"นักรบปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ ยังโชว์ฟอร์มไร้เทียมทาน หลังเปิดบ้านไล่เชือด "สุภาพบุรุษวงจักร" อาร์มี่ ยูไนเต็ด ได้แบบสุดมัน 2-1 อดิศักดิ์ ไกรษร มิดฟิลด์ตัวสำรองลงมาเป็นฮีโร่ ซัดประตูชัย ช่วยทีมเก็บ 3 แต้ม กลับขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงคืนได้สำเร็จ

        การแข่งขันฟุตบอล ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 นัดที่ 11 ของฤดูกาล ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม 2554

บุรีรัมย์ พีอีเอ 2-1 อาร์มี่ ยูไนเต็ด

 

         ที่สนาม ไอโมบาย สเตเดี้ยม เป็นศึกบิ๊กแมตช์ ระหว่าง "นักรบปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ พีอีเอ รองจ่าฝูงของตาราง กับ "สุภาพบุรุษวงจักร" อาร์มี่ ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 6 ของตาราง โดยผลงานนัดล่าสุดของทั้งสองทีม บุรีรัมย์ พีอีเอ ฟอร์มยังเฉียบขาดไม่แพ้ใครมา 10 นัดติดต่อกันแล้ว นัดล่าสุดเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ ทีโอที เอสซี 1-0 ขณะที่ อาร์มี่ ยูไนเต็ด เสมอ อินทรีเพื่อนตำรวจ 0-0

        เกมนี้เจ้าบ้าน บุรีรัมย์ พีอีเอ มาในทัพชุดใหญ่เต็มอัตราศึก แม้จะขาดสองกำลังหลักอย่าง แฟร้งค์ โอแฮนด์ซ่า ที่กำลังฟาดแข้งศึก แอฟริกัน ยูธ คัพที่ ประเทศ แอฟริกาใต้ อยู่ในขณะนี้ ขณะที่ "กบไซเบอร์" สุเชาว์ นุชนุ่ม เกมนี้ไม่สามารถลงช่วยต้นสังกัดได้ เนื่องจากต้องทำตามประเพณี ที่ไม่อาจส่งนักเตะซึ่งรับใช้ราชการทหารลงเจอกับต้นสังกัดของตัวเองได้

        โดย 11 ตัวผู้เล่นที่ "โค้ชแต็ก" อรรถพล ปุษปาคุม ส่งลงสนามในเกมนี้ประกอบด้วย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน เป็นผู้รักษาประตู แนวรับมี ธีราทร บุญมาทัน และ อภิเชษฐ์ พุฒตาล ยืนเป็นแบ็กซ้ายและขวา ขณะที่ปราการหลังตัวกลางใช้ อันแดร์สัน โดส ซานโตส กับ โจเซฟ โอบามา แผงกองกลาง ใช้ ซารีฟ สายนุ้ย เป็นปีกซ้าย จักรพันธ์ แก้วพรม เป็นปีกขวา กลางคู่ในมี รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค และ เอควัลล่า เฮอร์แมน คู่หน้าใช้ กีรติ เขียวสมบัติ ล่าข่ายกับ แฟร้งค์ อาเชียมปง

        ขณะทีมเยือน อาร์มี่ ยูไนเต็ด เกมนี้ทาง สองขุนพลคนคู่อย่าง "โค้ชพงษ์" ธนเดช ฟูประเสริฐ กุนซือใหญ่ และ "โค้ชก๊อก" พงษ์พันธ์ วงษ์สุวรรณ ปธ.ฝ่ายเทคนิค เกมนี้มาในทัพชุดใหญ่ หลังจากที่ไปเก็บตัวซุ่มซ้อมที่ เขาชะโงก นานถึง 4 วัน เพื่อเตรียมความพร้อมกับการเจอ บุรีรัมย์ พีอีเอ โดยเฉพาะ

       โดย 11 ตัวผู้เล่นที่ลงสนามในเกมนี้ประกอบไปด้วย นราธิป พันธ์พร้อม เป็นผู้รักษาประตู แนวรับมี ดาวุฒิ ดินเขต และ วันใหม่ เศรษฐนันท์ เป็นแบ็กซ้าย และ ขวา คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟใช้ วัชนะ รัตนะ ยืนคู่กับ อเลสซานโดร อัลเวส แดนกลางมี โทนี่ เดอ ปินโญ่ ยืนคู่กับ ธาตรี สีหา ริมเส้นด้านซ้ายใช้ ราฟาเอล ซานตาน่า ส่วนด้านขวาใช้ จักรพงษ์ สมบูรณ์ ขณะที่แดนหน้าเป็นการจับคู่กันระหว่าง วินิซิอุส เดอ คาร์วัลโญ่ กับ เลอันโดร โดส ซานโตส, ราฟาเอล

        เปิดฉากขึ้นมา เป็นทางฝั่งทีมเยือน อาร์มี่ ยูไนเต็ด ที่เปิดเกมบุกเข้าใส่ ก็ได้ทักทายก่อนทันที ในนาทีที่ 8 จากลูกฟรีคิกบริเวณริมเส้นด้านขวา ธาตรี สีหาวางบอลยาวไปที่เสาแรกให้ เลอันโดร โดส ซานโตส ดีดด้วยส้นเท้าหลุดออกหลังประตูไป

       นาทีที่ 11 อเลสซานโดร อัลเวส ปราการหลังของ อาร์มี่ มารับใบเหลืองแรก จากจังหวะที่เจ้าตัวไปเตะ แฟร้งค์ อาเชียมปง จากทางด้านหลัง มงคลชัย เพ็ชรศรี ผู้ตัดสินในเกมนี้ วิ่งมาควักใบเหลืองให้ทันที

        นาทีที่ 17 บุรีรัมย์ พีอีเอ เริ่มตั้งเกมของตัวเองได้ และเป็นฝ่ายเดินเกมรุกบุกเข้าใส่ อาร์มี่ อย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ แฟร้งค์ อาเชียมปง ไปถูก วันใหม่ เศรษฐนันท์เสียบจากทางด้านหลัง ทำให้ทีมได้ฟรีคิกก่อนจะเป็น รังสรรค์ วิวิฒน์ชัยโชค ที่ตะบันเต็มข้อข้ามคานออกหลังประตูไปนิดเดียวเท่านั้น

        นาทีที่ 25 หลังจากที่เปิดเกมรุกเข้าใส่ อาร์มี่ ชุดใหญ่ ทีมก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อ แฟร้งค์ อาเชียมปง กระชากลากเลื้อยขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนจะเปิดบอลจังหวะแรกไปติดเซฟ วันใหม่ แต่บอลยังกระดอนมาเข้าทางทำให้เจ้าตัวได้เปิดอีกครั้งไปที่เสาสอง เป็น เอควัลล่า เฮอร์แมน ที่เติมเกมมาจากแดนกลางได้ซัดเต็มข้อ เสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงามให้ บุรีรัมย์ ทะยานนำ 1-0

        หลังจากได้ประตูขึ้นนำดูเหมือนเจ้าบ้าน ยิ่งเล่นยิ่งได้ใจเป็นฝ่ายครองเกมบุกได้อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 31 ธีราทร บุญมาทัน เดิมเกมขึ้นมาจากทางฝั่งซ้าย ก่อนจะลากตัดเข้ากลาง ทำท่าจะเปิด แต่เจ้าตัวหลอกยิงจน นราธิป พันธ์พร้อม นั้นหลงทางไปแล้ว แต่ยังดีที่บอลย้อยไม่พอไปตกหลังตาข่ายออกไป 

        นาทีที่ 36 หลังจากโดนเจ้าบ้านบุกชุดใหญ่ อาร์มี่ มีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอจากจังหวะที่ เลอันโดร ได้บอลจากบริเวณกลางสนามก่อนจะพาบอลเข้าหาเขตโทษแล้วซัดไกล ข้ามคานออกหลังประตูไป

       ท้ายเกม อาร์มี่ พยายามจะเปิดเกมรุกเข้าสู้หวังจะตีเสมอให้ได้ก่อนหมดครึ่งแรก นาทีที่ 41 วันใหม่ เศรษฐนันท์ เติมเกมขึ้นมาทางฝั่งขวา แตแนวรับของ บุรีรัมย์ คุมผู้เล่นในแนวรุกอย่าง เลอันโดร และ วินิซิอุส ไว้ได้หมดทำให้ เจ้าตัวตัดสินใจ แต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกหลังไปประตู หมดครึ่งแรก บุรีรัมย์ พีอีเอ นำ อาร์มี่ ยูไนเต็ด อยู่ 1-0

       ครึ่งเวลาหลังยังคงเป็น บุรีรัมย์ ที่เปิดเกมรุกบุกเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม นาทีที่ 48 ทีมมีโอกาสได้ลุ้นประตูที่สองจากจังหวะที่ ซารีฟ สายนุ้ย กระชากบอลขึ้นมาริมเส้นกราบขวา ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางประตูให้ แฟรงค์ อาแชมปอง พุ่งโหม่งบอล ยังดีที่ นราธิป พันธ์พร้อมยังไวปัดบอลออกไปได้

        นาทีที่ 59 กองเชียร์เจ้าบ้านต้องเงียบกริบกันทั้งสนามเมื่อ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกริมเส้นทางฝั่งซ้าย ธาตรี สีหา เปิดบอลยัดเข้าไปกลางประตู บอลกระดอนไปเข้าทาง ราฟาเอล ซานตาน่า ที่เกมขึ้นมาจากแถวสองได้ซัดเต็มข้อบอลพุ่งเช็ดเสาสองเข้าไปชนิดที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน หมดสิทธิ์เซฟไปโดยปริยาย ทำให้ อาร์มี่ ตีเสมอเป็น 1-1

        นาทีที่ 65 หลังจากที่ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ได้ประตูตีเสมอ ทีมมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น ส่ง มงคล ทศไกร ลงมาเล่นแทน ราฟาเอล ซานตาน่า ผู้ที่ทำประตูตีเสมอ แต่กลับเป็น บุรีรัมย์ ที่เดินเกมรุกบุกเข้าใส่อย่างหนัก เริ่มจากจังหวะที่ ซารีฟ สายนุ้ย แทงบอลทะลุช่องให้ กีรติ เขียวสมบัติ หลุดเข้าไปยิงที่เสาสอง แต่เจ้าตัวกับซัดบอลลูกนี้เข้าข้างตาข่ายหน้าตาเฉย 

        นาทีถัดมา ซารีฟ สายนุ้ย คนเดิมได้วางบอลจากทางขวาเข้าไปในเขตโทษ คราวนี้เป็น แฟรงค์ อาแชมปอง ที่หลุดเข้าไปยิงหลุดเฉียดเสาออกหลังประตูไปอย่างน่าเสียดาย 

       นาทีที่ 72 บุรีรัมย์ มาได้ ฟรีคิกบริเวณกลางสนาม รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยดชค ปั่นบอลลูกนี้โค้งหนีกำแพงไปแล้ว แต่บอลโค้งไม่พอที่จะเปลี่ยนเป็นสกอร์ให้ บุรีรัมย์

        นาทีที่ 76 บุรีรัมย์ พยายามทำเกมบุกเข้าใส่อาร์มี่อย่างหนัก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังยิงประตูทีมเยือนไม่ได้ ทำให้ทาง "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ และ "โค้ชแต๊ก" อรรถพล ปุษปาคม ต้องปรับทัพเป็นการด่วน ก่อนจะตัดสินใจส่ง อดิศักดิ์ ไกรษร ลงมาเล่นแทน ซารีฟ สายนุ้ย 

       และ สัมผัสแรกที่ ดาวเตะจาก อ.ประโคนชัย ได้บอลนั้น ก็สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ให้ทีมได้ทันที เมื่อ ธีราทร บุญมาทันเปิดบอลยาวจากทางฝั่งซ้ายเข้าไปในเขตโทษ ให้เจ้าตัวขึ้นโขกบอลเหน่งๆ เข้าไปตุงตาข่ายให้ บุรีรัมย์ ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ท่ามกลางเสียงเชียร์ของ บุรีรัมย์ ได้เฮกันลั่นสนาม

        ท้ายเกม อาร์มี่ ยูไนเต็ด มีการแก้เกมส่ง เอมมานูเอล มานิงเก้ ลงมาเล่นแทน วินิซิอุส เดอ คาร์วัลโญ่ แต่ยังคงเป็น บุรีรัมย์ ที่เป็นฝ่ายครองเกมรุกได้ดีกว่า และทีมได้ลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 86 จากจังหวะที่ แฟรงค์ อาแชมปอง หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในเขตโทษ แต่เจ้าตัวนั้นใจร้อนเกินไป ซับไกลยิงบอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย ก่อนจะส่ง ราฟาเอล ซูซ่า ซิลวา ลงมาเล่นแทน แอนเดอร์สัน ดอส ซานโต๊ส

       ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่สอง แฟรงค์ อาแชมปอง หลุดไปทางด้านซ้าย ก่อนจะลักไก่ยิงบอลเกือบย้อยเสียบใต้คาน ยังดีที่ นราธิป ยังไวพอจะปัดบอลออกไปได้ 

       เวลาที่เหลือ อาร์มี่ ยูไนเต็ด ไม่สามารถจะสร้างความอันตรายให้กับ แนวรับ บุรีรัมย์ ได้ หมดเวลาการแข่งขัน บุรีรัมย์ พีอีเอ กลับขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง ด้วยการเอาชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 2-1

         วาทะโค้ช 
        อรรถพล ปุษปาคม กุนซือ บุรีรัมย์ พีอีเอ "เกมนี้ถือเป็นเกมที่ยากในการเจอกับ อาร์มี่ แต่เราเองก็เตรียมตัวมาดี และพร้อมที่จะเล่นในเกมนี้อยู่แล้ว และก็ต้องบอกว่าลูกทีมนั้นทำผลงานออกมาได้ดีเป็นไปตามแทคติคที่ตนนั้นวางเอา ไว้ทุกอย่าง" 
        ธนเดช ฟูประเสริฐ กุนซือ อาร์มี่ ยูไนเต็ด "เสียดายที่วันนี้เราพลาดเก็บแต้ม เพราะเราเองก็เล่นกันได้ดี แต่ที่น่าเสียดายตรงที่เรามีโอกาสจะสกอร์ได้หลายครั้ง แต่เรากลับทำได้เอง แต่ก็จะพยายามทำหน้าที่กันอย่างหนักต่อไป"

        รายชื่อนักเตะของทั้งสองทีม 
        บุรีรัมย์ พีอีเอ : ศิวรักษ์ เทศสูงเนินุ 6, ธีราทร บุญมาทัน 6, อภิเชษฐ์ พุฒตาล 6, แอนเดอร์สัน ดอส ซานโต๊ส 6 (ราฟาเอล ซูซ่า ซิลวา-), โจเซฟ โอบาม่า 6, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค 6.5, เอกวาร่า เฮอร์มัน 6.5, ซารีฟ สายนุ้ย 6 (อดิศักดิ์ ไกรษร 6), จักรพันธ์ แก้วพรม 6, แฟรงค์ อาแชมปอง 6, กีรติ เขียวสมบัติ 5 (ณภัทร ทับเกตุแก้ว-) 
        อาร์มี่ ยูไนเต็ด : นราธิป พันธุ์พร้อม 6, ดาวุฒิ ดินเขต 6, วันใหม่ เศรษฐนันท์ 6, วันชนะ รัตนะ 5, อเลสซานโดร อัลเวส 5, โทนี่ เดอ ปินโญ่ 6, ธาตรี สีหา 6, ราฟาเอล ซานตาน่า 6 (มงคล ทศไกร-), จักรพงษ์ สมบูรณ์ 6, วินิซิอุส เดอ คาร์วัลโญ่ 5 (เอมมานูเอล มานิงเก้-), เลอันโดร ดอส ซานโต๊ส 6

       แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : อดิศักดิ์ ไกรษร มิดฟิลด์ฮีโร่ของ บุรีรัมย์ พีอีเอ