"บิ๊กจา" พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ ประมุขตะกร้อไทยส่งหนังสือถึงช่อง 3 ขอให้ยุตินำเทปสัมภาษณ์ "โจ้ หลังเท้า" ร.ต.อ.สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย ที่กล่าวโจมตีสมาคมตะกร้อฯ ออกอากาศทางรายการ "ชอตเด็ด กีฬาแชมป์" ชี้เป็นเทปเก่าที่อัดไว้เมื่อ 4 เดือนก่อน และปัญหา "โจ้ สืบศักดิ์" กับสมาคมตะกร้อฯ ได้เคลียร์เข้าใจกันแล้ว จึงอยากให้ยุติการนำมาออกอากาศ เพราะมีแต่สร้างความเสียหายให้กับวงการตะกร้อไทย แต่ถ้ายังไม่ยุติฟ้องแน่

จากกรณีที่ "โจ้หลังเท้า" ร.ต.อ.สืบศักดิ์ ผันสืบ อดีตนักหวดลูกพลาสติกทีมชาติไทย ออกมาแฉว่าเจ้าหน้าที่บริหารทีมตะกร้อมทีมชาติไทยหักเงินรางวัลของนักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทย ที่ได้จากการคว้าเหรียญทองในการแข่งขันซีเกมส์และเอเชียนเกมส์ผ่านรายการ "ชอตเด็ด กีฬาแชมป์" 
 
โดยมี "แชมป์" พีรพล เอื้ออารียกูล เป็นพีธีกร และได้ออกอากาศของทางไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งทางสมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทยมี "บิ๊กจา" พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ นายกสมาคมฯ ก็ได้ออกมาตอบโต้ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
 
ล่าสุด "บิ๊กจา" เผยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกว่า ขณะนี้ตนได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอร้องให้ยุติการนำเทปบันทึกบทสัมภาษณ์ของสืบศักดิ์มาออกอากาศอีก เนื่องจากว่ากรณีดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
 
และเทปนั้นเป็นเทปเก่าที่บันทึกไว้ตั้งแต่ 4 เดือนก่อน ซึ่งประเด็นนี้สมาคมตะกร้อฯ ได้เคลียร์กับสืบศักดิ์เป็นที่เข้าใจกันเรียบร้อยแล้วตั้งนานแล้ว ตนไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดถึงนำเทปดังกล่าวมาออกอากาศอีก แบบนี้มีแต่สร้างความเสียหายให้กับวงการตะกร้อไทย
 
"ผมได้ทำหนังสือร้องขอไปยังทางช่อง 3 แล้วว่า ควรงดออกอากาศ ส่วนทางช่อง 3 จะเห็นด้วยกับคำขอของสมาคมตะกร้อฯ หรือเปล่านั้น ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถ้ายังคงออกอากาศต่อไปทางสมาคมตะกร้อฯ ก็คงต้องฟ้องร้อง เพราะมันไม่เป็นความจริง สมาคมไม่เคยหักเงินรางวัลอัดฉีดนักกีฬา 15 เปอร์เซ็นต์ หรือ 30 เปอร์เซ็นต์เข้าสมาคมแต่อย่างใด แต่ที่ได้เป็นเงินรางวัลจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)" พล.ต.จารึก กล่าว
 
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่ากับเรื่องนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร นายกสมาคมตะกร้อฯ กล่าวว่า หลังจากนี้จะออกเป็นระเบียบของสมาคมชี้แจงให้นักกีฬาได้รับทราบว่า จะต้องหักเงินรางวัลอย่างไรและจำนวนเท่าใด เพื่อไปแบ่งให้กับนักกีฬาคนอื่นๆ รวมถึงนักกีฬาที่ร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมแต่ไม่ได้ติดเป็นตัวจริงไปแข่งขันด้วย เพราะถ้าไม่มีพวกเขาแล้วใครจะเป็นคู่ซ้อมให้ 
 
อีกทั้งคนที่เข้ามาเก็บตัวก็ถือว่าเป็นทีมชาติ เพียงแต่ยังไม่ดีที่สุดจึงไม่ติดตัวจริงไปแข่งขันเท่านั้น แต่อนาคตนักกีฬาเหล่านี้สามารถพัฒนาตนเองขึ้นมาได้ การให้เงินส่วนแบ่งจึงถือเป็นสินน้ำใจที่ต้องให้ เนื่องจากนักกีฬาเหล่านั้นเขาก็เหนื่อยที่ต้องมาเป็นคู่ซ้อมให้ ถือว่ายุติธรรมดีแล้ว เพราะก็ไม่ได้มากไปกว่าคนที่ไปแข่งขันเลย
 
"ผมว่ามันเป็นความยุติธรรมที่สุดแล้ว นักกีฬาที่ไม่ติดตัวใช่ว่าจะไม่เก่งแต่ยังไม่ดีที่สุดเท่านั้น อย่างไรก็ตามก็ช่วยเป็นคู่ซ้อมให้กับคนที่ติดตัวจริงไปแข่งขัน ซึ่งผมก็เห็นด้วยหากได้เงินรางวัลมาใครที่ได้เล่นทีมเดี่ยวก็ได้เยอะกว่าเพื่อน"
 
"ส่วนคนที่ไม่ติดทีมเดี่ยวก็รับรองลงมา ส่วนที่ไม่ติดตัวจริงไปแข่งขันก็รับน้อยหน่อยไม่มากแต่ถือเป็นสินน้ำใจ ผมว่าไม่ดีตรงไหน หลังจากนี้ผมจะออกเป็นระเบียบของสมาคมแล้วนำไปให้นักกีฬาที่เก็บตัวอยู่เวลานี้อ่านรับทราบ ใครรับไม่ได้ไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องติดทีมชาติ เราก็จะหานักกีฬาคนใหม่มาแทน" พล.ต.จารึก กล่าวทิ้งท้าย