"จอมเสิร์ฟหลังเท้า" สืบศักดิ์ ผันสืบ ออกมาแจ้ง กรณีออกแฉผู้บริหารทีมตะกร้อทีมชาติไทยอมเงินรางวัลผ่าน "ชอตเด็ดกีฬาแชมป์" แล้ว! โดยบอกเทปรายการดังกล่าวอัดมานานกว่า 3 เดือนแล้ว และไม่คิดว่าจะได้นำมาออกอากาศแล้ว แต่ "โจ้หลังเท้า" บอกสิ่งที่พูดเป็นความจริง และไม่ได้มีปัญหากับสมาคมลูกหวาย แต่มีปัญหากับ "ผู้บริหารทีม" เพราะการที่ผู้บิหารทีมเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องรางวัลของนักกีฬานั้น มันไม่ถูกต้อง

 

ความเคลื่อนไหวจากกรณีที่ "โจ้หลังเท้า" ร.ต.อ.สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักหวดลูกพลาสติกทีมชาติไทย ออกมาแฉว่า เจ้าหน้าที่บริหารทีมตะกร้อมทีมชาติไทย หักเงินรางวัลของนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทยที่ได้จากการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันซีเกมส์ และเอเชียนเกมส์ ครั้งล่าสุดกับรายการ "ชอตเด็ดกีฬาแชมป์" ที่ได้ออกอากาศของทางไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อช่วงเที่ยงวันของวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมี "แชมป์" พีรพล เอื้ออารีกูล เป็นพิธีกร จนทำให้ผู้ใหญ่ในสมาคมหลายคนออกมาตอบว่าไม่เป็นความจริง แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางผู้สื่อข่าวสยามกีฬาไปติดต่อทาง ธนวัฒน์ ประสงค์เจริญ เลขาธิการสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย และทาง "โจ้" สืบศักดิ์ ผันสืบ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว

โดยทาง "โจ้" สืบศักดิ์ ผันสืบ ได้กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เทปที่ตนให้สัมภาษณ์ได้ออกอากาศทาง "ชอตเด็ดกีฬาแชมป์" นั้น มันเป็นเทปที่อัดไว้ประมาณ 3 เดือนแล้ว หลังจากที่จบเอเชียนเกมส์มาสักพัก ซึ่งตนเองก็คิดว่าไม่ได้ออกอากาศแล้ว แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ที่ตนได้ออกมาพูดแบบนั้นก็เพราะตนอยากปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนเองเพื่อนร่วมทุกคน ซึ่งทุกคนก็ยังบอกว่าขอบคุณผมเลย แต่ที่ตอนนี้พวกเขาในตอนนี้เพราะพูดไม่ได้มากกว่านี้ เพราะทุกคนทีมที่เหลืออีก 10 คนที่อยู่ในชุดเอเชียนเกมส์นั้น ยังต้องเก็บตัวอยู่ในแคมป์ทีมชาติตอนนี้ แต่อีกเรื่องที่ตนต้องพูดคือตนได้มี "ปัญหา" กับสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย แต่ตนมีปัญหากับผู้บริหารทีมเท่านั้น และบอกได้เลยว่าตนยังเคารพผู้ใหญ่ในสมาคมทุกคน และผมไม่เคยลืมบุญคุณ ที่สมาคมรวมถึงคณะกรรมการโอลิมปิคฯ ได้ให้ความเอ็นดูมาตลอดเลยช่วงที่ตนยังเป็นนักกีฬาอยู่แม้แต้นิดเดียว

"อย่างที่บอกไปแล้วว่า การที่ผมออกมาพูดเรื่องนี้ก็เพราะว่าผมต้องได้อยากดัง แต่ออกมาก็เพราะต้องการปกป้องสิทธิประโยชน์ของตนและเพื่อนๆ ร่วมทีมทุกคน และการที่ออกมาพูดนั้นทุกขอบคุณผม แต่ที่ทุกคนไม่กล้าออกมาพูดในตอนนี้นั้น เพราะทุกคนยังต้องเก็บตัวอยู่ในตอนนี้ และการที่ผู้บริหารทีมเข้ามาก้าวก่ายและจัดแจกและหักเงินรางวัลของนักกีฬานั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะทางสมาคมไม่ได้ตั้งกฎหรือมีมติเรื่องนี้ออกมา และทุกครั้งที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีผู้บริหารคนใดเข้าหรือจัดแจ้งเรื่องรางวัลที่นักกีฬาได้รับเลย

เพราะทุกครั้งเราสามารถจัดการกันเองและได้มีการแบ่งส่วนแบ่งให้กับทุกคนในทีมอยู่แล้วและไม่เคยมีปัญหา แต่สำหรับข่าวที่บอกว่าได้มีการแจ้งกับนักกีฬาทุกว่าจะมีการหักเงินรางวัลในประเภททีมเดียวจำนวน 2,500,000 บาท นั้น ผมยอมรับว่าเป็นความจริงแต่ต้องบอกว่า ณ ตอนนั้นคงไม่กล้าพูดหรือแย่งหรอก เพราะพูดไปก็อาจมองเป็นว่าเป็นคนไร้น้ำใจ และนี่ก็คืออีกสิ่งที่ผมต้องขอพูดก็คือ อย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นว่า "ผมไม่มีน้ำใจกับรุ่นน้อง" เพราะในเอเชียนเกมส์ และการแข่งขันทุกครั้งพวกเรานำเงินมาแบ่งให้กับทุกคน และไม่เคยมีครั้งใดที่เราไม่แบ่งกัน และอีกสิ่งที่ผมได้พูดมันคือความจริง ที่ทุกคนต้องยอมรับและรับรู้ เพราะเงินรางวัลทุกบาทนั้นมันเป็นภาษีของคนไทยที่นำมาให้เรา" โจ้กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่เลขาธิการสมาคมตะกร้อฯ ได้กล่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า ตามที่เป็นข่าวออกมานั้น ก่อนอื่นตนต้องขอบอกก่อนว่า กรณีที่โจ้ออกมาพูดนั้นมันไม่มีความเกี่ยวโยงกับสมาคม และมีแต่คำเกี่ยวผู้บริหารทีมตะกร้อทีมชาติเท่านั้น ซึ่งตนเองก็อยากทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดเหมือนกัน แต่เทปที่ออกมานั้นมันเพิ่งมีแค่ตอนเดียวเอง ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาพูดถึงสมาคมหรือเปล่า แต่จากเทปแรกมันไม่มีคำพูดที่กล่าวหาสมาคมแต่อย่างใด คงต้องรอดูว่าในเทปที่สองที่จะมีการออกอากาศในวันพุธนี้ (11 พ.ค. 54) จะออกมาเป็นอย่างไร 

"แต่อย่างไรก็ตาม ผมได้โทศัพท์ไปหาสืบศักดิ์เหมือนกัน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้ผมติดต่อไปทางเพื่อสนิทของโจ้ และได้มีการสอบกับเพื่อนสนิทของเขาไปว่าเรื่องนี้มันเป็นอย่างไรกัน และโจ้ได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อไหร่ ซึ่งผมได้รับคำตอบจากเพื่อนของโจ้ว่า มันเป็นเทปที่ได้อัดไว้นานแล้วประมาณ 3-4 เดือน ตั้งแต่ช่วงหลังจบเอเชียนเกมส์ ครั้งล่าสุด ที่ประเทศจีน ที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกงงเหมือนกัน เพราะกรณีดังกล่าวนั้นมันน่าจะจบไปนานแล้ว เพราะทางท่านนายกสมาคมฯ ได้เคยมีการเรียกโจ้มาพูดคุยแล้ว มันจึงทำให้ผมอยากรู้ว่า ทางพิธีกรนำเทปนี้เอามาออกอากาศเพื่ออะไร เพราะปัญหามันจบไปแล้วและมันเป็นเทปที่อัดไว้นานแล้วด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรกรณีที่โจ้พูดในเทปแรกนั้นมันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสมาคมแต่อย่างไร แต่มันเกี่ยวกับผู้บริหารทีมเท่านั้น ซึ่งเราคงต้องดูกันต่อไปว่าเทปที่ 2 มีเนื้อหาอย่างไร แต่ถ้ามีเนื้อหาเกี่ยวกับสมาคมคงต้องมีการเรียกทุกฝ่ายมาทำความเข้าใจกันอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับสมาคมตะกร้อฯ" ธนวัฒน์ ประสงค์เจริญ กล่าว