สมาคมฟุตบอลตัดสิน ให้สิทธิ์สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทำทีมต่อแทนที่ การท่าเรือไทย เอฟซี โดยทางสมาคมชี้ สโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นผู้ทรงสิทธิ์ ทำทีมส่งการแข่งขันกับทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยมาโดยตลอด
 
       เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมวีไอพี ชั้น 3 โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน ได้มีการแถลงข่าวสิทธิ์การทำทีม การท่าเรือไทย เอฟซี ต่อหน้าสื่อมวลชนทุกแขนง ที่มากันอย่างคับคั่ง นำโดย ''บังยี'' วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอล, ''บิ๊กเปี๊ยก''องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ, ธารา พฤกษ์ชะอุ่ม รองเลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ และ วีระ คำมี ประธานอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายสมาคมฟุตบอลฯ

       โดย วีระ คำมี ได้ทำการตัดสินสิทธิ์ในการทำทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ว่า ''หลังจากที่เราได้ทำการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นสมาชิกสามัญของสมาคมฟุตบอลฯ ถือเป็นผู้ทรงสิทธิ์ในการส่งแข่งขันฟุตบอล ที่ทางสมาคมฟุตบอลฯ จัดขึ้นมาโดยตลอด แต่ไม่ปรากฏว่าได้ทำหนังสือมอบสิทธิ์ บ.ไทย พอร์ท เอฟซี มาให้กับสมาคมฟุตบอลฯ''

        ''ทำให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะได้สิทธิ์ในการทำสโมสร การท่าเรือไทย เอฟซี ในฤดูกาล 2011 นี้ เพราะถือว่าเป็นผู้ทรงสิทธิ์ และทีมต้องปฏิบัติตามกฎของสมาคมฟุตบอลฯ ในการส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก แม้ว่า 2 ปีที่ผ่านมาจะมอบหมายให้ บ.การท่าเรือไทย จำกัด ซึ่งมีนายพิเชฐ มั่นคง เป็นประธาน ส่งทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก ตามระเบียบของทีพีแอลที่ต้องการให้แต่ละสโมสรจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่เมื่อเจ้าของเดิมต้องการสิทธิ์คืนย่อมมีอำนาจกระทำได้''

        ฝ่ายกฎหมายสมาคมฯ ยังชี้แจงถึงคำโต้แย้งในหนังสือของนาย พิเชฐ มั่นคง ที่ส่งมาให้เมื่อวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งระบุว่า ได้อำนาจสิทธิ์ขาดในการส่งทีมจากมติบอร์ดของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ว่า มติดังกล่าวเป็นการมอบหมายหน้าที่ให้นายพิเชฐ ซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าการท่าฯ ในขณะนั้น มาบริหารงานสโมสรฟุตบอลและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในฐานะประธาน เนื่องจาก พนักงานของรัฐไม่สามารถนั่งในตำแหน่งใดๆ ในบริษัทเอกชนได้ จึงต้องใช้วิธีดังกล่าวเพื่อส่งทีมเข้าแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่การโอนสิทธิ์แต่อย่างใด

        นอกจากนี้นายกสมาคมฟุตบอลฯ ยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ซึ่งถามว่าหาก พิเชษฐ มั่นคง ประธานสโมสรคนเดิม จะฟ้องกลับในข้อหาที่เจ้าตัวไม่ได้ทำทีมอีกต่อไปแล้ว จะมีวิธีการรับมืออย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดย ''บังยี''กล่าวว่า ''การที่ทีมจะจดทะเบียนนิติบุคคล จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิ์ เพื่อที่จะส่งชื่อให้กับสมาคม หรือ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก''

        ''เกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง บ.ไทย พอร์ท เอฟซี ไม่สามารถที่จะยื่นอุทธรณ์หรือฟ้องกลับมายังสมาคมฟุตบอลฯ ได้ เนื่องจากมีข้อตกลงไว้ว่าห้ามฟ้องร้องใด เพราะสมาคมฟุตบอลเป็นแค่คนนอกและเป็นผู้รักษากฎของเรื่องนี้ รวมทั้งเขาได้ทำการเซ็นสัญญากับการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในเรื่องของการทำทีมแบบปีต่อปี ซึ่งในเมื่อสัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลง เจ้าของเดิมสามารถเข้ามาเรียกร้องสิทธิ์คืนได้นั่นเอง'' 

        ด้าน ''บิ๊กเปี๊ยก'' องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ เผยว่า คลับไลเซนซิ่ง อคลีเม้นท์ ซึ่งเป็นพันธะข้อตกลงระหว่างสโมสรที่เข้าแข่งขันฟุตบอลลีกในแต่ละปีกับสมาคม ฟุตบอลฯ ซึ่งหมายรวมไปถึงบริษัทที่จะส่งทีมเข้าแข่งขันในปีนั้นๆ มีอายุใช้งานแค่ปีต่อปี เนื่องจากทุกฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลงสโมสรขึ้น-ตกชั้นตลอด และจุดนี้ทำให้ กทท. สามารถดึงสิทธิ์คืนจากการท่าเรือไทย เอฟซี ได้ และสามารถจดทะเบียนทีมใหม่เพื่อส่งทีมเข้าแข่งขันฤดูกาล 2011 ก่อนจะมีการทำคลับไลเซนซิ่งในซีซั่นนี้ที่กำหนดไว้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 54
     

       ''แม่บ้านลูกหนัง'' ยังอ้างว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือยืนยันความพร้อมในการส่งทีมเข้าแข่งขันในฤดูกาลนี้แล้ว ทั้งเรื่องนักเตะและบอร์ดบริหารชุดใหม่ ซึ่งสมาคมก็ต้องเชื่อตามนั้น อย่างไรก็ตามเรามีมาตรการรองรับเช่นกัน หาก กทท. ไม่สามารถดำเนินการได้ทันฤดูกาลใหม่ที่จะเริ่มต้นในอีก 10 วันข้างหน้า เราจำเป็นต้องยึดสิทธิ์นั้นคืนและจะไปมอบให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับสุดท้ายไทยพรีเมียร์ลีก ที่มีแรงกิ้งต่อจาก ศรีสะเกษและทหารบก ให้กลับขึ้นมาเล่นไทยลีกแทน ส่วนดิวิชั่น 1 ที่หายไปหนึ่งทีมก็ใช้กรณีเดียวกัน โดยระยอง เอฟซี ซึ่งได้อันดับ 2 ในรอบเพลย์ออฟ ก็จะขึ้นมาอยู่ใน ด.1

         ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวสยามกีฬา ได้ติดต่อไปยัง เฉลิมชัย มีคุณเอี่ยม ผอ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับการกลับเข้ามาทำหน้าที่ การท่าเรือไทย เอฟซี เพื่อสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011 โดยเจ้าตัวชี้แจงว่า ''หลังจากที่เราทราบเรื่องการได้สิทธิ์เข้ามาทำทีม ทำให้เราต้องมีการประชุมอย่างเร่งด่วน ซึ่งสรุปคร่าวๆ ได้ 2 ประว่า ข้อ 1 การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะเข้าไปบริหารจัดการทีมทุกอย่าง ตามที่สมาคมฟุตบอลฯ ได้มอบอำนาจให้แก่เรา''

        ''ข้อ 2 การท่าเรือแห่งประเทศไทย จะขอยกเลิกสิทธิ์การทำทีมกับ บ.ไทย พอร์ท เอฟซี ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นนี้ รวมไปถึงเรื่องของ บ.ซูเปอร์ริช ที่หลายคนมองว่าเราจะยังให้เขาเข้ามาเป็นสปอนเซอร์หรือไม่นั้น เราจะนำเรื่องเข้าไปประชุมกับผู้บริหารของทีมในวันที่ 4 ก.พ. แล้วจะแจ้งไปให้ทางสมาคมฟุตบอลฯ ได้ทราบ หลังจากนั้นวันที่ 8 ก.พ.เราจะทำการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ณ การท่าเรือ ห้องประชุม ชั้น 17 หื้ทราบต่อไป''

         นอกจากนี้ ผอ.การท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ตอบข้อสักถามถึงเรื่องที่จะใช้สตาฟฟ์โค้ชกับนักเตะชุดเดิมต่อไปหรือไม่ เนื่องจากทั้งหมดมาจากประธานสโมสรคนเก่าอย่าง พิเชฐ มั่นคง ซึ่งเจ้าตัวตอบว่า ''เรายังยืนยันว่าจะใช้ผู้เล่นและทีมงานสตาฟฟ์โค้ชชุดเดิมทุกคน เพราะในเบื้องต้นพวกเขามีคุณสมบัติที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่สมาคมฟุตบอลฯ กับ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก ตั้งเอาไว้''           
     

        ด้าน ''โค้ชเตี้ย'' สะสม พบประเสริฐ ผจก.ทีมการท่าเรือไทย เอฟซี ยืนยันว่าจะรักษาสัญญาลูกผู้ชายที่ให้ไว้กับนายพิเชฐ ด้วยการเดินหน้าคุมทีม ''สิงห์เจ้าท่า'' ต่อไป และส่งผู้เล่นชุดนี้ในการแข่งขันไทยลีก 2011 แม้ว่าจะไม่มีนายใหญ่คู่ใจอีกแล้ว