10 สุดยอดผู้จัดการทีมในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี
Posted 12/03/2011 by siamsport
เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้จัดการทีมย่อมมีความสำคัญกับทุกๆ สโมสร และพวกเขาเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญที่นำทีมประสบความสำเร็จ ลองมาดูกันซิว่าตลอดช่วงที่เกมลูกหนังเกิดขึ้นมามีกุนซือคนไหนในหน้าประวัติศาสตร์ลีกอังกฤษ ที่ยิ่งใหญ่จนทุกคนต้องก้มศีรษะคารวะ
10) จอค สตีน (ดันเฟิร์มลิน, ฮิเบอร์เนียน, กลาสโกว์ เซลติก, ลีดส์ ยูไนเต็ด และทีมชาติสกอตแลนด์)
วาทะเด็ด : "เสื้อ เซลติก ไม่ใช่เพื่อเป็นที่สอง ไม่เหมาะกับนักเตะกระจอกๆ"
ความยิ่งใหญ่ : จอค สตีน สร้างตำนานมหาบุรุษด้วยการเป็นผู้จัดการทีมคนแรกในสหราชอาณาจักรที่สามารถผงาดคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ โดยเขานำ กลาสโกว์ เซลติก คว้าแชมป์ลีกแดนวิสกี้ 9 สมัยติดต่อกัน และยังได้รับการโหวตในฐานะกุนซือที่ดีที่สุดตลอดกาลของสกอตแลนด์ และเป็นที่รู้กันว่า สตีน คือผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ "ม้าลายเขียว-ขาว" ด้วย
ความสำเร็จ : ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย, แชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก 10 สมัย,แชมป์เอฟเอ คัพ สกอตแลนด์ 9 สมัย, แชมป์ สกอตต์ ลีกคัพ 6 สมัย รวมทั้งได้รับการโหวตในฐานะผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอลสกอตแลนด์
สรรเสริญ : "คุณบอกผมหน่อยสิว่าผู้จัดการทีมทั่วโลกคนไหนที่ทำในสิ่งที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ การคว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพกับสโมสรยักษ์ใหญ่เมืองกลาสโกว์" ฮิวจ์ แม็คอินวานี่ย์ กล่าว
9) โชเซ่ มูรินโญ่ (เบนฟิก้า, เลเรีย, ปอร์โต้, เชลซี, อินเตอร์ มิลาน และเรอัล มาดริด
วาทะเด็ด : "ในหน้าประวัติศาสตร์ของผมในฐานะผู้จัดการทีมไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับประวัติศาสตร์ของ แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด ได้ เขาไม่มีโทรฟี่แชมป์ และผมมีมากกว่าเขาหลายเท่า"
ความยิ่งใหญ่ : มูรินโญ่ ไม่ใช่เก่งในฐานะเทรนเนอร์ และจอมแท็กติคเท่านั้น แต่เขามีสติปัญญาที่ชาญฉลาด และมีอารมณ์ขัน ซึ่งทำให้หลายๆคนชอบดู และฟังเขาพูด ! เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในตอนนี้ และมีความทั้งรักทั้งเกลียด แต่สถิติการคว้าแชมป์สามารถพูดทุกอย่างได้ในตัวมันเอง ครั้งหนึ่ง มูรินโญ่ เป็นเพียงพนักงานกินเงินเดือนในฐานะล่ามแปลภาษาของเซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ที่บาร์เซโลน่า โดยเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในคนที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีที่สุดเช่นกัน มูรินโญ่ เป็นคนที่ป็อบปูล่ามากๆ ถึงขนาดมี Special 1 TV รายการโทรทัศน์นำเอาแคแล็กเตอร์ของ "เฮียมู" ไปใช้เป็นหุ่นกระบอก เคียงข้างกับหุ่นกระบอก สเวน โกรัน อีริคส์สัน และ เวย์น รูนี่ย์
ความสำเร็จ : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย, แชมป์ ยูฟ่า คัพ 1 สมัย, แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, แชมป์ลีกโปรตุกีส 1 สมัย, แชมป์โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย, แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย, แชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ 2 สมัย, แชมป์โปรตุกีส คัพ 1 สมัย, แชมป์ ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย, แชมป์ แชร์ริตี้ ชิลด์ 1 สมัย และได้รับการโหวตในฐานะโค้ชยอดเยี่ยมของ ยูฟ่า 2 สมัย
สรรเสริญ : "มีใครสักคนที่แสดงให้เห็นถึงผลงานที่ยอดเยี่ยมแบบนี้กับหลายๆ สโมสร เหมือนกับกรณีของ โชเซ่ มูรินโญ่ เพราะเขาต้องเป็นสุดยอดนักจิตวิทยา และจอมแท็กติค" แกร์รี่ คาสปารอฟ ระบุ
8) เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ (อิปสวิช ทาวน์, ทีมชาติอังกฤษ และเบอร์มิงแฮม ซิตี้)
วาทะเด็ด : "ไอ้ลูกชายเอาชนะพวกมันให้ได้อีกครั้ง ตอนนี้กลับไปลงสนาม และมีความกระหายเลือดที่จะเอาชนะพวกมันให้ได้"
ความยิ่งใหญ่ : เซอร์ อัลฟ์ แรมซี่ย์ เป็นเบอร์ 1 และเป็นผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวที่นำ อังกฤษ คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1966 แม้เขามักจะโดนมองข้ามเวลามีคนพูดถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นอยู่บ่อยๆ ก็ตาม แรมซี่ย์ ยังคงได้รับการเชิดชูว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาลในหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลสหราชอาณาจักร เขาทำให้นักเตะเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง สิ่งที่ยืนยันความเป็นตัวเองของ แรมซี่ย์ ก็คือเขาเชื่อว่าสไตล์การเล่นของอังกฤษ ดีที่สุดในโลก และนั่นทำให้นักเตะเชื่อมั่นในเรื่องนี้ด้วย
ความสำเร็จ : แม้เขาจะนำ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ อิปสวิช ทาวน์ ประสบความสำเร็จ แต่ความยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือการนำ อังกฤษ คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 1966
สรรเสริญ : "ถ้าไม่มี อัลฟ์ แรมซี่ย์ เราไม่มีทางได้แชมป์โลกแน่นอน" กอร์ดอน แบงค์ส อดีตนายประตูคู่บารมีของ แรมซี่ย์ ในทัพ "สิงโตคำราม" กล่าว
7) อาร์แซน เวนเกอร์ (น็องซี่, โมนาโก, นาโกย่า แกรมปัส เอต และ อาร์เซน่อล
วาทะเด็ด : "นักเตะดาวรุ่งต้องการอิสระเพื่อพัฒนาประสบการณ์ในฐานะผู้เล่นที่สร้างสรรค์ พวกเขาควรจะกระตุ้นนักเตะเหล่านี้เพื่อพัฒนาในเรื่องทักษะ โดยไม่มีความหวาดกลัวในเรื่องความล้มเหลว"
ความยิ่งใหญ่ : เป็นที่รู้ดีว่า เวนเกอร์ ประสบความสำเร็จมากมายในฐานะผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล จนกระทั่งทุกวันนี้ ความสำเร็จของเขาเกิดจากทักษะในการคุมทีม และความเชื่อมั่นในทีมของเขา ทั้งกับนักเตะรุ่นเก๋าประสบการณ์ หรือผู้เล่นดาวรุ่งสดๆซิงๆ ในศูนย์ฝึกเยาวชน นายใหญ่เลือดเฟร้นช์ ได้รับการกล่าวขวัญอย่างมากในฤดูกาล 2003-04 เมื่อเขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก โดยปราศจากความพ่ายแพ้ เขาไม่ใช่ผู้จัดการทีมชาวสหราชอาณาจักรคนแรกที่นำทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ เขาไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงอาร์เซน่อล จากการเป็นหนึ่งในทีมท็อปโฟร์เท่านั้น แต่ยังทำให้ "ไอ้ปืนใหญ่" กลายเป็นยอดทีมแห่งลีกเมืองผู้ดีด้วย
ความสำเร็จ : แชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, แชมป์ เอฟเอ คัพ 4 สมัย, นำอาร์เซน่อล ไม่แพ้ทีมใดเลย 49 เกม และได้รับการโหวต์ในฐานะผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษ
สรรเสริญ : "เขาควรจะอธิบายให้แฟนบอลอาร์เซน่อลเข้าใจว่าเขาไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดได้เลยนับตั้งแต่ ปี 2005" โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ เรอัล มาดริด กล่าว
6) ไบรอัน คลัฟ (ฮาร์ทลี่ย์พูล, ดาร์บี้ เคาน์ตี้, ไบรตัน, ลีดส์ ยูไนเต็ด และน็อตติ้งแฮมป์ ฟอเรสต์
วาทะเด็ด : "พวกเขาพูดว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว แต่ผมไม่ได้อยากทำงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นซะหน่อย"
ความยิ่งใหญ่ : ไบรอัน คลัฟ ถือเป็นผู้จัดการทีมชาวอังกฤษที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา รวมทั้งได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในกุนซือวงการลูกหนังเมืองผู้ดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดด้วย เขาเป็นบุคคลสำคัญ และประสบความสำเร็จมากมาย เขาเป็นคนขวานผ่าซากและใช้คำพูดอย่างชาญฉลาด คลัฟ ทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้เมื่อเขานำ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีได้อย่างยิ่งใหญ่
ความสำเร็จ : แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ 2 สมัย, แชมป์คาร์ลิ่ง คัพ 4 สมัย, แชมป์แชร์ริตี้ ชิลด์ 1 สมัย และ แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 2 สมัย
สรรเสริญ : "ทุกๆ ที่ที่คุณไปบนโลกใบนี้ อย่างเมืองน็อตติงแฮม กลายเป็นที่รู้จักกันดีพร้อมกับชื่อ โรบิน ฮู้ด สำหรับ ไบรอัน คลัฟ ไม่มีใครสงสัยว่าเขามีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตของผู้คนมากมายในเมืองนี้" ไนเจล โดตี้ เจ้าของสโมสร น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ กล่าว
5) เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน (ฟูแล่ม, อิปสวิช ทาวน์, ทีมชาติอังกฤษ, พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น, สปอร์ติ้ง ลิสบอน, เอฟซี ปอร์โต้, บาร์เซโลน่า และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)
วาทะเด็ด : "90 นาทีแรกเป็นสิ่งที่สำคัญมาก"
ความยิ่งใหญ่ : หนึ่งในผู้จัดการชาวอังกฤษไม่กี่คนที่ประสบความสำเร็จในต่างแดน เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน ได้รับการสรรเสริญว่าเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ศึกพรีเมียร์ลีก ตลอดชีวิตเขาเป็นโค้ชให้กับ 7 สโมสร และทีมชาติอังกฤษ แม้เขาเป็นที่รู้จักครั้งแรกในฐานนักเตะ เขาประสบความสำเร็จในฐานะกุนซือมากมาย รวมทั้งมีอาชีพที่ยิ่งใหญ่ เขาได้รับการยกย่องในฐานะสุภาพบุรุษ และตำนานตัวจริง เขาสอนให้โลกได้รู้ว่าคุณไม่จำเป็นต้องหยิ่งผยองเพื่อประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จ : แชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย, แชมป์ยูฟ่า คัพ 1 สมัย, แชมป์ลีกดัตช์ 1 สมัย, แชมป์ลีกโปรตุกีส 2 สมัย, แชมป์โกปา เดล เรย์, สแปนิช ซูเปอร์คัพ, คัพ วินเนอร์ คัพ (ยกเลิกไปแล้ว) และรางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยงแห่งปีของยุโรป นอกจากนี้ เขาเป็นคนแรกที่นำ กองหน้าดาวรุ่งชาวบราซิล ในนาม หลุยส์ นาซาริโอ เดอ ลิมา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โรนัลโด้ กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และเป็นตำนานกองหน้าหมายเลข 1 ของโลก ณ ปัจจุบัน
สรรเสริญ : "ผมทำงานในอังกฤษ มา 23 ปี ไม่มีคนไหนที่ผมมองแล้วจะเหนือกว่า บ็อบบี้ ร็อบสัน เลย" เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กล่าว
4) (เซอร์) บ็อบ เพลสลี่ย์ (ลิเวอร์พูล)
วาทะเด็ด : "เรายังมีงานหนักให้ต้องทำอีก เมื่อเราจบซีซั่นในอันดับ 2"
ความยิ่งใหญ่ : สาวก "เดอะ ค็อป" เชื่อว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการฟุตบอล สิ่งที่ เพลสลี่ย์ ทำมันยิ่งใหญ่เมื่อเขาได้อุทิศตัวเองให้กับสโมสรแห่งนี้ เขาจงรักภักดีต่อ ลิเวอร์พูล ตลอดช่วงชีวิตของเขา และนำความสำเร็จ และชัยชนะมามายมาสู่ทีม สำหรับความสำเร็จที่เขาได้สร้างไว้กับ ลิเวอร์พูล ทำให้ บ็อบ เพลสลี่ย์ ควรจะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของสหราชอาณาจักร และในวงการลูกหนังยุโรป
ความสำเร็จ : แชมป์ลีกสูงสุด 6 สมัย, แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 3 สมัย, แชมป์คาร์ลิ่ง คัพ 3 สมัย และได้รับการโหวตให้เป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี 6 สมัย
สรรเสริญ : "ผมมองดูสถิตแล้ว ขอบอกว่า บ็อบ เพลสลี่ย์ คือผู้จัดการทีมหมายเลข 1 ตลอดกาล !" อลัน แฮนเซ่น ตำนานลูกหนัง ลิเวอร์พูล กล่าว
3) เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
วาทะเด็ด : "ตัวอย่างง่ายๆ ที่จะพูดถึงทีมชุดนี้ ผมมักเคยชินกับการพูดว่า -เมื่อไหร่ก็ตามที่ให้บอล จอร์จ (เบสต์) ทุกอย่างก็เป็นไปได้หมด-"
ความยิ่งใหญ่ : เซอร์ อเล็กซานเดอร์ แม็ตธิว บัสบี้ เป็นผู้จัดการทีมได้สร้างมรดกเอาไว้ให้กับคนรุ่นหลัง เขาทำให้ผู้คนจดจำเขาได้ เขาเป็นนำ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ได้มากมาย แต่น่าเศร้าเหลือเกินที่พวกเขาต้องพบกับโศกนาฎกรรมเมื่อเครื่องบินตกที่มิวนิค ประเทศเยอรมนี ในปี 1958 ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่แสนยากลำบากของพวกเขา แต่เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ เริ่มสร้างทีมขึ้นมาใหม่ พร้อมกับแรงขับเคลื่อน, ความมุ่งมั่น และกฎของ บัสบี้ ซึ่งนำมาสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ได้มากมาย โดยเฉพาะแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ซึ่งเป็นทีมแรกของอังกฤษ และทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมแถวหน้าของการแข่งขันทุกรายการ
ความสำเร็จ : คว้าแชมป์ลีก 5 สมัย, แชมป์ แชร์ริตี้ ชิลด์ 5 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ 1 สมัย
สรรเสริญ : "ผมไม่เหมาะกับรองเท้าโปลของ บัสบี้หรอก" บิลล์ แชงค์ลี่ย์ ตำนานมหากุนซือ ลิเวอร์พูล กล่าว
2) บิลล์ แชงค์ลี่ย์ (ลิเวอร์พูล)
วาทะเด็ด : "มีบางคนพูดว่าฟุตบอลเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตและความตาย ผมขอยืนยันกับพวกคุณเลยว่า มันยิ่งกว่านั้นหลายเท่า"
ความยิ่งใหญ่ : ไม่ใช่แค่การคว้าแชมป์เท่านั้นที่ทำให้คุณเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ แชงค์ลี่ย์ เป็นคนมีวิสัยทัศน์ ทัศนคติในการใช้ชีวิต ความมุ่งมั่น และรู้ถึงแก่นแท้ของการแข่งขันซึ่งสิ่งนี้นำเขาให้เป็นหนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุด สาวก "เดอะ ค็อป" พูดถึงเขาบ่อยๆ ว่าเขาเป็นผู้จัดการทีมที่สุดยอด และยังเป็นฮีโร่ของวงการฟุตบอลด้วย เขานำ ลิเวอร์พูล จากทีมที่ไม่มีศักดินาอะไรเลย กลายเป็นยอดทีม ได้รับการยกย่องจนทุกวันนี้ เขาเป็นคนที่สร้างรากฐานให้กับ "หงส์แดง" ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่สำคัญมากๆ
ลิเวอร์พูล กลายสภาพจากทีมดาดๆ ในระดับดิวิชั่น 2 (ปัจจุบันเดอะ แชมเปี้ยนชิพ) เป็นมหาอำนาจลูกหนัง ซึ่งต้องขอบคุณเขาจริงๆ "เดอะ เร้ดส์" เป็นหนึ่งในสโมสรชั้นนำในยุโรป เขาได้รับการยกย่องจากแฟนบอลในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งสำหรับความสำเร็จของทีม เขาเคยบอกว่าเขามีความทะเยอทะยานที่จะทำให้แฟนบอลของ ลิเวอร์พูล มีความสุขที่สุด และเขาก็ทำได้อย่างที่พูดจริงๆ
ความสำเร็จ : แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษ 3 สมัย, แชมป์ดิวิชั่นสอง 1 สมัย, แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย และแชมป์ ยูฟ่า คัพ 1 สมัย
สรรเสริญ : "ผมคิดว่า บ็อบ เพลสลี่ย์ เป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ แต่ แชงค์ลี่ย์ อยู่เหนือกว่าโลกฟุตบอล" อลัน แฮนเซ่น ตำนานดาวเตะ ลิเวอร์พูล กล่าว
1) เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (อีสต์ สเตอร์ลิงเชียร์, เซนต์ เมียร์เรน, อเบอร์ดีน, ทีมชาติสกอตแลนด์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
วาทะเด็ด : "โทรฟี่แชม์ ยูโรเปี้ยน คัพ อยู่ห่างจากคุณแค่ 6 ฟุตเท่านั้น และคุณไม่สามารถที่จะสัมผัสมันได้ถ้าเราแพ้ และนี่เป็นโอกาสที่คุณได้อยู่ใกล้กับความสำเร็จที่สุด"
ความยิ่งใหญ่ : เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลุดพ้นจากช่วงเวลาที่ยากลำบาก และตอนนี้พวกเขากลายเป็นทีมที่สุดยอดที่สุด เป้าหมายของเขา ตอนที่รับงานกับ "เร้ด เดวิลส์" ก็คือ การคว่ำ ลิเวอร์พูล และเขาก็ทำได้สำเร็จ กับสถิติการคว้าแชมป์และรางวัลมากมายในฐานะผู้จัดการทีม เขาเป็นสุดยอดกุนซือที่ดีที่สุดในวงการลูกหนังเมืองผู้ดี เฟอร์กูสัน มีแท็กติคที่ยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยแรงกระตุ้น แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นในฐานะผู้จัดการทีมก็คือเขาไม่เคยหวาดหวั่นที่จะเสี่ยง เอาเป็นว่าเขาเป็นคนที่สุดยอดที่สุดอย่างแท้จริง
ความสำเร็จ : แชมป์ พรีเมียร์ลีก 11 สมัย, 5 แชมป์ เอฟเอ คัพ, แชมป์คาร์ลิ่ง คัพ 4 สมัย, แชมป์แชร์ริตี้ ชิลด์ 9 สมัย, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย, แชมป์ คัพ วินเนอร์ คัพ, ได้รับการโหวต์เป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี 8 สมัย และผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของโลก 4 สมัย
สรรเสริญ : "ผมกลัวตายตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้พบกับเขา ผมยังเป็นแบบนั้นอยู่เลย" พอล สโคลส์ แข้งมากประสบการณ์ แมนฯ ยูไนเต็ด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
กาก้า,เหยิน,บินโญ่หลุดโผ!แซมบ้าอุ่นวิสกี้
กาก้า,โรนัลดินโญ่ และ โรบินโญ่ หลุดโผทัพ"เซเลเซา"ทีมชาติบราซิล ในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติสกอตแลนด์ วันที่ 27 มีนาคมนี้ แต่ทีมได้เรียก ไมค่อน กับ ลูซิโอ ติดธงอีกครั้งตั้งแต่ตกรอบ ก่อนรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอลโลก 2010แฟนบอลอินโดฯประท้วงไล่นายกส.ลูกหนัง
แฟนบอล "อิเหนา" อินโดนีเซีย ลุกฮือ เรียกร้องให้ นูร์ดิน ฮาลิด นายกสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซียลาออกจากตำแหน่ง หลังจากสร้างความเสื่อมเสียให้กับวงการลูกหนังของชาติ10 นักเตะดวงแตกอดเล่นรอบชิงฯ
บางครั้งโชคชะตาก็เล่นตลกกับหลายๆคน อย่างนักเตะบางคนที่โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด และเป็นกำลังสำคัญของทีม แต่สุดท้ายดันไม่ได้เข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศ รายการสำคัญเนื่องจากติดโทษแบน หรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้มีให้เห็นอยู่เป็นประจำ ลองมาพิจารณาดูกันซิว่าแข้งคนไหนที่ดวงแตก และน่าเห็นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้บ้างThe Day That Football Died(วันที่ลูกหนังไม่มีที่ว่างให้ฟุตบอล)
อำลายุคนี้ที่อภินิหารดัทช์ฮีโร่ “ สามทหารเสือ “ ที่ร่ายคาถาโดย “ Frank Rijkaard “ , “ Ruud Gullit “ รวมถึง ศูนย์หน้าพรายกระซิบ เจ้าของบัลลงดอร์ 3 สมัย ควบด้วยยศกองหน้าที่ดีที่สุดของยุโรป “ Marco Van Basten “ โดยกลุ่มสามทหารเสือ โชว์ผลงานระดับมาสเตอร์พีช ในเวลาเพียงสามปี โดยในปี 1989 และ 1990 พวกเขาพา"ปีศาจแดงดำ" เอซี มิลาน จุมพิตบิ๊กเอียร์ 2 สมัยติด โดยนี้เป็นครั้งสุดท้ายของถ้วย Uefa Champion League ที่แชมป์สามารถป้องกันแชมป์ได้จนถึงปัจจุบันนี้
TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน
อัลบั้มภาพเด็ดๆ
ฮาน่า ฮาอึน ชอง ดาว TikTok สาวสว...
นาฟ ฉัฐนันท์ ปล่อยแซ่บท้าลมหนาว ...
เต็มที่แล้ว! ไทย พ่าย อุซเบกิสถา...
ตัดเกรด นักเตะไทย เกมเสมอ โอมาน ...
"ศุภชัย" ซัดเบิ้ล! ไทย ทุบ คีร์ก...
โดนรัวครึ่งหลัง! ไทย บุกพ่าย ญี่...
คลิปไฮไลท์