ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » พรีเมียร์ลีก อังกฤษ » Baby Goal ไมเคิ่ล โอเว่น

Baby Goal ไมเคิ่ล โอเว่น

Posted 28/05/2011 by rakball.net

 

ไมเคิ่ล โอเว่น "เซนต์ ไมเคิ่ล ของทีมสิงโตคำราม"


ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม : ไมเคิ่ล เจมส์ โอเว่น
วันเกิด : 14 ธันวาคม ปี 1979
สถานที่เกิด : เชสเตอร์, ประเทศอังกฤษ
ส่วนสูง : 173 เซ็นติเมตร(5ฟุต8นิ้ว)
สโมสร : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ตำแหน่ง : ศูนย์หน้า
เบอร์เสื้อ : 7

ระดับเยาวชน
1991-1996 : ลิเวอร์พูล

ระดับอาชีพ
1996-2004 : ลิเวอร์พูล ลงเล่น 216 นัด ยิง 118 ประตู
2004-2005 : รีล มาดริด ลงเล่น 36 นัด ยิง 13 ประตู
2005-2009 : นิวคาสเซิ่ล ลงเล่น 71 นัด ยิง 26 ประตู
2009-ปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่น 47 นัด ยิง 13 ประตู

ระดับทีมชาติ
1997 : อังกฤษ ชุดU20 ลงเล่น 4 นัด ยิง 3 ประตู
1997 : อังกฤษ ชุดU21 ลงเล่น 1 นัด ยิง 1 ประตู
2006-2007 : อังกฤษ ชุดสำรอง ลงเล่น 2 นัด ยิง 0 ประตู
1998-2008 : อังกฤษชุดใหญ่ ลงเล่น 89 นัด ยิง 40 ประตู


     ไมเคิ่ล โอเว่น มีชื่อเต็มว่า ไมเคิ่ล เจมส์ โอเว่น เกิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี 1979 ที่เมืองเชสเตอร์ เชสเชียร์ เป็นบุตรชายของ เทอร์รี่ โอเว่น อดีตนักฟุตบอลของทีมเอฟเวอร์ตัน และในวัยเด็กโอเว่น ก็เป็นแฟนบอลของเอฟเวอร์ตัน โดยมี แกรี่ ลินิเกอร์ เป็นนักเตะในดวงใจ แต่สุดท้ายเขากลับมาสร้างชื่อในวงการลูกหนังด้วยการเป็นนักเตะขวัญใจของแฟนบอลลิเวอร์พูล ทีมคู่ปรับร่วมเมืองตัวฉกาจของเอฟเวอร์ตัน ไปในที่สุด

     ไมเคิ่ล โอเว่น เป็นกองหน้าที่มีชื่อเสียงและเป็นกำลังหลักของลิเวอร์พูลในระหว่างปีที่เล่นให้กับลิเวอร์พูล (ค.ศ. 1996 - ค.ศ. 2004) เป็นผู้เล่นที่มีความโดดเด่นมาก เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่อายุยังน้อย มีความว่องไว ยิงประตูได้คมกริบ อีกทั้งยังมีหน้าตาดี จนได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า "ไอ้หนูมหัศจรรย์" (Baby Goal)

 


เริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักฟุตบอล

     โอเว่น เริ่มเส้นทางสายลูกหนังตามความประสงค์ของผู้เป็นพ่อ ที่นำตัวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนรายนี้ ไปฝากฝังไว้กับผู้จัดการทีมระดับเยาวชนที่ชื่อ “โมล์ด อเล็กซานดร้า” ในตอนที่เจ้าหนูโอเว่น อยู่ในวัย 10 ขวบ

     แม้ว่าจะมีรูปร่างเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน แต่ โอเว่น ก็มีพรสวรรค์ที่เด็กคนอื่นๆไม่มีกัน จนทำให้เขาเป็นนักเตะดาวเด่นของทีม โดยนอกจากจะเล่นให้กับ “โมล์ด อเล็กซานด้า”แล้ว โอเว่น ยังเป็นตัวโรงเรียน ลงเล่นให้กับทีมโรงเรียนประถมของเขา ในฮาวาร์เด้น ประเทศเวลส์ และยิงประตูได้แบบระเบิดเถิดเทิง

     หลังจากนั้น โอเว่น ย้ายมาเรียนระดับมัธยมที่ ฮาวาร์เด้น ไฮสคูล และก็ยังลงเล่นให้กับทีมโรงเรียนเช่นเดิม ขณะที่บรรดาสโมสรดังๆของพรีเมียร์ลีก ที่ได้ยินกิตติศัพท์ความร้ายกาจในเชิงลูกหนังของเขา ก็พยายามมาชักชวน โอเว่น ไปร่วมทีมเยาวชนของตนเอง แต่ทางโรงเรียนของเขา ไม่อนุญาตให้นักเรียนที่อายุยังน้อยมาก เซ็นสัญญากับทีมใด

     อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล หนึ่งในทีมดังที่ต้องการตัว โอเว่น ก็ยื่นมือเข้ามาชี้แนะให้ โอเว่น ไปฝึกฝนวิชาด้านฟุตบอลเพิ่มเติมที่โรงเรียนสอนฟุตบอลของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ(เอฟเอ) ที่ลีลล์แชลล์ เมืองสแตฟฟอร์ดเชียร์ ในตอนที่เขาอายุ 14 ปี ขณะที่ก็ยังเรียนวิชาสามัญทั่วไปที่ ฮาวาร์เด้น ไฮสคูล

     หลังจากที่ประคบประหงม กล่อมเกลา โอเว่น มาจนถึงในวัย 16 ปี ที่สามารถเซ็นสัญญาเข้าทีมเยาวชนของสโมสรได้แล้ว และจบการฝึกจากโรงเรียนลูกหนังของเอฟเอ แล้ว ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็คว้าตัว โอเว่น ไปร่วมทีมได้สำเร็จ ตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ อาร์เซน่อล


 ชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ

1996-2004 : ลิเวอร์พูล

     ภายหลังจากที่ โอเว่น มาร่วมทีมเยาวชนของลิเวอร์พูล เขาก็ช่วยพาทีมคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ในปี 1996 มาครองได้ และอีก 4 เดือนต่อมาเขาก็เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม “หงส์แดง” หลังจากที่อายุครบรอบ 17 ปี ไปได้ไม่นาน

     โอเว่น ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรก ในนัดที่พบกับทีม "จอมโหด" วิมเบิลดัน ในเดือนพฤษภาคมปี 1997 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาจากม้านั่งสำรอง และก็ลงมาทำประตูได้ตั้งแต่นัดนั้น

     จากการที่ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ดาวยิงอันดับหนึ่งของลิเวอร์พูล ในตอนนั้น ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ โอเว่น ได้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงให้กับลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 1997/1998 และเขาก็ยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำจนทำให้บรรดา “เดอะ ค็อป” ลืม ฟาวเลอร์ ไปเลย โดยในฤดูกาลนั้น โอเว่น ทำได้ 18 ประตู เป็นดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีก ร่วมกับ คริส ซัตตัน และ ดิออน ดับลิน และได้รับตำแหน่งนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษ

     ในปี 2001 โอเว่น ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลงเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล เมื่อช่วยพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ คือ ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ โดยใน เอฟเอ คัพ โอเว่น ช่วยยิง 2 ประตูสำคัญทำให้ “หงส์แดง” พลิกแซงกลับมาเอาชนะ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ไปได้ และในตอนสิ้นปีเขายังได้รับตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือ บัลลงดอร์ มาครอง โดยเป็นนักเตะในสหราชอาณาจักรคนแรกในรอบ 20 ปี ที่คว้ารางวัลนี้มาครองได้

     หลังจากอยู่รับใช้ ลิเวอร์พูล มานาน โอเว่น ก็อยากไปแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ ให้กับอาชีพค้าแข้ง เนื่องจากที่ ลิเวอร์พูล เขายังไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูล จึงขายเขาไปให้กับ รีล มาดริด ทีมมหาอำนาจของสเปน ในวันที่ 13 สิงหาคม ปี 2004 ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ และ รีล มาดริด ต้องแถม อันโตนิโอ นูนเยซ มาให้ ลิเวอร์พูล อีกด้วย

 

2004-2005 : รีล มาดริด

     ดูเหมือนว่าชีวิตค้าแข้งในทีมรวมดาราโลกอย่าง รีล มาดริด ไม่สวยงามเท่าใดนัก เมื่อเขาต้องนั่งเป็นตัวสำรองของ "โล้นทองคำ" โรนัลโด้ ดาวยิงชาวบราซิเลี่ยน และ ราอูล กอนซาเลซ โดยได้ลงสนามไป 36 นัด ในทุกรายการ ทำได้ 13 ประตู โดยส่วนใหญ่เขาจะถูกส่งลงมาในฐานะตัวสำรอง แต่ก็อุตส่าห์ทำประตูได้เสมอๆ ทั้งที่มีเวลาในสนามไม่มาก

     แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้ อนาคตของโอเว่น ในซานติอาโก้ เบอร์นาบิว สดใสขึ้น หลังจากที่สโมสรไปคว้า โรบินโญ่ และ อันโตนิโอ คาสซาโน่ เข้ามาอีก ทำให้ โอเว่น ต้องย้ายกลับมาเล่นในอังกฤษ อีกครั้ง โดยมี "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยื่นเงินเป็นสถิติสูงสุดของสโมสร 17 ล้านปอนด์ คว้า โอเว่น ไปร่วมทีม

 

 


2005-2008 : นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

     ความหวังที่จะกลับมาแจ้งเกิดให้ได้อีกครั้งของโอเว่นต้องมีอันเจออุปสรรคก้อนโต เมื่อเขาโดนอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่กำลังทำผลงานได้ดี ยิงประตูให้กับนิวคาสเซิ่ล ได้เรื่อยๆ แทบทุกนัดที่ลงสนาม แต่ทุกๆ คนก็ยังมั่นใจในตัวเขาอยู่ และในที่สุด เขาก็หายเจ็บกลับมาโชว์ฟอร์มยิงประตูให้ทีมได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม โอเว่น ก็ต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอีกจนได้ โดยครั้งนี้ เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยทีเดียว

     แม้จะเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของตนเอง แต่อาการบาดเจ็บยังคงรุมเร้าชีวิตค้าแข้งในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ของ โอเว่น อยู่ต่อไป จนส่งผลให้เขาไม่สามารถระเบิดฟอร์มยิงประตูให้ทีมได้มากนัก อย่างไรก็ตาม ในที่สุด โอเว่น ก็สามารถจัดการยิงประตูให้ทีม "สาลิกาดง" ได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของซีซั่น จนมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมรอดพ้นจากโซนหนีตกชั้นได้สำเร็จ ส่งผลให้จบปีนั้น โอเว่น ทำประตูได้ ทั้งหมด 11 ลูก และเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากสุดเป็นอันดับ ที่ 13 ของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

     เข้าสู่ฤดูกาลที่ 3 เกิดเรื่องแย่ๆกับเขามากมาย เขาลงเล่นให้กับทีมได้ 31 นัด ยิงได้ 10 ลูกเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะระบบทีมที่ไม่เอื้ออำนวยให้เขาทำผลงานได้ดี สภาพทีมที่แย่มากส่งผลให้ต้นสังกัดของโอเว่นตกชั้น !!! โอเว่นคิดหาทีมใหม่อยู่ทันทีที่ปิดฤดูกาล แต่ไม่ยักจะมีใครมีต้องการตัวเขาจริงๆจังๆ เอเย่นต์ส่วนตัวถึงกับต้องแจกใบปลิวบรรยายสรรพคุณพิษสงของโอเว่น 23 รูปแบบให้กับทีมต่างๆ และในที่สุดก็......  


2009- ปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

     และแล้ว การย้ายกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ของโอเว่น ก็ประสบความสำเร็จ และทีมที่ซื้อตัวเขาไปก็คือทีมคู่อริทีมแจ้งเกิดของเขาอย่าง "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั่นเอง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2009

     โอเว่น ได้รับความสนใจจาก ฮัลล์ ซิตี้, สโต๊ค ซิตี้, เอฟเวอร์ตัน และ แอสตันวิลล่า แต่สุดท้ายเขาเลือกที่จะซ็นสัญญา 2 ปีเพื่ออยู่ในถิ่น โอล์ด แทร็ฟฟอร์ด แต่ก่อนหน้านั้นเขาหวังเล็กๆว่าจะได้กลับไปอยู่กับหงส์แดง แต่ในยุคที่ ราฟาเอล เบนิเตซ คุมทีมอยู่นั้นโอเว่นได้รับข้อเสนอในการจ่ายค่าเหนื่อยเพียง 25,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เท่านั้น และยิงประตูได้ถึงจะได้รับโบนัสเพิ่ม หากเขาคิดจะย้ายกลับมาอยู่กับลิเวอร์พูล แถมราฟายังวิจารณ์เรื่องความฟิต และฟอร์มการเล่นของเขาที่ตกต่ำลง

     แต่แล้ว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ตัดสินใจกระชากตัวเขาเข้ามาอยู่ด้วยและมอบเสื้อหมายเลข 7 ให้ ซึ่งเคยเป็นของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนจะย้ายไปรีล มาดริด

     ประตูแรกที่ โอเว่น ยิงได้ในชุดของปีศาจแดงคือ เกมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่เอาชนะ รวมดารามาเลเซีย โอเว่นยิงในนาทีที่ 84 แต่ในฤดูกาลแรกกับแมนฯยูไนเต็ด อาการบาดเจ็บที่รุมเร้าทำให้โอเว่นกลายเป็นตัวสำรองที่ไม่ค่อยได้ลงสนามซักเท่าไหร่ จากการลง 31 นัด ทำ 9 ประตู

     ในฤดูกาล 2010-11 โอเว่นสลัดอาการบาดเจ็บลงช่วยปีศาจแดงได้และประตูแรกของเขาในฤดูกาลนี้คือ เกมอุ่นเครื่องช่วงปรี ซีซั่นอีกครั้ง ในเกมที่ชนะรวมดาราไอร์แลนด์ 7-1 วันที่ 4 สิงหาคม 2010 หลังจากนั้นโอเว่นกลายเป็นอะไหล่ชั้นดีในบอลถ้วยแต่ละรายการถึงแม้จะบาดเจ็บบ้างแต่ก็รักษาหายได้เร็ว จน อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอ่ยปากว่า "โอเว่นคือกุญแจดอกสำคัญในฤดูกาลนี้"

     ถึงแม้ว่าจะหายจากอาการบาดเจ็บ และหลายๆเกม โอเว่นจะมีชื่อติดตัวสำรองเป็นประจำ แต่เนื่องจากการมาของเจ้า "เจ้าถั่วน้อย" ฮาร์เวียร์ เฮอร์นานเดซ หรือ "ชิชาริโต้" ทำให้โอกาสลงสัมผัสเกมเป็นไปได้ยาก และแล้วเกมสุดท้ายของฤดูกาล โอเว่น ลงมาเป็นตัวรองนาทีที่ 63 แทน ปาร์ค จี ซอง แต่สามารถซัดประตูปิดท้ายในนาทีที่ 81 ช่วยให้แมนฯยูไนเต็ดเปิดบ้านพลิกแซงกลับมาชนะแบล็คพูล 4-2 เถลิงแชมป์ลีกของสโมสรเป็นสมัยที่ 19 สูงสุดในประเทศ และเป็น แชมป์ที่โอเว่นรอคอยมาถึง 15 ปี เลยทีเดียว

 

ทีมชาติอังกฤษ

     สำหรับเส้นทางในทีมชาติอังกฤษ นั้น โอเว่น โด่งดังมาตั้งแต่ในการลงเล่นในทีมชุดเยาวชนของ “สิงโตคำราม” ก่อนที่จะลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก ในนัดที่แพ้ ชิลี ในเกมอุ่นเครื่อง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1998

     หลังจากนั้น โอเว่น มาทำประตูแรกให้กับทีมชาติอังกฤษ ได้สำเร็จ ในนัดอุ่นเครื่องกับ โมร็อกโก จนเป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีม “สิงโตคำราม” ได้ ก่อนจะมาโดน เวย์น รูนี่ย์ ทำลายสถิตินี้ลงได้

     โอเว่น ติดทีมชาติอังกฤษ ชุดทำศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส ด้วย แม้ว่าจะไปฐานะตัวสำรอง แต่เขาก็สามารถสร้างความประทับใจได้ด้วยการลงไปยิงประตู โรมาเนีย ในรอบแรก นัดที่สอง ก่อนจะมาโชว์ความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยมลากบอลจากระยะเกือบครึ่งสนามไปยิงประตู อาร์เจนติน่า ได้ในการลงเตะ รอบสอง แม้ว่า อังกฤษ จะพ่ายแพ้ตกรอบไปในที่สุด แต่ประตูของ โอเว่น ก็ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดประตูหนึ่งในการแข่งขัน

     หลังจากนั้น โอเว่น ก็ค่อยๆก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ ไปในที่สุด และทุกคนฝากความหวังในการทำประตูเอาไว้ที่เขา โดยที่ โอเว่น ก็ร่วมทีมอังกฤษ ลงทำศึกรายการสำคัญมาโดยตลอด ทั้ง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2000 และ 2004 และ ฟุตบอลโลก ปี 2002 แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยพาอังกฤษ คว้าแชมป์ใดๆมาครองได้ซักที

     ในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่ เยอรมัน โอเว่น ไม่สามารถทำประตูในทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าวได้เลย แถมยังต้องได้รับบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าฉีกอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ฟอร์มการเล่นของเขาไม่เฉียบขาดเหมือนเดิม และหลังจากที่ต้องหยุดพักรักษาตัวเป็นเวลานาน โอเว่น ก็กลับคืนสู่ทีมชาติอังกฤษ โดยเริ่มจาก ชุดบี ก่อนที่จะมีชื่อติดทีมชุดใหญ่ได้อีกครั้ง

     ในวันที่ 11 ธันวาคม ปี 2007 โอเว่น ติดทีมอังกฤษ ครบ 88 นัด และทำได้ 40 ประตู ซึ่งเป็นสถิติที่ทำให้เขาก็นักเตะที่ยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ตามหลัง เซอร์ บ็อบบี้ ร็อบสัน (49 ประตู), แกรี่ ลินิเกอร์ (48 ประตู) และ จิมมี่ เกรฟส์ (44 ประตู) อย่างไรก็ตาม ด้วยฟอร์มที่ดร็อปลงไป ก็ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า โอเว่น ยังเหมาะที่จะเป็นดาวยิงเบอร์ 1 ของทีมชาติต่อไปหรือไม่ เนื่องจาก มีผู้เล่นดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้ดีขึ้นมา ไม่่ว่าจะเป็น เวย์น รูนี่ย์ และ ธีโอ วัลค็อตต์ จนถึงยุคของ ฟาบิโอคา เปลโล่ คุมทัพชื่อของ โอเว่น ก็หลุดไปโดยปริยาย

 

ชีวิตส่วนตัว

     -โอเว่น ได้หมั้นกับ หลุึยส์ บอนซัลล์ แฟนสาวชาวอังกฤษ ซึ่งคบหาดูใจกันตั้งแต่ปี 1984 ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2004 ก่อนที่จะแต่งงานกันในวันที่ 24 มิถุนายน 2005 ที่ โรงแรม คาร์เดน พาร์ค ในเชสเตอร์, เชสเชียร์ ประเทศ อังกฤษ และทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน โดยเป็นผู้หญิง 2 คน ชื่อว่า แกมม่า โรส (เกิด 1 พฤษภาคม 2003), อีมิลี่ เมย์ (เกิด 29 ตุลาคม 2007) และ ลูกชาย 1 คน ชื่อว่า เจมส์ ไมเคิ่ล (เกิด 6 กุมภาพันธ์ 2006)

     - โอเว่น เป็นเจ้าของรถยนต์สุดหรูหลายคัน และ เฮลิค็อปเตอร์ 1 ลำ สำหรับงานอดิเรกที่เขามักทำในเวลาว่างนั้น ได้แก่ การแข่งม้า และการพนันขันต่อเสี่ยงโชคต่างๆ

 


เกียรติประวัติที่เคยได้รับ

ลิเวอร์พูล
1996 แชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ
2000-01 แชมป์ ลีก คัพ
2000–01 แชมป์ เอฟเอ คัพ
2000–01 แชมป์ ยูฟ่า คัพ
2001 แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
2001 แชมป์ FA คอมมูนิตี้ ชีลด์
2002–03 แชมป์ ลีก คัพ
2001–02 รองแชมป์ พรีเมียร์ลีก
2002–03 รองแชมป์ แชริตี้ ชีลด์

รีล มาดริด
2004–05 รองแชมป์ ลา ลีกา

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
2009-10 แชมป์ ลีกคัพ (คาร์ลิ่งคัพ)
2010 แชมป์ FA คอมมูนิตี้ ชีลด์
2010-11 แชมป์ พรีเมียร์ลีก

ระดับส่วนตัว
1997-98 นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ
1998 นักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนสิงหาคม
1997-98 ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก, 18 ประตู
1997-98 พีเอฟเอ ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปี
1997-98 นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี
1998 รางวัลบุคคลดีเด่นแห่งปี จากบีบีซี สปอร์ต
1998-99 ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก, 18 ประตู
2001 ติดทีมยอดเยี่ยม 10 ฤดูกาล(1992-93 ถึง 2001-02)
2001 ผู้เล่นยอดเยี่ยมระดับโลกแห่งปี
2001 บัลลงดอร์

ทีมชาติอังกฤษ
2004 FA ซัมเมอร์ ทัวร์นาเมนต์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • อาร์ชาวินปัดข่าวย้ายทีม-ยันจะอยู่กับทีมต่อ
    อังเดร อาร์ชาวิน มิดฟิลด์ "ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ปฎิเสธข่าวการย้ายออกจากทีมและยืนยันต้องการอยู่ในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
  • หงส์แดงปักป้ายขายเอ็นก็อก8ล้านปอนด์
    หวังกำไร! "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล ปักป้ายขาย ดาวิด เอ็นก็อก กองหน้าส่วนเกินของทีมด้วยราคาถึง 8 ล้านปอนด์
  • ฟลานาแกนซิวแข้งยอดเยี่ยมทีมสำรองหงส์
    แจ๋วจริง! จอห์น ฟลานาแกน แบ็กขวาดาวโรจน์ขวัญใจสาวก "เดอะ ค็อป" คว้าตำแหน่งผู้เล่นทีมสำรอง ลิเวอร์พูล ยอดเยี่ยมแห่งปี เรียบร้อย เจ้าตัวสุดปลื้ม พร้อมขอบคุณแฟนๆ ที่ทุ่มเสียงโหวตให้ ยกกุนซือ เคนนี่ ดัลกลิช และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ แข้งรุ่นพี่ มีส่วนผลักดันจนได้ดี
  • ลูกเฟอร์กี้ชี้!ป๋าอยู่คุมผีได้อีกอย่างน้อย5ปี
    ดาร์เรน เฟอร์กูสัน ชี้พ่อเลิฟ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน น่าอยู่คุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อไปได้อีก 5 ปีเป็นอย่างน้อย ย้ำเรื่องแข่งความยิ่งใหญ่กับ ลิเวอร์พูล ไม่มีส่วนต่อการตัดสินอนาคตแน่นอน พร้อมโวแหลก "เฟอร์กี้" ทรงอิทธิพลสุดๆ ในวงการลูกหนังอังกฤษ

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »