“ริช่า” สลัดภาพเด็ก ลุกขึ้นถ่ายทูพีชอวดเนื้อนมไข่ บอก ตั้งใจอยากเซ็กซี่ ปัด ทำหน้ามาใหม่ ยัน แค่ดัดฟัน แต่ที่หน้าเล็กลงเพราะต้องถอนฟันถึง 6 ซี่ เผย แม้จะหันมาเปลี่ยนแนวเซ็กซี่ แต่ก็มีลิมิตไม่รับถ่ายนู้ด
      
เล่นละครมาหลายเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ดาราสาว “ริช่า อาทิตรา บริสุทธิ์” มักจะได้รับบทแนวเด็กๆ ซะส่วนมาก แต่ช่วงหลังมานี้ เจ้าตัวกลับปรับลุคส์ตัวเองให้ดูโตขึ้น เซ็กซี่มากขึ้น ทั้งถ่ายแบบแนวเซ็กซี่ รวมไปถึงเวลาออกงานก็แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดไม่แพ้ดาราสาวเซ็กซี่สตาร์คนไหน และล่าสุดถือว่าเป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวยอมสลัดผ้าถ่ายบิกินี่ครั้งแรกให้กับนิตยสารแม็กซิม โดยสาว “ริช่า” ยอมรับว่าตื่นเต้น และเซ็กซี่ที่สุดเท่าที่เคยถ่ายมา
      
“สำหรับเล่มนี้ก็เป็นเล่มแรกที่ถ่ายทูพีชค่ะ แต่เล่มอื่นที่ผ่านมาก็จะเป็นบิกินี่ เป็นขาสั้น แต่เล่มนี้คือเป็นบิกินี่ ทูพีช เต็มตัว ก็ตื่นเต้นนะคะ ตอนแรกคุณแม่ก็ถามว่าลูกจะกล้าถ่ายเหรอ ก็เลยบอกไม่รู้เหมือนกัน เพราะพี่ๆ ทีมงานเขาบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าจะโป๊เกินไป เพราะเขาบอกว่าจะจัดลุคส์ให้เราดูเป็นซัมเมอร์ เหมือนกับเราใส่ไปเที่ยวทะเล ซึ่งหนูก็มองว่าไม่ได้โป๊จนดูเหมือนกับเราจงใจ”
      
“ก็เซ็กซี่มากระดับนึง สำหรับหนูก็ถือว่ามากแล้ว และสำหรับคนที่เคยเห็นหนูจากที่เคยเล่นละครเด็กก็อาจจะทำภาพนั้น ซึ่งตอนนี้เดินไปไหนมาไหนคนก็จะจำแต่ภาพนั้น เหมือนกับไม่ได้รู้จักเราจริงๆ แต่ตอนนี้ก็คงเห็นเราในภาพใหม่แล้ว(ยิ้ม) แต่ถามว่าเซ็กซี่เรียกกระแสให้ตัวเองไหม ก็คงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ตอนนี้กระแสในวงการบันเทิงมันก็ต้องเซ็กซี่แล้ว แต่ถามว่าจะต้องไปเซ็กซี่ตามเขาไหม มันก็ไม่ใช่ แต่ว่างานมันไปทางนั้นแล้ว พอเราจะรับงานก็คงต้องแนวเซ็กซี่ ก็เหมือนกับเราต้องตามนั้นไป”
      
“ก็ถือว่าเป็นความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแนวเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าเราจะต้องเซ็กซี่ไปเลย คือถ้างานเซ็กซี่มาก็ต้องทำ แต่ถ้างานติดต่อมาว่าคุณไม่ต้องเซ็กซี่เราก็ทำได้ ลิมิตของหนูก็คือไม่นู้ด อย่างบางที่ติดต่อมาก็อาจจะแค่มีรีทัชออก แต่จริงๆ ไม่ได้โป๊ ไม่ได้นู้ดค่ะ”
      
น้อมรับทุกกระแสวิจารณ์ แต่ส่วนใหญ่ทั้งจากเพื่อนๆ และผู้ใหญ่ในวงการก็บอกไม่ได้ดูโป๊ ยันไม่ได้ทำอะไรกับหน้า แต่เรื่องหน้าอกก็แล้วแต่ใครจะคิดยังไง
      
“กระแสด้านลบต้องมีอยู่แล้วค่ะ แต่ส่วนใหญ่พี่ๆ เพื่อนๆ หรือผู้ใหญ่เขาก็บอกว่าโอเคนะ ไม่ได้ดูโป๊ ดูใสๆ มากกว่า เราก็โอเคถ้าเขาบอกอย่างนั้นเราก็รับคำพูดที่ดี แต่ถ้าใครติเราก็คงแค่รับฟัง แต่ถามว่ากลัวคนผิดหวังไหม ก็คงไม่ถึงขั้นกลัว เพราะเด็กๆ ที่เคยดูหนูตอนนี้ก็คงโตกันหมดแล้ว อาจจะเข้าใจว่าวิวัฒนาการของวงการก็เปลี่ยนไป ถ้าจะเรียกว่าตามน้ำเราก็คงไม่ถึงขั้นนั้น แต่ถ้าเกิดงานเขาติดต่อมาเซ็กซี่แล้วลิมิตเราไหวเราก็ทำ อย่างเล่มนี้เป็นทูพีช ถามว่าแรงไหมสำหรับภาพเก่าๆ ของเรา หนูก็ยอมรับว่าแรง”
      
“แต่หนูว่าถ่ายออกมามันก็ยังดูแบ๊วๆ อยู่นะ ถามเพื่อนก็บอกว่ามันไม่ได้ดูเซ็กซี่แรงๆ แม่ก็แค่อืม(หัวเราะ) แต่ถามว่ามีอะไรเซ็กซี่เพิ่มขึ้น ก็คงจะเป็นรูปร่างที่เป็นสัดเป็นส่วนขึ้น อย่างเมื่อก่อนเราเป็นเด็กก็อาจจะอวบๆ อ้วนๆ แต่ที่ในอินเตอร์เน็ตกระแสที่บอกว่าหน้าหนูเปลี่ยนไป อันนี้ถ้าใครสงสัยก็มาดู มาตรวจสอบได้ เพราะไม่มีศัลยกรรมเลยค่ะ แต่หน้าเล็กลงเพราะหนูดัดฟันจริงๆ แต่ตอนแรกได้ยินคนอื่นพูดอย่างนี้หนูก็เคยคิดนะว่าโม้หรือเปล่า แต่พอเราดัดจริงๆ ก็เลยรู้ว่าหน้ามันเล็กลงจริงๆ เพราะหนูถอนฟันออกไป 6 ซี่เลย”
      
“ส่วนอื่นก็คงจะมีเรื่องการดูแลตัวเองบ้างค่ะ เพราะว่าสมัยนี้ก็มีทั้งฉีดผิวขาว ดูแลผิวพรรณ เราก็อาจจะมีบ้างค่ะ แต่เรื่องหน้าอกหนูขออุบไว้เป็นความลับนะคะ(หัวเราะ) คือถ้าบอกเพื่อนๆ หรือคนสนิทก็ยังสามารถบอกได้ แต่นี่บอกคนทั่วประเทศเลยก็ขออุบไว้เป็นความลับดีกว่า เพราะถ้าถามมาว่าทำไมแล้วหนูบอกว่าไม่ได้ทำจะเชื่อกันไหมล่ะคะ ก็ไม่เชื่อ แล้วถ้าบอกว่าทำคนจะรู้สึกยังไงล่ะคะ ก็อาจจะว้าย…ทำมาเหรออะไรอย่างนี้อีก ก็เลยขอไว้เป็นความลับ แล้วแต่คุณจะคิดดีกว่า”
      
“คือการยอมรับความจริงมันก็ดีค่ะ ก็เลยบอกว่าแล้วแต่จะคิดดีกว่า คือไม่ใช่ว่าหนูยอมรับกระแสวิจารณ์หรอก เพราะว่าถึงจะพูดหรือไม่พูดคนเขาก็วิจารณ์กันอยู่ดี แต่ก็ไม่ได้ว่าคนที่วิจารณ์นะคะ ถือว่าเป็นคำชมอีกอย่างนึง ถือว่าเขาก็สนใจเรา ก็ฝากว่าเป็นอีกผลงานนึงแล้วกัน ถ้าน้องๆ หนูๆ ที่ติดตามผลงาน ริช่าก็อาจจะต้องขอโทษด้วยที่อาจจะคิดมากกับเรื่องนี้ก็ต้องขอโทษด้วย แต่ถ้าใครที่ดูแล้วคิดว่ามันเป็นแค่แฟชั่นแม็กกาซีนก็ต้องขอขอบคุณที่ติดตามค่ะ”
      
เผย มีหนุ่มนอกวงการที่คุยศึกษาอยู่ แต่แค่ดูกันไปเรื่อยๆ เพราะพูดมากไปอย่างแต่ก่อนถ้าเกิดเลิกกันก็มีแต่จะเสียหาย
      
“ตอนนี้ก็มีหนุ่มๆ ที่คุยอยู่ค่ะ เป็นนักธุรกิจนอกวงการ แต่ก็ยังดูๆ กันไปค่ะ ไม่ใช่ตอบแบบดารานะคะ แต่เพราะเราก็เคยเจอคนที่มาทำดีด้วย เราก็รีบโอเคบอกไปว่าเขาเป็นแฟน แต่พอเลิกกันก็ไม่ดีอีก ก็เลยค่อยๆ ดูๆ ไป ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ คือหนูยังอยู่ในวัยเรียนก็จริง แต่วุฒิภาวะในการใช้ชีวิตเราก็โตแล้ว แต่แค่ยังเรียนหนังสืออยู่ ก็แบ่งเวลาให้ถูกค่ะ คือไม่ให้เสียเวลาเรียน เสียเวลางานเพื่อไปเจอกัน ก็เป็นนานๆ ว่างถึงเจอกันทีมากกว่า ทำงานเสร็จค่อยเจอ”