ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
บันเทิง » ข่าวภาพยนตร์ » เรื่องย่อ คนโขน

เรื่องย่อ คนโขน

Posted 25/07/2011 by kapook

 
 
คนโขน (สหมงคลฟิล์ม)

กำหนดฉาย : 25 สิงหาคม 2554
แนว : เมโลดราม่า
นำแสดง : สรพงษ์ ชาตรี, นิรุตติ์ ศิริจรรยา, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, พิมลรัตน์ พิศลยบุตร, อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ, ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์, นันทรัตน์ ชาวราษฎร์, กองทุน พงษ์พัฒนะ
บทภาพยนตร์ : ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
กำกับ : ศรัณยู วงษ์กระจ่าง

          "เบื้องหน้าคือความวิจิตรตระการตา เบื้องหลังคือตัณหาและมายาแห่งนาฎกรรม ... "

เรื่องย่อ คนโขน

          เรื่องของคน เรื่องของโขนนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2508 โดยเล่าเรื่องราวของ ชาด (อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ) เด็กกำพร้าที่ถูกครูโขนฝีมือดีอย่าง ครูหยด (สรพงษ์ ชาตรี) เลี้ยง ดูและฝึกหัดโขนให้ตั้งแต่เล็ก ๆ จนกระทั่งเติบใหญ่มีฝีไม้ลายมือเก่งกาจกลายเป็นศิษย์เอกในคณะโขนของครูหยด อีกทั้งชาดยังได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจที่ดีเสมอมาจากเพื่อนรักอย่าง ตือ (กองทุน พงษ์พัฒนะ) และ แรม (นันทรัตน์ ชาวราษฎร์) ที่สนิทสนมรักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเด็ก

          ด้านครูหยดก็ได้มองเห็นแววที่จะเอาดีทางด้านนี้ของชาด และคิดจะเปิดตัวชาดในบทพระรามเป็นครั้งแรกในงานแสดงโขนประจำปีครั้งใหญ่ที่ วัดอ่างทอง 

          เส้นทางชีวิตของชาดดูเหมือนจะไร้ซึ่งอุปสรรคในการก้าวตามความฝัน เพื่อมุ่งสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักแสดงโขนตามความทะยานอยากในวัยหนุ่มของเขา 

          แต่เมื่อ ครูเสก (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) อดีตเพื่อนรักของครูหยด ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจด้วยปมแค้นฝังลึก ได้รับรู้เรื่องการแสดงของคณะครูหยด จึงหาวิธีกลั่นแกล้งไม่ให้ครูหยดได้แสดงโขนที่วัดนี้ ซึ่งก็เข้าทางหลานชายสายเลือดโขนของครูเสกอย่าง คม (ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์) คู่อริเก่าของชาดที่ต้องการแก้แค้นและเอาคืนชาดอย่างสาสมเช่นกัน 

          บางครั้งเราก็ต้องพบกับฝันร้ายโดยไม่รู้ตัว...


          เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อปัญหาที่ถาโถมเข้ามาหาครูหยดและชาดนั้นไม่ใช่แค่มายาแห่งนาฏกรรมโขนอัน เกิดมาจากความอาฆาตแค้นไม่สิ้นสุดของครูเสกและคมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชาดยังหลงเข้าไปในวังวนแห่งตัณหาราคะที่ก่อเกิดจาก รำไพ (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) เมีย รุ่นลูกของครูหยดที่จ้องจะเข้าหาชาดทุกครั้งที่มีโอกาส รวมทั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนรักอย่างชาด, แรม และตือที่ถูกสั่นคลอนลงอย่างไม่คาดฝัน นั่นเป็นเหตุให้ชีวิตของชาดซวนเซและพลิกผันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

          ฉาก สุดท้ายของชาดจะสามารถกลับลำและไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ ถึงเวลาที่ชาดจะต้องต่อสู้เอาชนะด้านมืดของตัวเอง และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ หาใช่หัวโขนที่สวมใส่

คาแร็คเตอร์ตัวละคร


ครูหยด (รับบทโดย สรพงษ์ ชาตรี)

          ครู โขนฝีมือดีหาตัวจับยาก แต่มักจะเก็บตัวอยู่อย่างสมถะ ด้วยมีความหลังบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องโขนและความรักฝังลึกเป็นปมในใจติดตัว รอเวลาชำระล้างอดีตที่ตนไม่อยากเอ่ยถึงนั้นเรื่อยมา

          "ครูหยดจะเป็นครูโขนที่มีความสมถะ เรียบง่าย ไม่หวงวิชา จะถ่ายทอดวิชาโขนให้ลูกศิษย์เพื่อการดำรงอยู่ของศิลปะวัฒนธรรมไทย ตัวครูหยดจะถือว่าการถ่ายทอดศิลปะของตัวเอง แม้จะมีคนดูเพียงคนเดียวก็ต้องเล่น แล้วถ้ายิ่งคนที่ดูเพียงคนเดียวนั้นนำไปพูดเผยแพร่ต่อ เราก็ถือว่าเป็นคุณค่าของศิลปะนี้แล้ว มีประโยชน์แล้ว ครูหยดจะซื่อสัตย์ต่อหน้าที่อาชีพโขน เสียสละ ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ใครจะคิดยังไงก็คิดไป แต่ตัวเองแค่อยากเผยแพร่วัฒนธรรม แล้วก็เล่นโขนด้วยหัวใจด้วยความสุข ต้องเต็มที่กับงานแสดง"

ครูเสก (รับบทโดย นิรุตติ์ ศิริจรรยา)

          เพื่อนรักในวัยหนุ่มของครูหยด ฝึกโขนอยู่กับพ่อครูเดียวกัน ครูเสกเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงจนมีเหตุให้ต้องผิดใจกันกับครูหยด ถึงขั้นตัดขาดจากความเป็นเพื่อน ครูเสกดูถูกดูแคลนครูหยดว่าเป็นพวกโขนในคลอง หมายถึงโขนชาวบ้าน โขนชั้นต่ำไม่มีระดับ แต่ด้วยการที่รู้ในฝีมือครูหยด ครูเสกจึงมักจะจ้องหาโอกาสทำลายชื่อเสียงของครูหยดให้ได้ถ้ามีโอกาส

          "เรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องของโขน ครูเสกเป็นเจ้าของคณะโขนซึ่งชิงดีชิงเด่นกับคณะโขนของคุณสรพงษ์ มันก็เหมือนกับวงดนตรีลูกทุ่งต่าง ๆ มันก็เปลี่ยนไปตามยุค เมื่อสมัยก่อนไม่มีวงดนตรีลูกทุ่งก็จะมีวงลิเก มีโขน มีเพลงฉ่อย คนพวกเนี้ยก็เป็นครูทั้งนั้น เมื่อมีอายุมากขึ้นแล้วเราก็มีประสบการณ์ก็มาตั้งคณะของตัวเอง ก็จะชิงดีชิงเด่นกันระหว่าง 2 คณะโขนที่คนดูชอบ ก็แล้วแต่ว่าใครจะมีไหวพริบอะไรที่ดีกว่า คณะของผมมันยิ่งใหญ่กว่าแล้วพยายามที่จะหักล้างหรือว่าจะข่มของคณะของคุณ สรพงษ์อยู่ตลอด มันก็เป็นการชิงดีชิงเด่นเพื่อความอยู่รอด เพราะว่ามันเป็นอาชีพแสดงโขนแล้วก็ต้องเลี้ยงลูกน้องหลายชีวิตอย่างนี้ แต่เราก็จะไปชี้ว่าคนนั้นเลวหรือคนนั้นดีมันก็ไม่ได้เหมือนกันนะ

ชาด (รับบทโดย อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ)

          เด็กชายกำพร้าที่ถูกทิ้งไว้กลางป่าช้าหลังวัดร้างแห่งหนึ่งของจังหวัด เพชรบุรี มีเพื่อนสนิทวัยเดียวกันสองคนคือ ตือ และ แรม เมื่ออายุได้ประมาณเจ็ดขวบ ครูหยดได้ขอตัวชาดมาเลี้ยงดูและจับฝึกหัดโขน เพราะเห็นว่าหน่วยก้านดี ชาดจึงได้รับการฝึกหัดโขนอย่างจริงจังครบทุกท่วงท่าโขนทั้งตัวพระ, ยักษ์ และลิง จนกลายเป็นศิษย์เอกของครูหยด ก่อนที่จะหลงเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งรักโลภโกรธหลงซึ่งเขาอาจจะต้องแลกด้วย ชีวิต

          "หนังเรื่องนี้โดยเนื้อเรื่องมันก็สะท้อนการทำความฝันของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่พยายามทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ซึ่งในเรื่องนี้ตัวละครก็มีความฝันที่จะเป็นนักแสดงโขนที่โด่งดังให้ได้ ภายในเรื่องนี้เนี่ยเรื่องโขนจะเป็นความสุดยอดของยุคสมัยนั้นแล้ว เรื่องนี้จะมีการแสดงทางด้านศิลปะโขน ทำให้ท่านผู้ชมได้เห็นมุมมองการแสดงที่เป็นมรดกของชาติที่ไม่ได้มีเพียงแค่ เสน่ห์แปลกใหม่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีการสอดแทรกเรื่องราวที่เข้มข้น เป็นเรื่องราวของรักโลภโกรธหลงของมนุษย์เรานี่แหละ มีครบทุกอารมณ์ ครบทุกรสชาติความเป็นหนังไทย ประกอบกับการแสดงของนักแสดงชั้นครูแต่ละคน และความตั้งใจของพี่ตั้วผู้กำกับที่ต้องการถ่ายทอดแง่คิดดี ๆ ให้กับผู้ชม ซึ่งรับรองได้ว่าเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดนะครับ"

รำไพ (รับบทโดย พิมลรัตน์ พิศลยบุตร)

          เด็กสาวบ้านนอกที่มีพรสวรรค์เรื่องการรำ เธอหวังจะมีชื่อเสียงโด่งดังในแวดวงนาฏศิลป์ จึงตัดสินใจหอบผ้าหอบผ่อนตามมาอยู่บ้านครูหยด แต่ก็ถูกเลี้ยงดูเป็นเพียงเมียเก็บเท่านั้น กระทั่งก้าวเข้าสู่การเป็นสาวใหญ่วัยใกล้สามสิบปี รำไพจึงเป็นเสมือนครูสอนรำเก็บกดที่ชอบดุด่าลูกศิษย์ลูกหาในคณะ และไม่มีใครกล้าเถียงหรือขัดใจรำไพ เพราะต่างรู้กันเป็นนัยว่ารำไพคือเมียครูหยด รำไพนั้นเห็น ชาด ศิษย์เอกของครูหยดมาตั้งแต่เล็ก ๆ กระทั่งเติบโตเป็นหนุ่มแน่น ด้วยความที่ครูหยดเฉื่อยชาลงและไม่สามารถสนองตอบกามารมณ์ของรำไพได้เต็มที่ จึงทำให้รำไพหวังจะได้ชาดเป็นชู้รักเข้าสักวัน

          "จริง ๆ จะว่าไป ตัวละครนี้ก็คือมนุษย์น่ะค่ะ มนุษย์มีความรักโลภโกรธหลง ไม่มีใครจะดีทุกด้านหรอก ทุกคนมีด้านดีแล้วก็ต้องมีด้านมืด เพราะฉะนั้นตัวรำไพนี่ก็เป็นตัวละครที่สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ผู้มีความ ต้องการอย่างแท้จริง ซึ่งมันก็คือธีมหลักของเรื่อง มันคือดราม่า มันคือชีวิตคนเรานี่แหละ"

คม (รับบทโดย ขจรพงศ์  พรพิสุทธิ์)

          นักเรียนนาฏศิลป์ หลานชายเพียงคนเดียวของครูเสก หน่วยก้านดี มีสายเลือดโขนอยู่เต็มตัว แต่เขาเป็นเอาแต่ใจตัวและเลือดร้อนตามประสาวัยรุ่น คมมีความแค้นฝังลึกกับชาดมาตั้งแต่วัยเด็ก และตั้งปณิธานมั่นไว้ว่า สักวันจะต้องแก้แค้นเอาคืนกับชาดอย่างสามสมให้ได้

          "สิ่งที่ต้องฝึกฝนในตัวเองมากขึ้นก็คือการมีสมาธิเพราะผมเป็นคนสมาธิสั้น ก็เลยต้องฝึกสมาธิแบบว่าจดจ่อกับสิ่งที่เราได้ทำอยู่ และก็ได้มีการฝึกแอ็คติ้ง ฝึกบทพูด เพราะผมเป็นคนพูดเร็วแล้วบางทีก็พูดไม่ชัด ก็ต้องฝึกพูดคำควบกล้ำให้พูด ร.เรืออะไรแบบนี้ แล้วก็ให้เข้าใจในบทที่เราจะได้รับ แล้วก็เคลียร์ตัวเองว่าบทนี้เป็นอย่างไร คาแร็กเตอร์เราเป็นอย่างไร และเราจะสื่อออกมาจากข้างในโดยคำพูด โดยสายตาอย่างไรที่ทำให้คนดูรู้ว่าเรากำลังรู้สึกอย่างไร และเรากำลังทำอะไร เหล่านี้คือสิ่งที่ผมยังมีไม่มากก็เลยต้องเรียนรู้ตรงนี้มากขึ้นครับ"



แรม (รับบทโดย นันทรัตน์ ชาวราษฎร์)

          เด็กหญิงกำพร้าที่อาศัยอยู่กับคณะลิเกแม่ซ่อนกลิ่น แรมนั้นรักการรำลิเก เธอใฝ่ฝันอยากเป็นนางเอกลิเกเมื่อเติบโตขึ้น ด้วยเหตุที่คณะลิเกแม่ซ่อนกลิ่นมักจะมาเปิดวิกที่จังหวัดเพชรบุรีเป็นประจำ แรมจึงได้พบกับชาดและตือซึ่งเป็นเด็กวัยเดียวกัน ทั้งสามได้มีโอกาสเที่ยวเล่นกันตามประสาเด็กอยู่บ่อย ๆ ทำให้สนิทสนมกันยิ่งนัก โดยไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาจะมีเหตุการณ์ทำให้ต้องหมางเมินกันไป

          "ก่อนการถ่ายทำเรื่องนี้ ตรีและก็เพื่อน ๆ ก็ต้องมีการเรียนและซ้อมการแสดงกับพี่ตั้วผู้กำกับด้วย พี่ตั้วจะสอนเองเลย และก็ให้ซ้อมบทบาทจนจำขึ้นใจเลยค่ะ ซึ่งก็จะช่วยเวลาถ่ายทำจริงหน้ากองถ่ายเยอะมาก ทำให้การแสดงไหลลื่นเป็นธรรมชาติ ช่วยได้มากจริง ๆ ค่ะ แล้วก็ต้องมีการฝึกรำและร้องลิเกด้วยค่ะ เพราะที่ตรีเรียนอยู่มันเป็นนาฏศิลป์ไทยทั่วไป ซึ่งไม่เหมือนลิเก ก็ต้องไปปรับกับครูที่สอนลิเกอีกทีค่ะ แต่โชคดีที่ตรีมีพื้นฐานนาฏศิลป์อยู่แล้ว เรื่องรำเลยไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ แต่เรื่องร้องลิเกนี่สิคะยากมาก ๆ แต่ก็ฝึกและแสดงจนผ่านไปด้วยดีค่ะ"
 

ตือ (รับบทโดย กองทุน  พงษ์พัฒนะ)

          เด็กวัดกำพร้า เพื่อนสนิทของชาดและแรม  เป็นคนจิตใจดี ตรงไปตรงมา ทำอะไรอย่างที่ใจคิด ตือรักการวาดรูป และทำได้เป็นอย่างดี เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นจิตรกรเอกเมื่อเติบโตขึ้น ตือหลงรักแรมตั้งแต่วัยเด็ก แต่ไม่คิดว่าจะบอกเธอ เพราะเขาเชื่อว่าความรักเป็นความรู้สึกมิอาจหาคำพูดใดมาถ่ายทอดแทนได้ และเชื่อว่าแรมย่อมรู้สึกถึงความรักของเขาที่มีต่อเธอได้โดยไม่ต้องพร่ำบอก

          "สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งที่เราเอาวัฒนธรรมของเราออกมาทำในรูปแบบ ของภาพยนตร์ ซึ่งตั้งแต่สมัยเด็ก ผมก็เคยเล่นโขนมา เหมือนกับหลงลืมไปนาน อาจจะไม่มีโอกาสหรืออาจจะเป็นเรื่องสื่อ สภาพแวดล้อมของเราในตอนนี้ที่ทำให้เราไม่ค่อยได้สัมผัสวัฒนธรรมไทยของเราทาง ด้านนี้นะครับ บางทีเด็กสมัยใหม่อาจจะมองว่าโขนเป็นเรื่องยากหรือเปล่า น่าเบื่อหรือเปล่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อาจจะทำให้คนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าก็ตามได้มาซึมซับ เกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศเราที่เป็นสิ่งสวยงามมากครับ รับรองมาดูเรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ"
 


ซ่อนกลิ่น (รับบทโดย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล)

          อดีตนางรำศิษย์รักของครูหยด ที่ออกไปตั้งคณะลิเกเพราะอกหักผิดหวังจากครูหยด แต่เมื่อเวลาผ่านไป ต่างฝ่ายต่างอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ซ่อนกลิ่นก็มักจะแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือครูหยดบ้างเป็นครั้งคราว ด้วยสำนึกในบุญคุณครั้งเก่า 

          "เรื่องนี้ก็รับบทเป็น ซ่อนกลิ่น อดีตนางรำที่เคยอยู่ในคณะของครูหยด และเป็นแม่ของแรมที่น้องตรีแสดง ก็จะเป็นเจ้าของคณะลิเกที่เคยมีความหลังกับครูหยด ซึ่งจะว่าไปทุกตัวละครในเรื่องก็จะมีทั้งด้านดีและด้านมืดของแต่ละคน ก็เหมือนกับชีวิตของมนุษย์เรานี่เองค่ะ คุณตั้วผู้กำกับก็ต้องการทำหนังสะท้อนความเป็นมนุษย์ที่มีกิเลสตัณหาไม่ว่า จะอยู่ในแวดวงไหนก็มีแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น รวมถึงการสะท้อนวัฒนธรรมของไทยอย่างโขนก็ทำถ่ายทอดออกมาให้ดูสนุกและน่า ติดตามเช่นกันค่ะ"
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • เรื่องย่อ บางกอกกังฟู
    โป้ง, ชิ, กา และ นา กลุ่มเด็กน้อย 4 คน ที่ถูกแก๊งค์ค้ามนุษย์ลักพาตัวไปเพื่อบังคับให้เป็นขอทาน พร้อมทั้งถูกทารุณกรรม โป้ง (เป้) ถูกตัดลิ้นด้วยมีดตัดต้นไม้จนพูดไม่ได้ ชิ (แบงค์) ถูกแทงจนตาบอดทั้งสองข้างด้วยไม้เสียบลูกชิ้น กา (โทโมะ) ถูกตบบ้องหูจนหนวก และ นา (มาริโอ้) ถูกทุบหัวจนกลายเป็นคนสติเลอะเลือนไม่เต็มเต็ง พวกเขาถูกแกงก์ค้ามนุษย์ร่อนเร่ขอทานไปตามจังหวัดต่าง ๆ จนมาถึงกรุงเทพฯ ที่นั่นพวกเขาได้พบกับชายชราจีนที่มีชื่อว่า อึ้งเสี่ยวหงษ์ อาจารย์ผู้ทรงวิทยายุทธ์ผู้สืบทอดคนสุดท้ายแห่งพรรคจันทรา กับเด็กผู้หญิงชื่อ กอหญ้า (แก้ว) ซึ่งชายชราได้ช่วยเหลือทั้งสี่คนออกมาจากพวกแก๊งค์ค้ามนุษย์ และนั้นคือ วันแรกที่เด็กทั้งสี่ได้รู้ว่า "สุดยอดวิชากำลังภายในนั้นมันมีอยู่จริง"
  • ธันวา-บอม ปฏิเสธไม่ออก เจอฝรั่งโรคจิตควงตุ๊กตายาง ไล่ตามขอเป็นเพื่อน
    รับบทเด่นในภาพยนตร์โรดมูฟวี่คอมเมดี้ “เลิฟซัมเมอร์ รักตะลอน ออนเดอะบีช” ให้กับค่ายเอ็มพิคเจอร์และแบงค๊อค มีเดีย แชนแนล สองนักแสดงวัยรุ่นหนุ่มขวัญใจสาวๆ ธันวา สุริยจักร และ บอม-ธนา เอี่ยมนิยม ก็เจอแจ๊คพ๊อตโดนฝรั่งบ๊องส์ โรคจิตอ่อนๆควงตุ๊กตายางสาวเซ็กซี่ไล่ตามขอเป็นเพื่อนร่วมทางไปทุกที่ด้วย
  • “30+” ถึงเวลาสวยเซอร์ไพรส์ โรแมนติคคอมมิดี้กับ “พลอย เฌอมาลย์”
    ตลอดระยะเวลา 17 ปีในวงการบันเทิง จนถึงทุกวันนี้พูดได้ว่าคงไม่ต้องมีบทพิสูจน์ใดๆ แล้วสำหรับพลอย เฌอมาลย์ โดย เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงความเป็นนักแสดงเจ้าบทบาท ยิ่งเอ่ยชื่อผลงานการแสดงบนแผ่นฟิล์มที่ผ่านมา ล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ เป็นที่ยอมรับอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น สตางค์, รักน้อยนิดมหาศาล, บุปผาราตรีเรื่อยมาจนถึง รักแห่งสยาม และประจักษ์ทุกสายตาโดยปราศจากข้อกังขา ในภาพยนตร์ดราม่าสุดเข้มข้นแห่งทศวรรษอย่าง “ชั่วฟ้าดินสลาย” และในปีนี้แฟนๆ จะได้ตื่นตะลึงกับผลงานการแสดงที่เจ้าตัวยอมรับว่า ท้าทายและยากกว่าบท “ยุพดี” ใน “ชั่วฟ้าดินสลาย” อยู่หลายเท่านัก โดยเป็นการกลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ ที่เปรียบได้กับพ่อและครูอย่างหม่อมน้อย-มล.พันธุ์เทวนพ เทวกุลอีกครั้งนั่น คือบทแม่หญิงคำแก้วใน “อุโมงค์ผาเมือง” ภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่ย้อนเรื่องราวกลับไปในอดีตยุคล้านนาเกือบ 500 ปี
  • ตัวอย่างแรก “ยิปมัน” ฉบับ “เหลียงเฉาเหว่ย”,“หว่องกาไว”
    เผยโฉมออกมาแล้วสำหรับตัวอย่างแรกของ The Grandmasters หรือ “ยิปมัน” ฉบับของผู้กำกับ “หว่องกาไว” ที่มี “เหลียงเฉาเหว่ย” รับบทเป็นครูมวยยอดฝีมือหมัดหย่งชุน นับเป็นโครงการที่ใช้เวลาสร้างและถ่ายทำอย่างยาวนาน ซึ่งในที่สุดก็จะมีโปรแกรมเข้าฉายในปลายปีนี้แล้วในหนังกังฟูทุนสูงที่ทุกคนรอคอยกันมากที่สุดเรื่องหนึ่งที่ เหลียงเฉาเหว่ย ยอดนักแสดงวัย 49 ปี ได้สวมบทบาทเป็น “ยิปมัน” ปรมาจารย์กังฟูเจ้าของวิชาหย่งชุน ...

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »