อนงค์ จันทร เรื่องระหว่างที่แฟนๆ ชื่นชมผลงานแสดงของนางเอกสาว "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" กับบท "ทาสวาด" ในละคร "ทาสรัก" ทางช่อง 3 ขณะนี้ แต่ใครจะรู้บ้างว่า ณ ขณะนั้นเธอต้องรับศึกหนักกับมรสุมข่าวที่โหมซัด

ที่ผ่านมาเจนี่ใช้วิธีวางเฉยกับข่าวต่างๆ ทว่ากับข่าวลือที่ว่าไปทำแท้งเมืองนอก เธอยอมไม่ได้

ดาราสาวเลือกใช้สื่อทางโลกไซเบอร์เป็นตัวช่วย เป็นกระบอกเสียงปกป้องศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง

-ปีที่ผ่านมาเจอมรสุมข่าวเยอะและค่อนข้างแรง ช่วงนั้นเครียดไหม?
เจนี่ - "เหมือนเป็นปีชง ครึ่งปีแรกไม่ค่อยดี แต่ตอนนี้เริ่มดีขึ้น แล้วตัวเจนี่เป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เราอยู่ในวงการนี้มันเป็นปกติที่ต้องมีข่าว ถามว่าข่าวไหนที่ทำให้เครียดที่สุด จริงๆ ก็ทุกข่าว แต่เจนี่เป็นคนปล่อยวางเร็ว เป็นคนที่ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องจริงแล้วเราจะไปเครียดกับมันทำไม"

-มันเลยเป็นช่วงที่เจนี่ไม่รับงาน?
เจนี่ - "ช่วงนั้นถ่ายละครทาสรักที่ต่างจังหวัด แล้วเจนี่ไม่ค่อยออกงานอีเวนต์ จึงไม่มีเวลาเจอพี่ๆ นักข่าว บางครั้งเวลามีข่าวอะไรไม่จริงเจนี่ต้องทวิตเตอร์ เพราะเราไม่มีโอกาสออกมาพูด มีแต่คนโน้นคนนี้พูด บางครั้งไม่รู้จะทำอย่างไร อยากปล่อยให้เงียบ แต่มันไม่ยอมเงียบ ก็พูดไปบ้าง"

"และเจนี่รู้สึกว่าการที่ออกมาพูดบ่อยๆ มันไม่มีค่าเท่ากับพูดแค่หนึ่งครั้ง พูดจากความจริงและความรู้สึกของเราจริงๆ ดีกว่าที่เจนี่ออกสื่อบ่อยๆ บ่อยจนคนเบื่อ ขนาดเจนี่ดูทีวีเห็นใครออกบ่อยๆ ยังรู้สึกเบื่อ เปลี่ยนช่อง เพราะมันเป็นเรื่องเดิมๆ"

-ถามถึงเรื่อง "อั้ม-พัชราภา" กับ "โน้ต-วิเศษ" หน่อย ที่ว่าควงหนุ่มโน้ตโดยไม่บอกอั้ม?
เจนี่ - "เจนี่ไม่อยากตอบ เพราะทั้งคู่เป็นเพื่อน เจนี่ ไม่รู้ว่าเขาเคลียร์อะไรกันยังไง ณ ขณะนั้นเจนี่ไม่อยากทำให้ทั้งคู่เข้าใจผิด และไม่อยากทำให้ใครเข้าใจผิดด้วย ในเมื่อคนอื่นจะเข้าใจผิด หรือโน้ตกับอั้มจะเข้าใจเจนี่ผิด เจนี่ไม่รู้จะว่ายังไง เพราะเราก็ช่วยทั้งสองคนเต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว เราเลยถอยดีกว่า เจนี่เป็นคนแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกัน แล้วเจนี่จะทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปทำไม"

-ยังมองหน้ากันติดไหม?
เจนี่ - "ได้ค่ะ เจนี่ก็คุยกันเป็นปกติ อั้มก็โทร.มาเราก็คุย เรายังเป็นเพื่อนกันปกติ เรื่องข่าวเจนี่ก็ได้คุยทั้งสองคน เพราะจริงๆ ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องออกมาพูดตลอดเวลา บางครั้งก็เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ"

-มีวิธีการเลี่ยงข่าวอย่างไร?
เจนี่ - "เจนี่เป็นคนเฉยๆ ครั้งไหนที่รู้สึกว่าเกินไปก็ต้องออกมาพูด ออกมาปกป้องศักดิ์ศรีตัวเอง ที่ผ่านมาเจนี่ไม่เคยออกมาพูดว่าใคร เหมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า จะเขียนแซวอย่างไรไม่ว่า แต่อะไรที่ล้ำเส้นเกินไปจะออกมาพูด"

"อย่างล่าสุดที่มีข่าวทำแท้ง อันนั้นแรงเกินไป เจนี่อยู่วงการมา 10 กว่าปี จะแซวอะไรเจนี่ไม่ว่า ไม่เคยฟ้อง แต่อันนี้เกินไป เพราะเจนี่เป็นผู้หญิง ให้เกียรติเจนี่บ้าง ผู้หญิงทุกคนอยากมีชีวิตครอบครัวที่ดี อยากแต่งงานมีลูก แต่เขียนว่าเจนี่ไปทำแท้ง อันนี้เจนี่โกรธ"

"เจนี่อยากมีลูก อยากมีครอบครัวที่ดีมาตลอด ใครอยากจะทำอะไรไม่ดีบ้าง ทุกคนอยากมีลูก เพื่อนๆ เจนี่ทุกคนอยากมีลูก ไม่เห็นว่าเรื่องการมีลูกไม่น่ายินดีตรงไหน"

-ช่วงที่ข่าวแรงๆ เวลาเจนี่ไปงานก็ไม่ค่อยให้สัมภาษณ์จนคนมองว่าเจนี่หนี?
เจนี่ - "เรื่องหนีไม่ได้หนี แค่รู้สึกว่าพูดน้อยๆ มีค่ามากที่สุด การที่เจนี่พูดแค่ครั้งเดียวมันคือความจริง มาจากความรู้สึก เจนี่ไม่ชอบพูดอะไรบ่อยๆ อยากให้ทุกอย่างมันผ่านไป เจนี่พูดครั้งเดียวจบ เจนี่ว่าการที่เราพูดในขณะที่เหตุการณ์มันยังร้อนๆ มันดูไม่ดี และไม่ได้เป็นเรื่องที่เจนี่จะต้องมานั่งพูดหรือแถลงข่าว เจนี่แค่รู้สึกว่ามันเป็นแค่เรื่องชีวิตดารา ทำไมชีวิตคนเราถ้าไม่ได้เป็น "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" เป็นแค่นางสาว ก มีใครอยากจะรู้มั้ย มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของทุกๆ คนในโลกนี้"

-15 ปีในวงการ เส้นทางที่ผ่านมาเป็นอย่างไร?
เจนี่ - "ค่อนข้างขรุขระ เจอทางเรียบบ้าง ทางโค้ง หลุมบ่อ เหมือนการขับรถ แต่เจนี่มีแรงใจและกำลังใจอยู่ในใจตลอดว่าคนเราไม่ ใช่ว่าจะเจอแต่สิ่งที่มืดมนตลอดไป ชีวิตทุกคนต้องมีสิ่งที่สดใสเข้ามาด้วยแน่นอน"

-นอกจากแรงใจของตัวเองแล้ว ยังได้กำลังใจจากที่ไหนอีก?
เจนี่ - "จากแฟนคลับค่ะ เจนี่โชคดีที่มีแฟนคลับเหนียวแน่น รักเราที่เป็นเรา รู้ว่าตัวตนเราเป็นอย่างไร ตั้งแต่โตมาไม่เคยคิดว่าจะมีคนที่ไม่ใช่ครอบครัวเราจะมารักเราได้ รักแบบไม่มีข้อแม้ เป็นรักที่บริสุทธิ์ เจนี่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะกลุ่มนี้ด้วย เราดูแลเขาด้วยการให้ความรู้สึกกับเขาจริงๆ มีมีตติ้ง ทำบุญ ไปเที่ยว ไปกินข้าวด้วยกันตลอด"

"ส่วนคุณแม่ให้กำลังใจเราอยู่แล้ว แต่ท่านเป็นคนไม่ค่อยพูด เจนี่รู้ว่าถ้าเราเครียดคุณแม่เครียดกว่าอีก ถ้าเราให้กำลังใจกันไปมาเดี๋ยวก็ร้องไห้กันทั้งคู่ ก็รับรู้ว่าแม่ห่วง แต่เราไม่ค่อยแสดงความอ่อนแอให้ใครรู้ ด้วยเราเป็นคนที่แข็ง แต่ร้องไห้ในใจ การเป็นผู้นำครอบครัวทำให้เราเข้มแข็งมากๆ ไม่ว่าจะเจอเรื่องมาหนักขนาดไหนมั่นใจว่าเราเข้มแข็งได้พอสมควร เจนี่เข้าวงการตั้งแต่เด็ก ต้องโตไปกับมัน เราอยู่วงการบันเทิงแล้วและลาออกไม่ได้ เราก็ต้องทำให้มันดี"

-คิดไหมว่าเราจะทำถึงจุดไหน?
เจนี่ - "ก็ทำไปเรื่อยๆ เพราะเรารักมันแล้ว แต่จะให้ไปทำงานอื่นคงไม่ได้ เพราะเป็นคนที่ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา อยู่นิ่งๆ ไม่ได้ ชอบทำงานวิ่งไปมา อย่างงานถ่ายละครไปถ่ายที่โน่นที่นี่ทำให้เราเพลิน เป็นอะไรที่แปลกตา ได้เปลี่ยนคาแร็กเตอร์ไปเรื่อยๆ ทำให้สนุกไปกับมันด้วย"

"ให้เจนี่ย้อนกลับไปว่าตอนเด็กอยากทำอาชีพอะไร นึกไม่ออกนะ เจนี่จำได้ว่าโตขึ้นก็เป็นดาราแล้ว ทำไปทำมาก็รัก ก็ทำไปเรื่อยๆ คือถ้า เจนี่ไม่ได้แสดงก็คงไม่หนีจากวงการนี้"

แต่จะเป็นอะไรนั้นคงต้องติดตาม

แสบตัวจี๊ด

"ตอนเด็กๆ ซนมาก ซนเป็นลิง เป็นเด็กแก่น ถ้ามีตุ๊กตาบาร์บี้ก็จับหักหัวหักขาหักแขน ตอนเด็กลุย พ่อจับนั่งรถแข่งตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ" "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" ย้อนหลังเล่าชีวิตตอนเด็กของเธออย่างขำๆ และกล่าวต่อว่า "เจนี่เกิดและโตที่อเมริกา อยู่ที่นั่น 11 ปี จนย้ายมาอยู่เมืองไทย เจนี่รู้ตัวว่าไม่ใช่คนสวยแต่เป็นเด็กมีความมั่นใจ ตอนกลับมาเมืองไทยเจนี่อ่านและเขียนภาษาไทยไม่ได้ ตอนนั้นอยู่ป.4 คุณครูต้องให้ซ้ำชั้นเพราะคิดว่าเราเป็นเด็กปัญญาอ่อน เขียน ก.ไก่ยังไม่ได้เลย เด็กๆ โดนครูตีทุกวัน ขนาดเก่งภาษาอังกฤษยังโดนครูตีเลย เต็มร้อยได้ 99 ที่ตีเพราะบางครั้งพูดชัดเกิน (หัวเราะ) ครูบอกไม่ใช่ เราก็เถียงครูโน"

แก่นเนอะ "โอ๊ยแก่นมาก แสบตัวจี๊ดเลย โตมาก็ยังจี๊ด ทุกวันนี้อยู่ในกลุ่มเพื่อนก็จี๊ดสุดในกลุ่ม ไม่กลัวใคร" ชื่อ "เจนี่" นามสกุล "เทียนโพธิ์สุวรรณ" เจนี่บอกเป็นชื่อและนามสกุลจริง โดยยืนยันไม่มีเชื้อลูกครึ่ง แต่ถ้าจะมีเธอว่า "ก็เป็นครึ่งผีครึ่งคนนี่แหละ (หัวเราะ)"

เจนี่เข้าวงการเมื่อตอนเรียนอยู่ร.ร.บดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) "ตอนนั้นมีแมวมองมาเห็น ไม่รู้เห็นได้ยังไง เด็กกะโปโลโคตร ตัดผมสั้นแค่เนี้ย (ชี้ที่ติ่งหู) เหมือนเด็กผู้ชาย พอเขาชวนเราก็แบบขำๆ สนุกดี หันซ้ายหันขวา หันหน้าหันหลัง แอ๊กติ้ง กว่าจะได้ก็ผ่านมาเป็นสิบตัว"

"พอเข้าวงการปุ๊บรู้สึกสนุก ทำงานได้เงิน ได้ตังค์กินขนม ชิ้นแรกถ่ายมิวสิคฯ เจอาร์-วอย อย่าไปดูนะ อุบาทว์มาก ได้เงินมาประมาณหมื่นห้า เราก็โอ้โหดีใจ ถือว่าเยอะมากสมัยนั้น"

จากนั้นก็มีงานโฆษณาและมิวสิควิดีโออีกหลายตัว จนกระทั่งได้มาเล่นละครเรื่องแรก "สายรุ้ง" ของผู้จัดสาว หทัยรัตน์ อมตวณิชย์ เมื่อปี 2540 และมีผลงานแสดงเรื่อยมาจนถึงวันนี้

ถามว่ามาพีกสุดช่วงไหน เจนี่แง้ม "ละครทางผ่านกามเทพ ค่ะ เล่นกับแอนดริว (เกร้กสัน) ตอนนั้นไม่เคยคาดหวังเลยนะว่าชีวิตนี้ละครจะมีคนดูเยอะมากขนาดนี้ ดังมาก ดังจริงๆ ค่ะ"

ถ้าเทียบได้ในสมัยนี้ว่ากันว่า เธอดังพอๆ กับ "เรยา"

ไว้ใจความรู้สึกเปิดตัวคบหนุ่ม"ตั้ม"แฟน
ผ่านมาไม่ค่อยเปิดเรื่องราวรัก แต่มาตอนนี้สาว "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" บอกว่าเธอโตแล้ว อายุ 30 ปีแล้วถึงเวลาดูใครสักคน และใครสักคนของเจนี่ก็คือ พ่อม่ายหนุ่ม "ตั้ม"สิริเกียรติ วาทะพุกกณะ ที่คบหามา 3 เดือนสุดแฮปปี้จนเรียกแฟน

"พี่เขาโตแล้ว เป็นผู้ใหญ่ เจนี่ชอบคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า รู้สึกคุยกันรู้เรื่อง" เจนี่กล่าวถึงสิ่งที่ถูกใจในตัวชายหนุ่ม ส่วนสถานะพุ่มม่ายของหนุ่มตั้ม เจนี่ กล่าวว่า "ไม่อยากไปยุ่ง อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป มองที่ปัจจุบันค่ะ"

ต่างคนต่างทำงาน จะมีเวลาให้กันเหรอ เจนี่ยิ้มเขิน "มีค่ะ คนกำลังมีความสุข เจอกันแค่ชั่วโมงเดียวแฮปปี้จะตาย"

เขาเข้าใจในงานเราไหม "เจนี่มีอธิบายไปบ้าง ถามว่าเขาขออะไรในการทำงานของเรามั้ย คือเจนี่มีลิมิตในการทำงานอยู่แล้ว พี่เขาเคารพในสิทธิของเรา และเราก็รู้ว่าควรจะมากหรือน้อยแค่ไหน ส่วนเรื่องความเซ็กซี่อาจมีบ้าง แต่เซ็กซี่เจนี่ก็มีลิมิตค่ะ"

ครั้งแรกที่เจอรู้สึกเลยไหมว่าคนนี้ใช่ "ไม่ค่ะ เจนี่เป็นคนไม่คาดหวังกับใครเพราะไม่รู้อนาคต เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเซ้นซิทีฟ เราไม่ได้เจอคนแบบนี้บ่อย หนึ่งในล้าน การจะปล่อยความรู้สึกแบบนี้ให้ใครต้องมั่นใจระดับหนึ่ง ครั้งนี้การที่ตัดสินใจว่าคนนี้คือคนที่ดูๆ อยู่ เราก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วว่าพี่เขาเป็นคนที่เราไว้วางใจ ซึ่งเรารู้สึกของเราได้ เจนี่ไว้ใจความรู้สึกค่ะ"

"ที่ผ่านมาเจนี่ไม่ยอมรับใครเลย ปกป้องใจตัวเองมานานมาก เพราะรู้สึกว่าการจะมีใครสักคนในชีวิตเขาควรดูมีค่ากับการที่เจนี่บอกกับทุกคนว่าดูเขาอยู่"

ย้ำอีกทีคาดหวังไหมกับรักครั้งนี้ "แหม...ผู้หญิงทุกคน เอาเป็นว่าช้าๆ แต่ชัวร์ ไม่อยากให้เป็นไปตามความรู้สึก อยากให้เป็นไปตามเหตุและผล"

มุมมองความรัก ณ ตอนนี้เป็นอย่างไร "เจนี่เป็นคนขาดความรักไม่ได้ ต้องมีแม่กับน้องคอยให้ความรักตลอดเวลา ที่ผ่านมาความรักด้านอื่นๆ มีหมดแล้ว ขาดอยู่อย่างเดียวคนรู้ใจ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราครบแล้วค่ะ"

คิดถึงชีวิตแต่งงานหรือยัง "ไม่คิดค่ะ อยากมีความสุขไปเรื่อยๆ ก่อน พูดจริงๆ ชีวิตแต่งงานไม่ได้เป็นชีวิตที่ประสบความสำเร็จเสมอไป ชีวิตการแต่งงานต้องเริ่มนับหนึ่งด้วยซ้ำ การที่เราต้องใช้ชีวิตกับใครอีกคนที่ไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกับเรา แค่มีคำว่ารักอยู่ในชีวิตเรา ถามว่ากลัวมั้ย ก็กลัวแหละ แต่ก็ต้องเป็นไปตามฟ้าลิขิต เพราะ เจนี่ก็ยังเชื่อเรื่องพรหมลิขิตค่ะ"

"ณ ขณะนี้เจนี่แฮปปี้ตรงนี้ ก็ขอทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน ก่อนจะคาดหวังอะไรไกลๆ ค่ะ" เจนี่กล่าว

ไม่กลัวรุ่นใหม่
แสดงละครมาแทบทุกบทบาท สำหรับนางเอกสาว "เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ" ถามว่าละครเรื่องไหนเคมีตรงตัวเองที่สุด เจนี่ตอบ

"ที่ใกล้ตัวมากที่สุดคือเรื่อง "สวยเริ่ดเชิดโสด" ด้วยความภูมิใจที่ทำชุดเองหน้าเอง เวลาทำงานแล้วจะอิน ต้องคิดไว้ในหัว ก่อนนอนจะคิดแต่เรื่องงาน เพราะกลัวจะทำออกมาไม่ดี ต้องทำการบ้านตลอด"

ส่วนละครล่าสุด "ทาสรัก" ที่กำลังออกอากาศเจ้าตัวว่า "ฟีดแบ็กดีค่ะ เพราะคนไม่คิดว่าเจนี่จะเล่นเป็นทาสได้ เรื่องนี้ต้องไม่แต่งหน้า ซึ่งปกติเจนี่จะชอบสวยงาม แต่เรื่องนี้ยอม เพราะในชีวิต หนึ่ง คงไม่มีบ่อยๆ ให้เล่น เป็นบทที่มีเกียรติคือการถ่ายทอดชีวิตคน ทาสวาดเป็นคนที่มีทั้งด้านดีและด้านมืด แต่ไม่รู้จักคำว่าพอ เมื่อไม่รู้จักคำว่าพอความสูญเสียก็จะตามมา"

มีวิธีการเลือกงานอย่างไร เจนี่กล่าวว่า "เลือกตามประสบการณ์ของวัย (หัวเราะ) ยิ่งโตขึ้นก็ต้องเล่นบทที่พลิกแพลง ให้ดูมีสีสันมากขึ้น"

ตอนนี้ดารารุ่นใหม่ๆ มาแรงกลัวไหม "ไม่ค่ะ ดูจากดาราเมืองนอกอายุ 40 ยังเป็นนางเอกเลย บทบางครั้งก็ต้องใช้ประสบการณ์ชีวิตด้วย" เจนี่สรุป