สมศักดิ์ ศิริธรรม นายก ส.ฟุตบอลแม่กลอง เผยกำลังดำเนินโครงการต่อเติมอัฒจันทร์ของสนาม กีฬากลาง จ.สมุทรสงคราม  ให้มีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ที่นั่ง โดยวางเป้าหมายแล้วเสร็จก่อนเข้าสู่เลกสองของศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 แน่นอน

นับตั้งแต่เปิดฉากลีกสูงสุดของเมืองไทยในฤดูกาลนี้ สโมสรเอสซีจี สมุทรสงคราม เอฟซี ก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ไม่เฉพาะทีมงานผู้ฝึกสอนที่ได้ “โค้ชหรั่ง” ชาญวิทย์ ผลชีวิน เข้ามาเป็นประธานพัฒนาเทคนิค, “โค้ชยศ” พล ชมชื่น เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน รวมถึงผู้เล่นหน้าใหม่ที่ย้ายเข้ามาร่วมทัพสิบกว่าราย และรวมไปถึงการพัฒนาสนามเหย้าในส่วนต่างๆ ด้วย

ล่าสุด "บิ๊กเปี๊ยก" สมศักดิ์ ศิริธรรม หัวเรือใหญ่ของทีม “ปลาทูคะนอง” ที่ดูแลทีมมาตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากโปรวินเชียลลีกเมื่อปี 2008 เปิดเผยถึงการปรับปรุงรังเหย้าของทีมใน 3 ส่วนหลักๆ ว่า “เราปฏิบัติตามเกณฑ์มาตรฐานของบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก โดยเริ่มจากการปรับพื้นหญ้าใหม่ให้มีความหนานุ่ม เรียบ และทำให้เป็นเนินหลังเต่า รวมถึงวางระบบระบายน้ำเพื่อรองรับในวันที่มีฝนตกซึ่งใช้งบประมาณราว 400,000 บาท”

บิ๊กเปี๊ยก กล่าวต่อไปว่า “ในส่วนที่สอง คือ การเพิ่มกำลังไฟส่องสว่างของสนามจากเดิมอยู่ที่ประมาณ 300 ลักซ์ เป็น 621 ลักซ์ ทำให้เราสามารถแข่งขันในเวลา 18.00 น.ได้ ซึ่งเป็นผลดีในหลายแง่ ทั้งนักฟุตบอลที่ไม่ต้องเผชิญกับอากาศร้อนจึงเล่นได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนแฟนบอลก็ไม่ต้องนั่งตากแดดเชียร์ทีมของเราและยังดึงดูดให้ผู้ชมเข้าสนามได้มากขึ้นด้วย โดยเฉพาะคนที่เลิกงานช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งในส่วนของไฟสนามใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท”

“สำหรับส่วนที่สาม คือ การเสริมโครงสร้างอัฒจันทร์ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น รวมทั้งต่อเติมจากปีที่แล้วซึ่งรองรับได้ราว 3,000 ที่นั่ง เพิ่มอีก 1,800 ที่นั่ง ทำให้ปัจจุบันมีความจุอยู่ที่ 4,800 ที่นั่ง โดยใช้งบในส่วนนี้ไปประมาณ 700,000 - 800,000 บาท อย่างไรก็ตาม สโมสรยังไม่หยุดนิ่งเพียงเท่านี้ โดยมีแผนเสริมอัฒจันทร์ฝั่งตรงข้ามอัฒจันทร์หลักจาก 5 ชั้นเป็น 13 ชั้นซึ่งมีฐานวางไว้อยู่แล้ว หากแล้วเสร็จคาดว่าจะจุผู้ชมได้ 7,000 ที่นั่ง โดยเราจะเร่งดำเนินการเพื่อให้เสร็จก่อนเข้าสู่เลกสอง”

ท้ายสุด นายกลูกหนังเมืองแม่กลอง กล่าวถึงการเพิ่มความจุสนามเพื่อเอาใจแฟนลูกหนังเอสซีจี สมุทรสงคราม ว่า “ปีนี้กระแสฟุตบอลไทยมาแรงมากขึ้น แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยสนใจฟุตบอลก็เริ่มเข้ามาชมเกมในสนาม ผมมองว่าฐานแฟนบอลของทีมน่าจะเติบโตขึ้นอีก 35 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเพิ่มความจุสนามให้มากขึ้นเพื่อรองรับแฟนบอลทั้งของเราเองและทีมเยือนให้เพียงพอ รวมถึงเด็กนักเรียนที่สโมสรวางนโยบายว่าจะไม่เก็บค่าบัตรผ่านประตู เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนสนใจในกีฬา”