"ซามูไรสาว" ญี่ปุ่น สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมเอเชียทีมแรกที่คว้าแชมป์โลกมาครองได้ หลังผนึกกำลังไล่ตามตีเสมอ "แข้งมะกัน" สหรัฐฯ ในเวลาปกติ 1-1 แถมช่วงต่อเวลาพิเศษก็ฮึดสู้ไล่ตีเสมอ 2-2 ได้ในสามนาทีสุดท้าย ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ก่อนญี่ปุ่นเป็นฝ่ายดวลจุดโทษเอาชนะไปได้ 3-1 ผงาดครองแชมป์โลกฟุตบอลหญิงสมัยแรกไปครองได้สำเร็จ

นัดชิงชนะเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2554

ญี่ปุ่น 1-1 สหรัฐอเมริกา

(เสมอ 2-2 หลังต่อเวลาพิเศษ, ญี่ปุ่นชนะจุดโทษ 3-1)

สนาม : คอมแมร์ซบังก์ อารีน่า (แฟร้งค์เฟิร์ต)

     ญี่ปุ่น ทีมม้ามืดลงสนามพบ สหรัฐอเมริกา แชมป์โลก 2 สมัยปี 1991, 1999 ตัวเต็งแชมป์ ในฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก ประจำปี 2011 รอบชิงชนะเลิศ นับเป็นการผ่านเข้าชิงชนะเลิศศึกนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสาวซามูไรอีกด้วย โดยฟาดแข้งที่คอมแมร์ซบังก์ อารีน่า, แฟร้งค์เฟิร์ต และสถิติที่เจอกัน 25 ครั้ง สาวอเมริกันชนะ 22 เสมอ 3 ไม่เคยแพ้ญี่ปุ่นเลย

     สำหรับเกมรอบรองชนะเลิศ ญี่ปุ่น ต้อน สวีเดน รองแชมป์โลกปี 2003 ด้วยสกอร์ขาดลอย 3-1 ที่คอมแมร์ซบังก์ อารีน่า เมื่อวันพุธที่ 13 กรกฎาคม และวันเดียวกัน สหรัฐอเมริกา จัดการปราบ ฝรั่งเศส 3-1 ที่โบรุสเซีย พาร์ค ในมึนเช่นกลัดบัค

     โนริโอะ ซาซากิ กุนซือญี่ปุ่นส่ง โคซึเอะ อันโดะ กองหน้าที่หายเจ็บลงสนาม ขณะที่ โฮมาเร่ ซาวะ มิดฟิลด์ กัปตันทีมที่ยิงไปแล้ว 4 ประตูกำลังลุ้นตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเม้นต์แข่งกับ มาร์ตา จอมทัพบราซิลที่ทำได้ 4 ประตูเท่ากัน และ ลิซ่า ดาห์ลควิสต์ ของสวีเดน กับ แอ็บบี้ แว็มแบ็ค กองหน้าสหรัฐอเมริกายิง 3 ประตูเท่ากัน ส่วน เพีย ซุนด์ฮาเก้ กุนซือหญิงชาวสวีเดนของสหรัฐอเมริกาได้ ราเชล บูห์เลอร์ กองหลังพ้นโทษแบนกลับมา โฮป โซโล ผู้รักษาประตูสาวสวยประจำทีมเฝ้าเสา

     เกมครึ่งแรก นาทีที่ 8 สหรัฐอเมริกาน่าได้ประตูเมื่อ เมแกน ราปิโน เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายให้ เลาเรน เชนี่ย์ ซัดในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลเข้าข้างตาข่ายอย่างน่าเสียดาย

     นาทีต่อมา แอ็บบี้ แว็มแบ็ค กองหน้าสหรัฐฯ สบโอกาสซัลโวระยะไกลบอลข้ามคานไม่กี่หลา

     นาที 12 แคร์ลี่ ลอยด์ ผ่านบอลแม่นยำให้ เมแกน ราปิโน ยิงเต็มเท้า บอลพุ่งเข้าข้างประตู และนาที 18 ราปิโน ได้ซัดในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายบอลพุ่งชนเสาอย่างจัง

     สาวญี่ปุ่นได้แต่ตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ โดยมีจังหวะทำประตูไม่กี่ครั้ง นาที 22 อายะ มิยามะ ทำทางให้  ชิโนบุ โอโนะ ยิงออกไปไกล

     และแล้วนาที 29 สหรัฐอเมริกาเกือบได้ประตูเมื่อ แอ็บบี้ แว็มแบ็ค ซัดเผาขน บอลพุ่งชนคาน โดยญี่ปุ่นไม่ยอมแพ้ง่ายๆ บุกทุกครั้งที่มีโอกาส นาที 31 โคซึเอะ อันโดะ ได้ซัลโวในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลไปตรงตัว โฮป โซโล

    จากนั้นนาที 35 คริสตี้ รัมโพเน่ เซนเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมเปิดบอลให้ เลาเรน เชนี่ย์ โหม่งเผาขนข้ามคานอย่างน่าเสียดาย และสามนาทีต่อมา อายะ มิยามะ เปิดลูกเตะมุมมาเข้าทาง นาโฮมิ คาวาซูมิ ยิงออกนอกกรอบ จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0

     ในครึ่งหลัง สหรัฐฯ ส่ง อเล็กซ์ มอร์แกน เล่นแทน เลาเรน เชนี่ย์ นาที 46 และสามนาทีต่อมา อเล็กซ์ มอร์แกน ตัวสำรองที่เพิ่งลงสนามเกือบแผลงฤทธิ์ เมื่อเธอซัดเผาขนชนเสา

     นาที 52 แคร์ลี่ ลอยด์ เลี้ยงบอลจากนอกกรอบเขตโทษเข้ามาในเขตโทษ ก่อนยิงถากเสาออกไป

     ญี่ปุ่นมีลุ้นอีกครั้งนาที 62 โฮมาเร่ ซาวะ กัปตันทีมสบโอกาสชิพบอลไกลให้ ยูคาริ คิงงะ ยิงในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลไม่เข้ากรอบอย่างน่าเสียดาย

     สาวจากเมืองลุงแซมน่าได้ประตูในจังหวะที่ ฮีเธอร์ โอเรลลี่ ผ่านบอลแม่นยำไปให้ แอ็บบี้ แว็มแบ็ค โขกเผาขนไปติด อายุมิ ไคโฮริ ผู้รักษาประตูญี่ปุ่นปัดบอลด้วยมือขวาได้เยี่ยมนาที 65

     และแล้วนาที 69 ความพยายามของสหรัฐอเมริกาเป็นผลได้ประตูนำ 1-0 เมแกน ราปิโน โยนบอลยาว บอลกระดอนลงพื้นก่อนที่ อเล็กซ์ มอร์แกน กองหน้าตัวสำรองยิงเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษระยะ 16 หลา บอลพุ่งผ่าน อายุมิ ไคโฮริ ผู้รักษาประตู เสียบเสาสองอย่างสวยงาม

     นาที 81 ญี่ปุ่นตีเสมอ 1-1 ราเชล บูห์เลอร์ กองหลังสหรัฐอเมริกาเล่นพลาดสกัดบอลหน้าประตูไม่ดี บอลมาที่ อเล็กซ์ ครีเกอร์ เพื่อนร่วมทีมสกัดบอลพลาดเช่นกันไปถึง อายิ มิยามะ ยิงระยะ 8 หลาตุงตาข่าย จบเกม สหรัฐอเมริกา เสมอ ญี่ปุ่น 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ 30 นาที

     ในช่วงต่อเวลาพิเศษ สหรัฐฯ ยังเป็นฝ่ายบุกมากกว่า นาที 95 อเล็กซ์ มอร์แกน ได้บอลหลุดเข้าไปซัดหน้าประตู บอลถากเสาไม่กี่หลาเท่านั้น

     นาที 104 สหรัฐอเมริกาได้ประตูนำ 2-1 อเล็กซ์ มอร์แกน แผลงฤทธิ์เลี้ยงบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายจ่ายให้ แอ็บบี้ แว็มแบ็ค กองหน้าโหม่งเผาขนตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่ 4 ของเธอในทัวร์นาเม้นต์นี้

     นาที 112 สาวซามูไรสู้ไม่ถอย มิยามะได้ซัลโว 6 หลาข้ามคาน และนาที 114 ยูคาริ คิงงะ กองหลังได้บอลหลุดเข้าไปยิงหน้าประตู ทว่าคริสตี้ รัมโพเน่ กัปตันทีมสหรัฐฯ เคลียร์บอลจากเส้นประตูออกไปอย่างหวุดหวิด

     อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นตามตีเสมอ 2-2 อย่างสุดมันส์ ในนาที 117 อายะ มิยามะ เปิดลูกเตะมุมจากทางฝั่งซ้ายมาที่เสาแรก โฮมาเร่ ซาวะ มิดฟิลด์กัปตันทีมดีดบอลตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่ 5 ในการเล่น 6 เกมของเธอในทัวร์นาเม้นต์นี้ ทำให้เธอคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของศึกนี้ไปครอง

     นาที 121 ญี่ปุ่นเหลือผู้เล่น 10 คน เมื่อ อาซึสะ อิวาชิมิซึ เซนเตอร์ฮาล์ฟโดนใบแดง หลังจากเข้าเสียบสกัด อเล็กซ์ มอร์แกน บริเวณนอกกรอบเขตโทษอย่างน่าเกลียด

     จบเกมช่วงต่อเวลาพิเศษ ญี่ปุ่น เสมอ สหรัฐอเมริกา 2-2 ทำให้ต้องยิงจุดโทษตัดสิน ผลปรากฎว่า ญี่ปุ่น ชนะจุดโทษ 3-1 โดยสามผู้เล่นญี่ปุ่นที่ยิงเข้ามี อายะ มิยามะ, มิซึโฮะ ซาคางุจิ, ซากิ คุมาไง ไม่เข้าเพียงคนเดียวคือ ยูกิ นางาซาโตะ ตัวสำรองยิงไปติด โฮป โซโล ขณะที่อเมริกันยิงเข้าคนเดียวคือ แอ็บบี้ แว็มแบ็ค และไม่เข้าถึง 3 คน แชนน่อน บ็อกซ์ ยิงติดอายุมิ ไคโฮริ ใช้เท้าขวาเซฟได้, แคร์ลี่ ลอยด์ ซัดข้ามคาน, โทบิน ฮีธ ยิงติด ไคโฮริ

     จากการยิงจุดโทษชนะ ส่งผลให้ ญี่ปุ่น คว้าแชมป์ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกประจำปี 2011 ไปครอง และเป็นการได้แชมป์โลกครั้งแรกของพวกเธออีกด้วย และยังเป็นทีมแรกจากเอเชียที่ได้แชมป์โลกเช่นกัน ส่วนสหรัฐอเมริกา แชมป์โลกสองสมัยปี 1991, 1999 ได้ตำแหน่งรองแชมป์โลก เป็นรางวัลปลอบใจ

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

     ญี่ปุ่น  : อายุมิ ไคโฮริ -  ยูคาริ คิงงะ, อาซึสะ อิวาชิมิซึ, ซากิ คุมาไง, อายะ ซาเมชิมะ - ชิโนบุ โอโนะ (คาริน่า มารุยามะ น.66, มานะ อิวาบูชิ น.119), มิซึโฮะ ซาคางุจิ, โฮมาเร่ ซาวะ (กัปตันทีม), อายะ มิยามะ - โคซึเอะ อันโดะ (ยูกิ นางาซาโตะ น.66), นาโฮมิ คาวาซูมิ

     ใบเหลือง : อายะ มิยามะ น.97

     ใบแดง : อาซึสะ อิวาชิมิซึ น.121

     สหรัฐอเมริกา : โฮป โซโล - ราเชล บูห์เลอร์, เอมี่ เลอ เพลเบ็ต, คริสตี้ รัมโพเน่ (กัปตันทีม), อเล็กซ์ ครีเกอร์ - ฮีเธอร์ โอเรลลี่, แชนน่อน บ็อกซ์, แคร์ลี่ ลอยด์, เลาเรน เชนี่ย์ (อเล็กซ์ มอร์แกน น.46) - เมแกน ราปิโน (โทบิน ฮีธ น.114) - แอ็บบี้ แว็มแบ็ค