ดาราสาว ''พิงค์กี้-สาวิกา'' โผล่ไปอัดรายการทีวีเป็นครั้งสุดท้าย ที่เมืองทองธานี ก่อนบินไปศึกษางานที่ประเทศนิวซีแลนด์ชั่วคราว ลั่นน้ำขึ้นต้องรีบตัก เมื่อมีโอกาสทำธุรกิจจนรุ่งก็ขอลุยเต็มที่ แสดงความยินดี ''เป๊ก-ธัญญ่า'' ความรักดีขึ้น ใช้ชีวิตครอบครัวแฮปปี้

ใกล้ออกเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์ เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับนางเอกสาวมากฝีมือ ''พิงค์กี้'' สาวิกา ไชยเดช โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มี.ค. 54ก่อนที่ดาราสาวจะวางมือจากงานในวงการบันเทิงเมืองไทย ล่าสุดเธอได้เดินทางไปเปิดใจอีกครั้งในรายการ ''ดูดีชาแนล'' ดำเนินรายการโดย ''ชิ'' อนุชา ลังประเสิรฐ โดยหลังจากที่ดาราสาวได้ให้สัมภาษณ์ในรายการจนเสร็จสิ้นแล้ว ผู้สื่อข่าวสยามดารา ก็มีโอกาสได้เข้าไปสัมภาษณ์นางเอกสาวพร้อม ''นางสุรินยา ไชยเดช'' คุณแม่ของเธอแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีกด้วย ซึ่งงานนี้ ''พิงค์กี้'' ได้เผยเกี่ยวถึงสาเหตุที่ต้องเดินทางไปประเทศนิวซีแลนด์ ว่าอยากที่จะพัฒนาตัวเองให้มีประสิทธิภาพของการเป็นดาราแถวหน้าให้มากขึ้น โดยเธอหวังที่เริ่มต้นจากการพัฒนาศักยภาพการเต้นที่เธอรักเป็นอันดับแรกก่อน

''ช่วงนี้ก็ห่างหายกันไปสักพักนึงก็ ''กี้'' คิดว่ามันเป็นช่วงที่ต้องทำธุรกิจ ต้องเรียนรู้หลายอย่าง เพราะฉะนั้นก็ถือว่าอาจจะได้ไปทำอะไรหลายอย่าง ซึ่งตอนนี้กำลังดูกับครอบครัวอยู่ว่ากำลังจะทำอะไรดี ที่เลือกไปในช่วงนี้ เพราะคิดว่ามันเป็นช่วงชีวิตที่เหมาะสม ในช่วงเวลาหลังจากนี้ผลงานทางหน้าจอไม่มีค่ะพักไปเลย โอกาสหน้าก็อาจมีอะไรเป็นอย่างอื่นออกมาบ้างถ้า ''พิงค์กี้'' ทำอะไรก็สนับสนุนหน่อยแล้วกัน''

ขณะเดียว ''นางสุรินยา'' แม่ของสาว ''พิงค์กี้'' ได้เสริมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การไปครั้งนี้ของบุตรสาวไม่ได้เป็นการอำลาวงการแต่อย่างใด

''แต่อันนี้ไม่ได้อำลาวงการอะไรนะค่ะ แต่ที่มาวันนี้ เพราะจะมาอัดรายการนี้รายการสุดท้ายก่อนที่เราจะเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ใช่ว่าสุดท้ายในโลกนี้จะไม่ออกแล้วนะค่ะ ที่เราพักงานแสดงก็ไม่ใช่ว่าเราอยู่เฉยๆ นะค่ะ คือเราอยากจะใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสได้ไปศึกษาอะไรที่มันจะเป็นประโยชน์สำหรับตัวเอง คนอาจจะคิดว่าเรานอนเล่นอยู่บ้านหรือเปล่า การเรียนเต้นก็เป็นนิสัยของ ''พิงค์กี้'' อยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนที่อยู่เฉยไม่ได้ก็ต้องมาเรียน ไปดูธุรกิจการค้าที่เราจะทำ ก็คือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ''ไบรด์ อัพ'' เราก็ไปดูว่าอะไรที่จะมีประโยชน์สำหรับคนทั่วไป''

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ซักถามต่อว่า ทราบหรือไม่ว่า มีกระแสข่าวออกมาว่า การไปต่างประเทศของ ''พิงค์กี้'' ในครั้งนี้เป็นการหลบหน้าหรือเปล่ากับเรื่องนี้ ''คุณแม่สุรินยา'' เปิดเผยว่า ไม่ใช่การหลบหน้าสื่อแต่อย่างใด แต่ตนคิดว่าในช่วงนี้ว่างจากงานบันเทิง ''พิงค์กี้'' น่าจะใช้เวลาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากกว่า

''แม่ว่านักข่าวจริงๆ ก็ไม่อยากเขียนแล้วแหละ เพราะส่วนใหญ่ก็รู้จักกันหมดก็เห็น ''พิงค์กี้'' มาตั้งแต่เล็กๆ ก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้แล้ว ทีนี่แม่ก็คิดว่าอยากให้เขาไปพักตัวเองก่อน แม้ว่าตอนนี้จะมีงานอีเวนต์ติดต่อมาเยอะ แต่เราก็เข้าใจว่า คนเห็นบ่อยๆ ก็เบื่อแหละก็เลยอยากให้น้องไปใช้เวลาพัฒนาตัวเอง เพื่อที่จะกลับมาสร้างสรรค์ผลงานแบบอื่นๆ ให้ได้เห็นกันดีกว่าไม่ใช่ว่าหลบนักข่าว''

เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า รู้สึกยังไงที่มีกระแสข่าวด้านลบออกมาบ่อยขนาดนี้ คุณแม่ของดาราสาวเผยว่า คิดในอีกแง่ว่าก็ดีอยู่เฉยๆ ก็ดังได้

''ก็บางทีอยู่เฉยๆ แล้วก็เป็นข่าวก็ถือว่าเราดังก็แล้วกัน'' ขณะที่นางเอกสาวคนดังได้แสดงความคิดเห็นในอีกแง่หนึ่งว่า ''การไปครั้งนี้พี่ๆ นักข่าวก็จะได้พักเขียนข่าวเราบ้าง เพราะช่วงที่ผ่านมาก็เขียนเยอะแล้ว  และการนำเสนอข่าวมาช่วงนึงแล้วมันต้องมีจุดสิ้นสุดลง ครั้งนี้ที่จะเดินทางไปก็ถือว่าเป็นการไปใช้ชีวิตกับครอบครัวก็หวังว่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นในอนาคต'' พิงค์กี้ กล่าว

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามกับสาว ''พิงค์กี้'' เกี่ยวกับข่าวล่าสุดที่น้องสาวของ ''เป็ก'' สัญชัย เฮงตระกูล ออกมาเปิดเผยว่า จะไม่มีการหย่าเกิดขึ้น กับเรื่องนี้สาว ''พิงค์กี้'' ก็ได้บอกว่า ตนทราบข่าวแล้ว และตนก็ดีใจมากเหมือนกัน

''ดีใจค่ะคิดว่าพอหลังจากมีข่าว ''กี้'' ก็มีข่าวมือที่สามเกิดขึ้นเต็มไปหมดเลยคือ ''กี้'' คิดว่าถ้าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ''กี้'' ถึงพยายามบอกอยู่เสมอว่า เวลาเท่านั้นแหละที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ และเราก็ไม่อยู่แล้ว และข่าวอะไรที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้เราก็คงไม่รู้แล้ว''

ทั้งนี้แม่ของสาว ''พิงค์กี้'' ก็ยังได้เสริมเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ถือเป็นข่าวดีมากๆ และตนก็คิดว่าทุกคนน่าจะยินดีกับสิ่งถูกต้องที่เกิดขึ้น

''นี่เป็นข่าวดีเลยนะค่ะ ที่ทางเราก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้น และแม่คิดว่าทุกคนก็น่าจะดีใจด้วยในสิ่งที่ถูกต้อง ยินดีในตรงนั้นด้วย คนก็เฮกันขอให้เป็นอย่างนั้น วันนี้เราทำดีที่สุดในอนาคตก็คงไม่มีใครรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหรอก พูดอย่างนี้ดีกว่าสบายๆ ทุกคนไม่รู้หรอกว่าชะตากรรมของตัวเองจะเป็นอย่างไร ณ วันนี้ก็รู้เท่านี้ก็พอแล้ว'' แม่พิงค์กี้ กล่าว