ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » กระทิงขวิดโคลอมเบีย1-0,อัซซูรี่ตีเจ๊าเบียร์

กระทิงขวิดโคลอมเบีย1-0,อัซซูรี่ตีเจ๊าเบียร์

Posted 10/02/2011 by siamsport

 

        "แชมป์โลก" สเปน ทำผลงานได้ไม่เข้าตา หลังต้องลุ้นเหนื่อยกว่าจะเอาชนะโคลอมเบีย ไปได้ 1-0 โดยประตูชัยมาเกิดในช่วงท้ายเกมจาก ดาบิด ซิลบา ขณะที่อีกคู่ ทีมชาติอิตาลี รอดพ้นจากการพ่ายแพ้ต่อทีมชาติเยอรมันไปอย่างหวุดหวิด ได้ จูเซ็ปเป้ รอสซี่ ช่วยซัดประตูตามตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม


ฟุตบอลกระชับมิตร

วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554

สเปน 1 - โคลอมเบีย 0

สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด
 

     แชมป์โลก สเปน ยังอุ่นเครื่องไม่ชนะใครเลย หลังจบเวิลด์คัพ เกมนี้กลับมาลงเตะในบ้านรับการมาเยือนของ โคลอมเบีย โดยเจ้าบ้านเลือก เปโดร โรดริเกซ เป็นกองหน้าคู่ ดาบิด บีย่า ขณะที่ทีมเยือนไม่มีศูนย์หน้าตัวเก่ง ราดาเมล ฟัลเกา ที่บาดเจ็บ อาเดรียน รามอส เลยได้รับโอกาสแทน

     ครึ่งแรก โคลอมเบีย มาเปิดเกมบุกแลกแบบไม่เป็นรองเจ้าถิ่นด้วยซ้ำ นาทีที่ 13 อาเบล อากีลาร์ มิดฟิลด์ที่ค้าแข้งอยู่กับ เอร์กูเลส ส่องจากหน้ากรอบโทษ อิเกร์ กาซิยาส ต้องออกแรงเซฟ

     ให้หลัง 2 นาที สเปน น่าได้ประตูขึ้นนำอย่างยิ่ง อันเดรส อิเนียสต้า ผ่านบอลเหมาะเจาะให้ ดาบิด บีย่า หลุดเข้าไปซัดเท้าขวาอย่างใจเย็นแล้ว แต่บอลไปชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย

     นาทีที่ 21 กระทิงดุ มาได้ฟรีคิกระยะหวังผล จากจังหวะที่ เปโดร โรดริเกซ โดน มาริโอ เยเปส ทำฟาวล์ และเป็น ดาบิด บีย่า รับหน้าที่ปั่นข้ามกำแพงเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว

     ช่วงทดเจ็บครึ่งแรก โคลอมเบีย ได้โอกาสทองฝังเพชร จากจังหวะโซโล่สวยๆ ของ ปาโบล อาร์เมโร่ ที่ล็อกหลบทั้ง เกราร์ด ปิเก้ และ ราอูล อัลบิโอล จนเสียผู้เสียคน ก่อนจะล่อเป้ากับ อิเกร์ กาซิยาส แต่ลูกดีดไซด์ก้อยเท้าซ้ายเฉี่ยวเสาออกไปแบบเฉียดฉิว จบครึ่งแรก ยังเสมอ 0-0

     น.55 ครึ่งหลังสเปนเพิ่มความสดในแนวรุกโดยส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส ลงมาแทน ดาบิด บีย่า และ ซานติอาโก้ กาซอร์ร่า ลงมาแทน ชาบี เอร์นานเดซ

     น.64 กระทิงดุเกือบพลาดท่าเสียประตูเมื่อ อัลบาโร่ อาร์เบลัว โดน คาร์ลอส ซานเชซ ฉกบอลได้หน้าเขตโทษก่อนลากเข้าไปยิงบอลเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียว

     น.79 โคลอมเบียมาได้ลุ้นอีกครั้ง เฟร็ดดี้ กวาริน ได้จังหวะสับไกนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งจะเสียบใต้คานอยู้แล้ว อีเกร์ กาซียาส ยังเหินทุบออกมาได้

     น.86 กระทิงดุมาได้ประตูชัยจนได้จากจังหวะที่ เฆซุส นาบาส เปิดบอลเรียดจากกราบขวาเข้ามา ดาบิด ซิลบา วิ่งเข้ามาจิ้มด้วยซ้ายที่เสาแรกตุงตาข่าย จบเกท สเปน เฉือนเอาชนะ โคลอมเบีย หวุดหวิด 1-0

 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
 
สเปน :
อิเกร์ กาซิยาส, เซร์คิโอ รามอส, เกราร์ด ปิเก้, ราอูล อัลบิโอล, โจน กัปเดบิล่า, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ชาบี เอร์นานเดซ, ชาบี อลอนโซ่, อันเดรส อิเนียสต้า, เปโดร โรดริเกซ, ดาบิด บีย่า
 
โคลอมเบีย : ดาวิด ออสปิน่า, ฮวน กามิโล ซุนญิก้า, หลุยส์ เปเรีย, มาริโอ เยเปส, ปาโบล อาร์เมโร่, อาเบล อากีลาร์, เฟร็ดดี้ กวาริน, ยูเลียน อันชิโก้, โจวานนี่ โมเรโน่, ดายโร โมเรโน่, อาเดรียน รามอส

 


เยอรมัน 1 - อิตาลี 1


สนาม : ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค, ดอร์ทมุนด์ เยอรมัน

 

 

     โยอัคคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์ "อินทรีเหล็ก" ส่ง 11 คนแรกเป็นทัพชุดใหญ่เกือบเต็มสูบ โดยแดนกลางกับกองหน้าเป็นนักเตะชุดเดียวที่เล่นร่วมกันมาในชุดคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2010 มี  ซามี่ เคดิร่า กับ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลาง ให้โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล และ ลูคัส โพดอลสกี้ เดินเกมรุก วาง มิโรสลาฟ โคลเซ่ เป็นหน้าเป้า

     ด้าน เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือทัพ "อัซซูรี่" ประเดิมส่ง ติอาโก้ ม็อตต้า กองกลางบราซิเลียนที่ย้ายมาเล่นให้ อิตาลี ลงคุมเกมแดนกลางร่วมกับ ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ กับ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ และส่ง สเตฟาโน่ เมารี กับ อันโตนิโอ คาสซาโน่ ทำเกมรุกคอยป้อนบอลให้ จามเปาโล ปาซซินี่ โดยตัวจริงของ อิตาลี ในเกมนี้มีเพียง จานลุยจิ บุฟฟ่อน ที่ลงเล่นในเกมรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 2006 เมื่อเกือบ 5 ปีก่อน

     เปิดฉากเริ่มเกมมาเป็นเจ้าบ้าน อินทรีเหล้ก ครองบอลบุกเข้าใส่ได้ดีกว่าและเกือบได้ก่อน จากการประสานงานของสองดาวเตะจาก เรอัล มาดริด โอซิล ไหลบอลต่อมาให้ เคดิร่า กดบอลหลุดกรอบไปไม่ไกล

     จนนาที 16 แฟนบอลเจ้าบ้านมาได้เฮฉลองประตูออกนำจนได้ มุลเลอร์ ลากบอลตะลุยฝ่าแนวรับ อัซซูรี่ มาตบบอลเข้ากลางให้ โคลเซ่ ไวทายาทวิ่งมาล้มตัวปาดบอลผ่านมือ บุฟฟ่อน ตุงตาข่าย เยอรมัน ออกนำ 1-0

     อินทรีเหล็ก ยังไม่ยอมเพลาเกมบุกและน่าได้เพิ่ม โอซิล พลิกบอลมาไหลออกด้านซ้ายให้ โพดอลสกี้ กระหน่ำบอลนอกกรอบหลุดเสาสองไปนิดเดียว

     หลังตากนั้นต่อมาเกมของทั้งสองฝ่ายกลับมาสูสีกัน โดยบอลส่วนใหญ่ต่างเป็นฝ่ายผลัดกันครองบอลแถวกลางสนาม ทว่าไร้จังหวะหวาดเสียวให้พูดถึง

     นาที 36 อิตาลี น่าได้ประตูตีเสมออย่างยิ่ง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ที่เกมนี้มารับบทแบ็กซ้าย ครอสบอลเข้ามาให้ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ฮาล์ฟวอลเลย์เต็มข้อบอลพุ่งเป็นจรวดถูก มานูเอล นอยเออร์ ผวาปัดบอลข้ามคานออกไปได้ทัน

     นาทีสุดท้ายแข้ง อัซซูรี่ มาเรียกร้องเอาจุดโทษจากจังหวะที่ คาสซาโน่ ไหลบอลมาให้ มัตเตีย คาสซานี่ เติมเกมบุกขึ้นมากดบอลเรียดไปชนแขน เดนนิส อาโอโก้ ที่สไลด์บล็อคขวางบอลเอาไว้ ทว่า เอริค บราอัมฮาร์ ผู้ตัดสินชาวดัตช์ไม่ว่าอะไร ทำเอา ปรันเดลลี่ ส่ายหน้าเซ็งด้วยความไม่เข้าใจ และจบ 45 นาทีแรก เยอรมัน ขึ้นนำ 1-0

     กลับลงสนามมาสู้กันต่อใน 45 นาทีหลัง อิตาลี มาได้โอกาสเสียวก่อน จากการประสานงานของสองตัวสำรอง มาร์โก บอร์ริเอลโล่ ไหลบอลมาด้านขวาให้ จูเซ็ปเป้ รอสซี่ วิ่งตามควบไปกดบอลเรียดไม่ผ่านมือ นอยเออร์ ทิ้งตัวล้มรับบอลอยู่หมัด

     รูปเกมครึ่งหลังตกเป็นของทางทีมเยือนจากแดนมะกะโรนีจนหมด นาที 66 อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ วางบอลยาวจากแดนตัวเองอย่างสวยทะลุกับดักล้ำหน้ามาให้ บอร์ริเอลโล่ เอาบอลเข้าไปกดเรียดด้วยซ้ายเต็มๆ ทว่า นอยเออร์ ยังเหนียวเหลือเชื่อทิ้งตัวปัดบอลออกหลังไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ

     จากลูกเตะมุม อาคควิลานี่ เปิดบอลเข้ามาถูกกองหลัง เยอรมัน โขกสกัดบอลออกมานอกรอบเข้าทางปืน ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ซัดบอลสวนถากเสาออกไปหวุดหวิด

     หลังจากเจียนอยู่เจียนไปอยู่นานในที่สุดนาที 81 ตาข่ายของเจ้าบ้านก็มาสะเทือนจนได้ จากจังหวะที่แผงหลัง เยอรมัน โขกสกัดบอลกันไม่ขาด จนเปิดโอกาสให้ อาควิลานี่ ชิงจังหวะฉกบอลมาไหลต่อให้ รอสซี่ ลากบอลเข้าไปยิงจังหวะแรกติดเซฟ นอยเออร์ ที่ล้มตัวบล็อคได้ทัน ทว่าบอลยังไหลออกมาเข้าทาง รอสซี่ ได้ตามซ้ำดาบสองคราวนี้ไม่พลาดตุงตาข่าย อิตาลี ตีเสมอเป็น 1-1

     อินทรีเหล็ก เกือบมาออกนำทันทีอีกครั้ง โพดอลสกี้ เล่นบอลริมเส้นฝั่งซ้ายกับ โอซิล ก่อนจ่ายต่อให้ เคดิร่า กดบอลเรียดมุมแคบไม่ผ่านมือ บุฟฟ่อน ทิ้งตัวชกบอลออกไปได้สวย

     จบเกม เยอรมัน เสมอกับ อิตาลี 1-1 และยังทำให้ อินทรีเหล็ก ไม่สามารถเอาชนะ อิตาลี ได้เลยนับตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา


รายชื่อผู้เล่นที่ของทั้งสองทีม
 
เยอรมัน :
มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม, แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, เดนนิส อาโอโก้ - ซามี่ เคดิร่า, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์- โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้ - มิโรสลาฟ โคลเซ่
สำรอง : เรเน่ อ๊าดเลอร์, ไฮโค เวสเตอร์มันน์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์,  มาร์เซล ชเมลเซอร์, เยโรม บัวเต็ง, อาร์เน่ ฟรีดริช, คริสเตียน เทรช, สเวน เบนเดอร์, เควิน โกรสครอยท์ซ, มาริโอ เกิทเซ่ 
 
อิตาลี : จานลุยจิ บุฟฟ่อน - มัตเตีย คาสซานี่, อันเดรีย ราน็อคเคีย, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ - ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่, ติอาโก้ ม็อตต้า - สเตฟาโน่ เมารี, อันโตนิโอ คาสซาโน่ - จามเปาโล ปาซซินี่
สำรอง : ซํลวาตอเร่ ซิริกู, เอมิลิอาโน่ วิเวียโน่, อัลแบร์โต้ อาควิลานี่, อันเจโล ปาลอมโบ, ดาวิเด้ อัสตอรี่, จูเซ็ปเป้ รอสซี่, โดเมนิโก้ คริสซิโต้, คริสเตียน มาจโจ้, เซบาสเตียน โจวินโก้, อเลสซานโดร มาตรี, อันโตนิโอ โนเชริโน่, มาร์โก บอร์ริเอลโล่
 

ผู้ตัดสิน : เอริค บราอัมฮาร์ (ฮอลแลนด์)

 

     สรุปผลฟุตบอลกระชับมิตร 
     - ฝรั่งเศส 1:0 บราซิล
     - เยอรมัน 1:1 อิตาลี
     - เดนมาร์ก 1:2 อังกฤษ
     - มอลต้า 0:0 สวิตเซอร์แลนด์  
     - เบลเยียม 1:1 ฟินแลนด์ 
     - ฮอลแลนด์ 3:1 ออสเตรีย 
     - โปแลนด์ 1:0 นอร์เวย์    
     - อาร์เจนตินา 2:1 โปรตุเกส    
     - สเปน 1:0 โคลอมเบีย     
     - ไอร์แลนด์เหนือ 0:3 สกอตแลนด์            
     - มอลโดวา 2:1 อันดอร์ร่า 
     - ซาน มาริโน่ 0:1 ลิกเตนสไตน์   
     - กรีซ 1:0 แคนาดา
     - อาร์เมเนีย 1:2 จอร์เจีย      
     - เบลารุส 1:1 คาซัคสถาน    
     - อิหร่าน 1:0 รัสเซีย    
     - โบลิเวีย 1:2 ลัตเวีย 
     - มาซิโดเนีย 0:1 แคเมอรูน      
     - โครเอเชีย 4:2 เช็ก 
     - อาเซอร์ไบจาน 0:2 ฮังการี      
     - อิสราเอล 0:2 เซอร์เบีย    
     - ตุรกี 0:0 เกาหลีใต้ 
     - แอลเบเนีย 1:2 สโลวีเนีย   
     - บัลแกเรีย 2:2 เอสโตเนีย    
     - ลักเซมเบิร์ก 2:1 สโลวาเกีย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »