ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » เรือแค่เจ๊าจิ้งจอก2-2, สิงห์บลูส์ยำเละ7-0

เรือแค่เจ๊าจิ้งจอก2-2, สิงห์บลูส์ยำเละ7-0

Posted 10/01/2011 by siamsport

 

       "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปทำได้แค่เสมอ "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ทำให้ต้องไปรีแมทช์กันที่บ้านเรือ ส่วนอีกคู่ "สิงห์บลูส์" เชลซี ของขึ้นเปิดรังไล่ยำ "ม้าขาว" อิปสวิช ทีมจากแชมเปี้ยนชิพ ไปขาดลอย 7-0 ผ่านรอบเข้าต่อไป ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 3

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2554

เลสเตอร์ (แชมเปี้ยนชิพ)  2 - 2  แมนฯ ซิตี้

สนาม : วอล์คเกอร์ส สเตเดี้ยม

       สเวน โกรัน อีริคส์สัน กุนซือ เลสเตอร์ เปลี่ยนทีมจุดเดียวจากชุดที่ชนะ สวอนซี 2-1 ในการเปิดบ้านทำศึก เอฟเอ คัพ กับทีมเก่า แมนฯ ซิตี้ โดยให้ โซล บัมบา กองหลังคนใหม่แทน ไมเคิ่ล มอร์ริสัน ที่ไป เชฟฯ เว้นส์เดย์ แล้ว ขณะที่แนวรุกมี ดาริอุส วาสเซลล์ เด็กเก่า เรือใบสีฟ้า เป็นตัวชูโรง 

       ฝ่าย โรแบร์โต้ มันชินี่ นายใหญ่ เรือใบสีฟ้า ที่จะเจอทีมเก่าเช่นกัน เปลี่ยนห้าตำแหน่งจากชุดที่เสมอ อาร์เซน่อล เมื่อกลางสัปดาห์ โดยมีแค่ โจ ฮาร์ท, โคโล ตูเร่, เจมส์ มิลเนอร์, คาร์ลอส เตเวซ และ โช ที่ได้ยึดตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ได้

     เปิดฉากครึ่งแรกได้แค่ 45 วินาที กองเชียร์ เลสเตอร์ ก็ได้เฮเมื่อเล่นเตะมุมสั้น พอล กัลลาเกอร์ เปิดจากซ้ายเข้ากรอบเขตโทษให้ แจ็ค ฮ็อบบ์ส สะกิดต่อให้ บัมบ้า ประเดิมสนามได้เหมือนฝันด้วยการกระทุ้งเผาขนไม่เหลือส่ง สุนัขจิ้งจอก เริงร่า 1-0 

      หลังเสียประตูแบบไม่คาดฝัน แมนฯ ซิตี้ เร่งเครื่องทันทีเพื่อเอาประตูคืนให้ได้โดยเร็ว โดยเกมนี้ เอดิน เซโก้ ดาวยิงคนใหม่ของ เรือใบสีฟ้า เดินทางมาชมเกมถึงขอสนามด้วย

     นาทีที่ 13 เจมส์ มิลเนอร์ มิดฟิลด์ แมนฯ ซิตี้ กระชากขึ้นทางขวาแล้วกึ่งยิงกึ่งผ่านมาหน้าประตู คริส วีล โกลเจ้าบ้านพุ่งปัดก่อนถึง โช และจากจังหวะเตะมุมทางซ้าย ปาทริค วิเอร่า สอดเข้ามาแปเน้นๆ ตรงตัว วีล กระเด้งออกมาหวุดหวิด

     กระทั่งนาทีที่ 23 ความพยายามของ แมนฯ ซิตี้ ก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อ เตเวซ จ่ายให้ มิลเนอร์ ขยับหลอก บัมบ้า แล้วหลุดเข้ามากระทุ้งในกรอบเขตโทษไม่เหลือซาก

     ทีมเยือนได้ใจ ตอนครึ่งชั่วโมงได้ลุ้นอีกครั้งเมื่อกองหลังเจ้าบ้านสกัดลูกเปิดจากทางซ้ายของ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ ไม่ดีเลยเข้าทาง เตเวซ ตามมาเก็บตกซัดข้ามคานไป

     เลสเตอร์ มีช็อตหวาดเสียวเหมือนกัน นาทีที่ 33 ยูกิ อาเบะ ส่องไกลเกือบเสียบสามเหลี่ยม แต่ ฮาร์ท ปัดทิ้งไปได้หวุดหวิด และจากจังหวะเตะมุม บัมบา หนุนขึ้นมาโหม่ง ทว่าคราวนี้ตรงตัว ฮาร์ท

     สุนัขจิ้งจอก พลาดโอกาสทองในนาทีที่ 39 เมื่อ แอนดี้ คิง ได้หลุดเดี่ยว แต่ดันเลือกชิพ และไม่ได้น้ำหนักเลยติดมือ ฮาร์ท

     นาทีสุดท้ายของครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ ได้ลูกเตะมุม และเล่นสั้นๆ ก่อนได้ประตูนำจากจังหวะที่ จอห์นสัน เล่นกับ มิลเนอร์ ที่บรรจงเปิดเรียดจากขวาให้ เตเวซ โฉบเข้ามาไขว้เข้าไปอย่างเหนือชั้น นับเป็นประตูที่ 14 ของเจ้าตัวในฤดูกาลนี้ ทำให้ เรือใบสีฟ้า แซงนำ 2-1 ในครึ่งแรก
     ครึ่งหลัง มันโช่ ถอด ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ ออกแล้วส่ง ไนเจล เด ยองก์ ลงมาแทน แต่เกือบโดนตีเสมอ ยังดีที่ โคลารอฟ วิ่งมาบีบให้ ลอยด์ ดายเออร์ ยิงไม่ถนัดเลยไม่ตรงกรอบ เจ้าบ้านพยายามฮึดเต็มที่ และได้เสียวในนาทีที่ 55 จากลูก เตะมุมด้านซ้าย ฮ็อบบ์ส ได้โหม่งไม่มีคนประกบ แต่กดไม่ลงข้ามคานไปเอง
     กระทั่งนาทีที่ 64 เลสเตอร์ บุกกดดันจนตีเสมอได้สำเร็จเป็น 2-2 จากจังหวะที่ พอล กัลลาเกอร์ เปิดจากซ้ายด้วยขวาลูกโค้งไปหน้าประตู โคโล ตูเร่ โฉบมาสะกิดโดนที่ปลายเท้า เลยทำให้ ฮาร์ท ที่น่าจะรับได้ เสียจังหวะเล็กน้อย บอลชนตัว มือกาวทีมชาติอังกฤษแล้วกระฉอกไปเข้าทาง คิง ซัดง่ายๆ ตุงตาข่าย

     สุนัขจิ้งจอก โหมหนัก จน มันชินี่ ต้องแก้เกมด้วยการส่ง ปาโบล ซาบาเลต้า ลงแทน โช ในนาทีที่ 74 ขณะที่ฝั่งเจ้าบ้านได้เสียวอีกรอบจากลูกเตะมุมของ กัลลาเกอร์ ที่เปิดจากขวาให้ บัมบา อีกแล้วที่หนุนขึ้นมาโขกย้อยจะเสียบสามเหลี่ยม ทว่าโดน จอห์นสัน สกัดพ้นอันตราย
     อีริคส์สัน ส่ง มาร์ติน แว็กฮอร์น ลงแทน ดายเออร์ ที่เดินออกจากสนามพร้อมกับเสียงปรบมือของกองเชียร์ เลสเตอร์ ก่อนที่ แมนฯ ซิตี้ จะพลาดโอกาสทองเมื่อ เตเวซ ไหลให้ เด ยองก์ สอดขึ้นมาแปเน้นๆ แต่ วีล ซูเปอร์เซฟป้องกันไว้ได้

     ช่วงเวลาที่เหลือ แม้ แมนฯ ซิตี้ จะลุยแหลก แต่ เลสเตอร์ ก็คุมสถานการณ์เอาไว้ได้หมด และรักษาสกอร์เอาไว้ได้จนจบเกม ทำให้ทั้งสองทีมเสมอกันไป 2-2 ต้องไปรีเพลย์กันเพื่อหาผู้ชนะเข้าไปเจอกับ น็อตต์ส เคาน์ตี้ ในรอบสี่ต่อไป
 
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

     เลสเตอร์ : คริส วีล, ไคล์ นอตัน, แจ็ค ฮ็อบบ์ส, โซล บัมบา, บรูโน่ เบอร์เนอร์, ยูกิ อาเบะ, ริชี่ เวลเล่นส์, แอนดี้ คิง, ลอยด์ ดายเออร์, ดาริอุส วาสเซลล์, พอล กัลลาเกอร์

     สำรอง : ร็อบบี้ นีลสัน, เจา เตเชร่า, แม็ตต์ โอ๊คลี่ย์, สตีฟ ฮาวเวิร์ด, คอนราด โลแกน, มาร์ติน แว็กฮอร์น, แฟร้งค์ มุสซ่า

     แมนฯ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, เยโรม บัวเต็ง, โคโล ตูเร่, โจลีออน เลสค็อตต์, อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์, เจมส์ มิลเนอร์, ปาทริค วิเอร่า, อดัม จอห์นสัน, โช, คาร์ลอส เตเวซ

     สำรอง : เชย์ กิฟเว่น, ปาโบล ซาบาเลต้า, โรเก้ ซานตา ครูซ, ไนเจล เด ยองก์, เดดรีค โบยาต้า, อเล็กซ์ นีมลี่, อับดิสลาม อิบราฮิม
 
     ผู้ตัดสิน : ไมค์ ดีน


เชลซี (พรีเมียร์ ลีก) 7 - 0 อิปสวิช (แชมเปี้ยนชิพ)

 

สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ 


     สิงโตน้ำเงินคราม ไม่มี แอชลี่ย์ โคล ที่บาดเจ็บ แถมยังพักใช้งานสามตัวหลัก ไมเคิ่ล เอสเซียง, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ฟลอร็องต์ มาลูด้า เป็นสำรอง แล้วเปิดทางให้ แพทริค ฟาน อานโฮลท์, โจชัว แม็คอีแครน, แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ได้ลงตัวจริง
 
     ส่วนทางฝั่ง ม้าขาว เพิ่งปลด รอย คีน เมื่อวันศุกร์ แล้วแต่งตั้ง เอียน แม็คพาร์แลนด์ รักษาการชั่วคราว โดยเกมนี้เรียกตัวหลัก คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ดส์, เจสัน สกอตแลนด์, ดาร์เรน โอเดีย, ไฮเม่ ปีเตอร์ส และ โคลิน ฮีลี่ ลงตัวจริง
 
     เริ่มเกมแค่ 7 นาที เชลซีเกือบได้ลูกแรกเร็ว เมื่อ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วยิงมุมแคบ มาร์ติน ฟูล็อป ต้องปัดออกหลัง
 
     นิโกล่าส์ อเนลก้า ศูนย์หน้าฟอร์มตกของสิงห์บลูส์ มีโอกาสลุ้นทำประตูสองครั้งติดๆ ในช่วงนาทีที่ 13 และ 14 แต่ก็ถูก ฟูล็อป ป้องกันเอาไว้ได้ทั้งสองครั้ง
 
     โอกาสแรกของอิปสวิช ต้องรอถึงนาทีที่ 22 เจสัน สกอตแลนด์ สบโอกาสสับไกด้วยเท้าซ้ายจากระยะ 25 หลา ปีเตอร์ เช็ก ต้องออกแรงเซฟเอาไว้เหมือนกัน
 
     หลังจากที่ เชลซีเริ่มพับสนามบุกอยู่พักใหญ่ ประตูขึ้นนำ 1-0 ก็เกิดขึ้นในนาทีที่ 33 นิโกล่าส์ อเนลก้า หลุดเข้าไปซัดเท้าขวาติดเซฟ ฟูล็อป แต่บอลยังกลิ้งหลุนๆ กำลังจะข้ามเส้นอยู่แล้ว ซาโลมง กาลู ตามเข้าไปยิงซ้ำจ่อๆ เพื่อความชัวร์
 
     ให้หลังไม่ถึงนาที เจ้าบ้านได้ประตูหนีห่าง 2-0 โชเซ่ โบซิงวา เติมเกมรุกขึ้นมาเปิดเรียดจากกราบขวาให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ซึ่งได้โอกาสลงตัวจริงเกมนี้ โชว์ลีลายิงไขว้หลังเข้าไปอย่างเหนือชั้นจากระยะ 6 หลา
 
     นาทีที่ 41 สกอร์ไหลเป็น 3-0 อีกสำหรับ สิงโตน้ำเงินคราม จากฟรีคิก แฟร้งค์ แลมพาร์ด ยิงด้วยเท้าขวาอัดเข้ามา บอลพุ่งไปแฉลบ คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ดส์ เปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเองไป จบครึ่งแรกเชลซีนำหายห่วง 3-0
 
     เริ่มเกมครึ่งหลังมาได้เพียง 4 นาที ซาโลมง กาลู เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวาให้ นิโกล่าส์ อเนลก้า ยิงเรียดด้วยเท้าขวาไปที่เสาด้านซ้ายเข้าประตูไปอย่างเด็ดขาดให้เชลซีขยับหนีไปเป็น 4-0
 
     เจ้าบ้านยังไม่หยุด แล้วก็มาได้ประตูเพิ่มจากการยิงของ ดาเนี่ยล สเตอร์ริจ ที่ยิงจากบริเวณด้านซ้ายของเส้นจุดโทษ บอลเสียบมุมเสาสองเข้าประตูไปงามหยด เชลซีหนีไปเป็น 5-0
 
     มาถึงนาทีที่ 78 แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็มายิงจากระยะ 20 หลา เสียบสามเหลี่ยมด้านซ้ายเข้าประตูสุดสวยให้เชลซีนำห่าง 6-0
 
     ยังไมพอนาทีถัดมา บิโลสลาฟ อิวาโนวิช เปิดบอลจากด้านขวาให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ได้ยิงจ่อๆ เป็นประตูที่สองให้ตัวเองในเกมนี้ จบเกม เชลซีจึงถล่มอิปสวิชยับ 7-0


รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, โจเซ่ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, พาทริค ฟาน อานโฮลท์, รามิเรส, จอร์ช แม็คเอราน, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, ซาโลมง กาลู, นิโกล่าส์ อเนก้า, แดเนียล สเตอร์ริดจ์

อิปสวิช : มาร์ตัน ฟูล็อป, ทรอย บราวน์, แกเร็ธ แม็คออรี่, ดาร์เรน โอเดีย, มาร์ค เคนเนดี้, ไจม์ ปีเตอร์, เดวิด นอร์ริส, โคลิน ฮีลีย์, คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ด, เจสัน สกอตแลนด์, คอนเนอร์ วิคแฮม

 

ผลการแข่งขันเอฟเอ คัพ รอบสาม
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ ลิเวอร์พูล 1-0
สเปอร์ส  ชนะ ชาร์ลตัน  3-0
เชลซี ชนะ อิปสวิช  7-0
เลสเตอร์ เสมอ แมนฯ ซิตี้ 2-2

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »