ยังไม่ทันจะหมดช่วงโปรโมชั่น ก็เจอข่าวสะกัดดาวรุ่งซะแล้ว เพราะกำลังอินเลิฟกันอยู่ดีๆ ก็มีข่าวว่านางเอกสาว ก้อย รัชวิน เลิก! กับร็อกเกอร์หนุ่ม ตูน บอดี้แสลม ซะอย่างงั้น ส่วนภาพแฟชั่นเซ็ทล่าสุดที่ทั้งคู่ควงกันมาแช๊ะโชว์หวานไปหมาดๆ นั้น ทางสาวก้อย เค้าก็ออกมาเผยแล้วว่าไม่ได้เป็นการถ่ายเพื่อสยบข่าวรักร้าวนะจ๊ะ เพราะยังรักกันดี และไม่ซีเรียสกับข่าวใดๆ ทั้งสิ้นจ้า...

ผู้สื่อข่าวถามถึงผลงานที่ออกมาคู่กัน เห็นว่าหนังสือวางแผงแล้วได้ชมหรือได้อ่านไปบ้างหรือยัง ดาราสาวเผยว่า

“ยังค่ะ ยังไม่เห็นตัวหนังสือเห็นแต่ภาพที่พี่ๆ เขาเอามาให้ดู แล้วมีแฟนๆ ส่งรูปมาให้ดูทางทวิตเตอร์  พอใจมาก ชอบค่ะ คือพี่ๆ แพรวเขาเก่งอยู่แล้วสไตล์ลิสต์ก็เก่ง เป็นภาพที่คอนเซ็ปท์ทางแพรวเขาทำมาให้เราถ่ายแบบนี้ แล้วถ้ามีโอกาสเป็นงานที่สามารถมาทำร่วมกันได้ก็อยากจะลองเหมือนกันต้องรอดูเรื่อยๆ ตอนนี้กระแสตอบรับค่อนข้างดีด้วย มีน้องๆ ทวิตเตอร์มาบอกชอบมาก ถ้าเกิดทุกคนชอบเราก็ดีใจ”

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีภาพออกมาขนาดนี้ยังไม่วายจะมีข่าวเลิกกัน ถือว่าเป็นการถ่ายแบบสยบรักร้าวหรือเปล่า ดาราสาวแจงว่า

“ข่าวก็เป็นแค่ข่าวค่ะ ไม่ซีเรียสอะไร ตอนนี้ก็ใช้ชีวิตปกติธรรมดาไม่ซีเรียส ไม่กังวลกับข่าว สุดท้ายแล้วเรื่องควารักมันเป็นเรื่องของเราทั้งคู่ว่าเราเป็นยังไง ถามว่ามีทะเลาะมั้ย จริงๆ ทุกคู่ต้องมีอยู่แล้ว ถ้าถามว่าทะเลาะกันมั้ย ทะเลาะกันน้อยมาก แล้วที่ถ่ายคู่กันไม่ได้สยบข่าวเลิกอะไร(หัวเราะ) เพราะจริงๆ ไม่จำเป็นต้องออกมาแก้ข่าวอะไรด้วยซ้ำ เพราะว่าเราไม่ได้ทะเลาะกัน แล้วไม่ได้เลิกกันอย่างที่เป็นข่าวออกมา แต่ที่ถ่ายคือพี่ๆ ทางแพรวเขาชวนมาสักพักนึงแล้ว ดูคอนเซ็ปท์ต่างๆ แล้วค่อนข้างน่าสนใจเลยโอเค “

 
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ามีอะไรอยากจะบอก เพื่อยืนยันความรักกับคนที่เขาเข้าใจผิดอะไรบ้างมั้ย?

“ไม่มีอะไรอยากบอก เพราะว่าก้อยไม่ได้ซีเรียสอะไร เข้าใจว่าตอนนี้เราอยู่ในวงการบันเทิง เข้าใจเรื่องอะไรแบบนี้ นั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็พอ กับพี่ตูนตอนแรกๆ ไม่ได้คุยอะไร ไม่ได้เครียดพอหนักเข้าเยอะขึ้น เยอะขึ้น เลยเล่าให้เขาฟัง เขาก็ขำๆ จริงๆ ทุกอย่างมันต้องใช้การพิสูจน์ เราต้องประคองความรักของเราให้มันดีที่สุด อะไรมันจะเป็นยังไงต้องปล่อยให้มันเป็นไป ที่สำคัญคือเราเป็นห่วงความรู้สึกของคนที่รักเรา และคนรอบข้างเรา แต่ว่าจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง"