"โจ้หลังเท้า" สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตจอมเสิร์ฟหลังเท้าทีมชาติไทย ของขึ้น! ออกโรงแฉ ทีมบริหารทีมเซปักตะกร้อทีมชาติไทยหักเงินรางวัลนักกีฬา 30 เปอร์เซ็นต์ และยังไม่จ่ายเงินรางวัลซีเกมส์ ให้กับนักกีฬาอีกหลายคน ผ่านรายการ "ช็อตเด็ดกีฬาแชมป์" ทางช่อง 3 ทำเอา "เสธ.จารึก" ประมุขตะกร้อไทย ออกมาโต้ทันควัน บอกไม่เป็นเรื่องจริง! และเตรียมให้ทนายดูเทปเพื่อฟ้องกลับ เนื่องจากสร้างความเสื่อมเสียให้กับสมาคม
 

จากกรณีที่ "โจ้หลังเท้า" ร.ต.อ.สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักหวดลูกพลาสติก ทีมชาติไทย ได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องที่ว่า เจ้าหน้าที่บริหารทีมตะกร้อมทีมชาติไทย หักเงินรางวัลของนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ที่ได้จากการคว้าเหรียญทอง ในการแข่งขันซีเกมส์ และเอเชียนเกมส์ ครั้งล่าสุด ในช่วง "ช็อต เด็ดกีฬาแชมป์" ที่เป็นช่วงหนึ่งรายการข่าว "เที่ยงวันทันเหตุการณ์" ของ ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งมี "แชมป์" พีรพล เอื้ออารีกูล เป็นผู้ดำเนิดรายการ

"อดีตจอมเสิร์ฟหลังเท้าทีมชาติไทย" ได้เปิดเผยในรายการว่า ทางเจ้าหน้าที่บริหารทีมตะกร้อทีมชาติไทย ได้มีการหักเงินรางวัลที่นักกีฬได้จากการ คว้าเหรียญรางวัลในการแข่งขันซีเกมส์ และเอเชียนเกมส์ ครั้งล่าสุด ที่ได้รับไปแบบไม่ทราบสาเหตุว่าเอาเงินจำนวนดัง กล่าวเอาไปทำอะไรและให้ใคร และยังไม่ได้จ่ายเงินรางวัลจากการคว้าเหรียญรางวัลจากศึกซีเกมส์ ให้กับนักกีฬาอีกหลายคน

จากเหตุดังกล่าวทำให้ พลตรี จารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่า สำหรับกรณีที่ "โจ้-สืบศักดิ์" ได้ออกมา พูดผ่านรายการ "ช็อตเด็ดกีฬาแชมป์" ทางไทยทีวีสีช่อง 3 นั้น ตนก็รูสึกงง เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงออกมาพูดอย่างนั้น

เพราะกรณีดังกล่าวนั้น ทาง สมาคมฯ เคยเรียก "โจ้" เขามาเคลียร์ และชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว ซึ่งตนก็เข้าใจดี แต่ที่ตนต้องออกมาพูดในครั้งนี้ เพราะการที่ โจ้ ออกมาพูดในลักษณะนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้สมาคมตะกร้อฯ เสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก และเรื่องดังกล่าว มันไม่เป็นความจริง

เนื่องจากทางสมาคมฯ หรือผู้บริหารทีมเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ไม่เคยไปหักเงินรางวัลของนักกีฬาแต่อย่างใด และน่าจะเป็นการเข้าใจผิดของโจ้ เพราะทางสมาคมฯ ไม่เคยหัก 30 เปอร์เซ็นต์ จากเงินรางวัลของนักกีฬา แต่จะมีก็เพียงแค่การนำเงินรางวัลจากนักกีฬาที่เล่นเซปักตะกร้อทีมเดี่ยวจำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ กับนักกีฬาคนอื่นอีก 7 คน ที่ไม่ติดทีมเดียว และที่หลุดการตัดตัวในโค้งสุดท้ายเท่านั้น

ซึ่งการนำเงินจำนวนดังกล่าวนั้น ทางผู้จัดการทีมได้มี การแจ้งให้นักกีฬาทุกคนทราบ ก่อนที่จะเดินทางไปแข่งขันแล้ว และนักกีฬา ทุกคนได้รับทราบ และไม่มีการโต้แย้งอย่างใด ซึ่ง โจ้ เองก็ได้รับแจ้งพร้อมกับนักกีฬาทุกคนเช่นกัน

"หลังจากนี้ ผมคงต้องเรียกทุกฝ่ายเข้ามาคุยกัน ไม่ว่าจะเป็น "สืบศักดิ์", "แชมป์-พีรพล" พิธีกรช็อตเด็ดกีฬาแชมป์, ผู้จัดการทีม, ทีมงานโค้ช และนักกีฬาทุกคนมาเคลียร์กันก่อนในเร็วๆ นี้ แต่อย่างไรก็ตามตนได้ให้ทางทนายอัดเทป และดูเทปที่ "โจ้" และพีธีกร ได้พูดคุยไว้ในรายการ เพื่อเตรียมฟ้องร้องไว้แล้ว เพราะเรื่องที่ทั้งสองคนพูดกันนั้น มันไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้ มันสร้างความเสื่อมเสียให้กับสมาคมฯ อย่างมาก"

ขณะที่ "เฮียธวัช" ธวัช กุมุทพงษ์พานิช ผู้จัดการทีมชาติไทย กล่าวว่า สำหรับการที่ โจ้ ได้ออกมาพูดในรายการดังกล่าว ผมบอกได้เลยว่ามันไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวหรือหักเงิน 30 เปอร์เซ็นต์ของนักกีฬาแต่อย่างใด

มีการขอความร่วมมือและตกลงกับนักกีฬาทุกคนไว้ เราจะมีการนำเงินรางวัลที่ได้รับจากแชมป์ประเภททีมเดี่ยว 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้กับนักกีฬาคนอื่นอีก 7 คน ที่ไม่ติดทีมเดียว และที่หลุดการตัดตัวในโค้งสุดท้ายเท่านั้น ซึ่ง นักกีฬาทุกคนก็ยินยอมด้วยความยินดี และทุกคนยังบอกอีกว่าการทำแบบนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะทำให้เพื่อนพี่น้องนักกีฬาทุกคนมีกำลังใจในการฝึกซ้อม"

"แต่สำหรับกรณีที่ โจ้ ออกมาพูดทำให้สมาคมฯ เสื่อมเสียในครั้งนี้นั้น ตนได้มีการหารือกับทางนายกสมาคมฯ แล้ว ซึ่งท่านบอกว่าเดี๋ยวท่านจัดการเอง และคงเตรียมที่จะแถลงข่าวกับนักกีฬาเร็วๆ นี้"

ส่วน "โค้ชโต้ง" จ.ส.อ.สมพร แสนยบุตร ผู้ฝึกสอนทีมตะกร้อทีมชาติไทย กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ โจ้ ออกมาพูดนั้น ตนก็รู้สึกงงเหมือนกันและน่าจะเป็นการเข้าใจผิดของโจ้ ที่ไม่เข้าใจในเรื่องการจัดสรรเงินรางวัลของนักกีฬากับโค้ชที่ได้จากทางการกีฬาแห่งประเทศไทยอย่างแน่นอน และทีมงานสตาฟฟ์โค้ชไม่มีการหักเงินรางวัลของนักกีฬาแต่อย่างใด

แต่ในกรณีที่เรา และ นักกีฬาทุกคนได้ตกลงกันไว้เท่านั้น ที่ว่าเราทุกคนจะนำเงินรางวัล 50 เปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการแข่งขันทีมเดี่ยวไปแบ่งให้กับนักกีฬาที่ไม่ได้รับคัด เลือกไปเข้าร่วมการแข่งขันและเจ้าหน้าที่ มีมาช่วยทีมในช่วงการฝึกซ้อมและ เก็บตัว ซึ่งทุกคนได้มีการประชุมและรับทราบ และทุกคนก็ยอมรับเรื่องนี้เป็นอย่างดี

และผมพูดได้เลยว่าเรื่องนี้ โจ้ ก็รู้ดี เพราะการตกลงเรื่องนี้การจะนำเงิน รางวัลที่จะได้มาจำนวนดังกล่าวนั้น โจ้ ก็ก็ยอมรับและรับรู้ทุกอย่างเช่นเดียว กับทุกคน แต่สำหรับที่ โจ้ พูดให้เกิดความเสียหายกับสมาคมฯ ในครั้งนี้ ตนก็ รู้สึกเสียใจเหมือนกัน และคิดว่า โจ้ ไม่ควรทำ เพราะการที่โจ้มีทุกวันนี้ได้ก็มา จากสมาคมตะกร้อฯ ทั้งนั้น

อย่างไรก็ตามผมคิดว่ามันน่าจะเป็นการเข้าใจผิดของโจ้ แต่เรื่องเงินซีเกมส์ ที่โจ้บอดว่ามีนักกีฬาบางคนยังไม่ได้นั้นมันเป็นเรื่องจริง ๆ และตนไม่รู้ว่านักกีฬาไม่ได้เพราะอะไรซึ่งจะได้รับบอกเด็กไปแล้วว่าจะติดตามให้ ซึ่งตนคิดว่ากรณีนี้น่าจะเกิดจากความผิดพลาดอะไรบางอย่าง เพราะมีนักกีฬาหลายคนได้เงินแล้ว แต่มีนักกีฬาส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ไม่ได้

ขณะที่ "โอเล่ย์" สุริยัน เป๊ะชาญ และ สมพร ใจสิงหล 2 นักตะกร้อจอมเก๋าทีมชาติไทยได้ออกมากล่าวว่า สำหรับกรณีของโจ้ที่ได้ออกมาพูดผ่านรายการ "ช็อตเด็ดกีฬาแชมป์" นั้นไม่ขอพูดดีกว่า เพราะมันเป็นการตัดสินใจของเขาซึ่งเราทุกคนไม่สามารถไปห้ามได้

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับประเด็นการหักเงินรางวัลของนักกีฬานั้น สามารบอกได้เลยว่าไม่มี และมีแต่เงิน 50เปอร์เซ็นต์ ที่ทางผู้จัดการทีมได้มีการแจ้งในที่ประชุมทีมให้ทุกคนทราบแล้วว่าจะมีการนำเงิน 50 เปอร์เซ็นต์จากงานรางวัลของทีมเดี่ยว เพื่อไปให้กับ เพื่อนๆ น้องๆ ในทีมที่มาร่วมฝึกซ้อมในกันนักกีฬาที่ไม่ติดทีมไปแข่งขันและเจ้าหน้าที่มาช่วยดูแลเราในช่วงเก็บตัวซึ่งเราทุกคนก็ยินยอม

และบอกได้เลยว่าทุกยอมรับและต้องการให้ทำแบบนั้น เพราะมันจะรางวัลและเป็นกำลังให้กับทุกคน เพราะทุกคนก็เหนื่อยมาพร้อมกับพวกเรา ส่วนเรื่องโจ้นั้นไม่ขอพูดเพราะมันเป็นความคิดส่วนตัว และเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว เราสองคนไม่พูดดีกว่า

ขณะเดียวกันทางผู้สื่อข่าวสยามกีฬาได้โทรศัพท์เพื่อที่จะสอบถามไปทาง "โจ้" สืบศักดิ์ ผันสืบ เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว แต่ไม่สามาถติดต่อได้ แต่อย่างไรก็ตามหากติดต่อทางสืบศักดิ์ได้ ทางสยามกีฬาจะนำข่าวคราวความเคลื่อนไหวมาให้รับทราบทันที