วมกับ แบร์ช็อต ให้สัมภาษณ์ว่า "เขาเป็นโค้ชที่มักจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับคุณอย่างมหาศาล ตอนที่ผมยังเล่นอยู่ เขาช่วยเหลือผมในการพัฒนาฝีเท้า และเขาเป็นคนที่สามารถดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกมาจากทีมของเขาได้" 
 
     เปา โล รอสซี่ อดีตยอดดาวยิงชุด เวิลด์ คัพ 1982 กล่าวว่า "เอ็นโซ่ แบร์ซ็อต เป็นหนึ่งในชาวอิตาเลียนผู้ยิ่งใหญ่ในศตวรรษที่ 20 ผมไม่สงสัยเลยในเรื่องนี้ สำหรับผมแล้ว เขาเป็นเหมือนกับพ่อ ผมเป็นหนี้เขาทุกอย่าง ไม่มีเขา ผมก็คงจะทำอย่างที่ผมทำไปแล้วไม่ได้แน่ๆ เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์อย่างเหลือเชื่อ และเป็นเทรนเนอร์ที่ทรงคุณค่า"
 
     ด้าน มาร์เชลโล่ ลิปปี้ อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติอิตาลี ชุดคว้าแชมป์โลก 2006 เปิดใจว่า "มันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดแบบสุดๆ เลย เอ็นโซ่ อยู่ใกล้ชิดกับผมเสมอ ตอนที่ผมคุมทีมชาติอิตาลี และเหนือสิ่งอื่นใด เขาคือคนที่ดึงผมเข้ามาติดทีมชาติอิตาลี รุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี ผมรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เข้าไปอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล อิตาเลียน และได้อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่าง แบร์ช็อต"
 
     ส่วน เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือทีมชาติอิตาลีคนปัจจุบัน กล่าวแสดงความเสียใจเช่นกัน โดยระบุว่า "วงการฟุตบอลอิตาเลียนได้สูญเสียบุคคลสำคัญที่เรียกได้ว่า เป็นบุคคลที่อยู่ตั้งแต่ฉากอันยิ่งใหญ่ฉากแรกในหน้าประวัติศาสตร์เลยที เดียว"
 
     "เหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือ เราได้สูญเสียครูแห่งวงการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นคนที่มีหลักปรัชญาในการจัดการทีมที่โค้ชทุกวันนี้ยังต้องกล่าวถึง การคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 1982 ของเขา ถือเป็นความสำเร็จที่สุดยอดจริงๆ เราจะคิดถึงเขาตลอดไป ส่วนวงการฟุตบอลก็จะคิดถึงความเฉลียวฉลาด และความซื่อสัตย์ของเขา" อดีตนายใหญ่ ฟิออเรนติน่า ตบท้าย
 
     ทั้ง นี้ หลายๆ สโมสรในศึกกัลโช่ เซเรีย อา อย่าง เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ลาซิโอ และ โตริโน่ ต่างก็ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจกับการจากไปแบบไม่มีวันกลับของ แบร์ช็อต เรียบร้อยแล้วเช่นกัน