ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ จิลเล็ตต์ จูเนียร์ อดีตสองเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล เตรียมลุ้นคำตัดสินของศาลเมืองผู้ดี วันพฤหัสฯ นี้ ว่าจะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากการโดนบอร์ดเก่า "หงส์แดง" บีบขายสโมสรให้ เอ็นอีเอสวี เมื่อปีก่อนได้หรือเปล่า

     ศาลสูงแห่งกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จะขึ้นบัลลังก์ตัดสินว่า ทอม ฮิคส์ และ จอร์จ จิลเล็ตต์ จูเนียร์ อดีตสองเจ้าของทีม ลิเวอร์พูล สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการโดนอดีตบอร์ดบริหารบีบขายสโมสรด้วยราคา สุดถูกเพียง 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 14,400 ล้านบาท) ให้กับ นิวอิงแลนด์ สปอร์ตส์ เวนเจอร์ส (เอ็นอีเอสวี) กลุ่มทุนเจ้าของทีม บอสตัน เร้ด ซ็อกซ์ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้หรือไม่ ในวันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์นี้

      ทีมทนายความของสองอดีตเจ้าของทีม ยื่นฟ้องต่อศาลเมืองผู้ดี เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า คำสั่งห้ามพวกตนติดตามฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายภายนอกสหราชอาณาจักร รวมถึงสหภาพยุโรป สมควรได้รับการเพิกถอนออกไป ซึ่งคำสั่งดังกล่าวนั้น มีขึ้นเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน เพื่อยับยั้งไม่ให้ ฮิคส์ และ จิลเล็ตต์ ยื่นฟ้องต่อศาลเท็กซัส ป้องกันไม่ให้มีการขาย "หงส์แดง" ให้กับกลุ่มของ จอห์น เฮนรี่ เจ้าของทีมปัจจุบัน

      อย่างไรก็ดี ทนายความของ รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ (อาร์บีเอส) รวมถึงผู้บริหารสโมสรชุดก่อน ที่อนุมัติการขายสโมสร สวนกลับว่า ฮิคส์ และ จิลเล็ตต์ ไม่น่าจะฟ้องร้องต่อศาลเมืองมะกันได้ เนื่องจากสัญชาติของเจ้าของทีมนั้นผูกพันกับประเทศนั้นๆ เพียงเท่านั้น ขณะที่ประเด็นสำคัญก็คือ ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ

      รายงานระบุว่า ผู้พิพากษา คริสโตเฟอร์ ฟลอยด์ จะตัดสินด้วยว่า มาร์ติน บรอตัน อดีตประธานสโมสร จะสามารถฟ้องร้องเรียกร้องค่าเสียหายจาก ฮิคส์ จากกรณีกล่าวหาตนต่อสาธารณชนได้หรือไม่ ในวันพฤหัสบดีนี้เช่นกัน
ขณะที่ อาร์บีเอส ยังได้เตรียมจะขอคำสั่งศาลในการห้ามอดีตสองเจ้าของทีม "เร้ด แมชีน" ฟ้องรีดค่าเสียหายจากพวกตนอีกด้วย
 
     ทั้งนี้ ฮิคส์ และ จิลเล็ตต์ ถูกบังคับให้ขายสโมสร เมื่อเดือนเมษายนปีก่อน หลังจากประสบปัญหาการชำระหนี้ที่เป็นผลมาจากการกู้ยืมมาซื้อยอดทีมแห่งถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2007 โดยยอดหนี้นั้นพุ่งสูงขึ้นจาก 237 ล้านปอนด์ (ประมาณ 11,376 ล้านบาท) เป็น 285 ล้านปอนด์ (ประมาณ 13,680 ล้านบาท) ขึ้นอยู่กับการตีราคา ณ เวลาขายสโมสร ซึ่งสองเจ้าสัวมะกันต้องการเรียกร้องค่าเสียหายที่สมควรจะได้รับจากการขาย สโมสรให้ เอ็นอีเอสวี ต่อไป