"สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เตรียมจัดทัพใหญ่หวังพิชิตชัยโดย แผงดาวล่านำโดย ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา, ฆวน มานูเอล มาต้า และ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เกมออกเยือน "เดอะ ทร็อตเตอร์ส" โบลตัน ที่รั้งอันดับสุดท้ายของตารางและเกมนี้หวังแชร์แต้ม แต่อาจจะเป็นเรื่องยากหากย้อนดูสถิติผู้มาเยือน 8 เกมหลังสุดสิงห์ซิวชัยรวดแบบเกมศูนย์แถมจัดให้ถึง 18 ตุง 

 

ปรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2554

โบลตัน - เชลซี

สนาม : รีบ็อค สเตเดี้ยม

        โอเว่น คอยล์ กุนซือ เดอะ ทร็อตเตอร์ส หล่นไปเป็นบ๊วยของตารางเรียบร้อย หลังพ่ายรวด 5 นัดติด ทำให้มีแต้มน้อยที่สุดในบรรดาทุกทีม และมีโอกาสแพ้รวดเป็นนัดที่ 6 หากยังไม่เร่งเครื่องเกมนี้

        คอยล์ เจอข่าวร้ายล่าสุด สจ๊วร์ต โฮลเด้น มิดฟิลด์อเมริกัน ที่เพิ่งกลับมาฟิตลงสนาม หลังเจ็บเข่าพักยาวมา 6 เดือน ล่าสุดยังไม่ทันไร ก็ต้องพักยาวอีกครึ่งปี จากปัญหาที่เข่าเหมือนเดิม

        อิวาน คลาสนิช กองหน้าที่ยิงไปแล้ว 3 ประตูในลีก ติดโทษแบนเป็นนัดที่ 3 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายแล้ว และ เดวิด วีเทอร์ กองหลังที่โดนไล่ออกเกมล่าสุด ก็ติดโทษ 1 นัดด้วย ส่วน กาแอล กากูต้า หมดสิทธิ์เล่นเพราะยืมมาจาก เชลซี

        นอกจากนี้ ยุสซี่ ยัสเคไลเน่น ประตูมือ 1 ก็ดันเจ็บขาอีก ต้องรอทดสอบความฟิต ส่วนพวกที่บาดเจ็บยาวมี ไทโรน เมียร์ส แบ็กขวาตัวใหม่ กับ อี ชุง-ย็อง ปีกเกาหลีใต้ ขาหักในช่วงปรีซีซั่นทั้งคู่ ซึ่งรายหลังยังไม่รู้กำหนดคืนสนาม

        อย่างไรก็ตาม ข่าวดีพอมีบ้าง แกรี่ เคฮิลล์ ปราการหลังเนื้อหอม ฟิตสมบูรณ์กลับมาแล้ว หลังป่วยจนไม่มีชื่ออยู่ในทีมเกมที่พ่าย อาร์เซน่อล 0-3 นัดล่าสุด ส่วนแดนหน้า เควิน เดวิส หัวหอกจอมทำฟาวล์ จะคืนตัวจริงด้วย

        ระบบการเล่น 4-4-2 ยุสซี่ ยัสเคไลเน่น เฝ้าเสา แผงหลัง เกรตาร์ สไตน์สสัน, แกรี่ เคฮิลล์, แซต ไนท์, พอล โรบินสัน แดนกลาง คริส อีเกิ้ลส์, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, ฟาบริซ มูอัมบา, มาร์ติน เปตรอฟ คู่หน้า เควิน เดวิส ยืนคู่ ดาวิด เอ็นก็อก

        ด้าน อันเดร วิลลาช-โบอาช กุนซือชาวโปรตุกีสของ สิงห์บูลส์ พลาดเก็บชัยเหนือ บาเลนเซีย เกมยุโรปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพราะโดนตีเสมอจากจุดโทษท้ายเกม โดย ซาโลมง กาลู ไปทำแฮนด์บอลในเขตโทษ

        กลับสู่เกมลีกจะไม่มี เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ติดโทษแบน 3 นัด หลังโดนใบแดงในเกมลีกล่าสุดที่ถล่ม สวอนซี 4-1 แต่แนวรับจะได้ อเล็กซ์ พ้นโทษแบน 1 นัดกลับมาเป็นตัวเลือกอีกครั้ง

        แดนหน้ามีข่าวดี ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หายเจ็บเข่าพร้อมลงเจอทีมเก่าที่ถูกยืมตัวไปเล่นเมื่อครึ่งฤดูกาลที่แล้ว ขณะที่ โรเมลู ลูกากู กองหน้าตัวใหม่ที่ไร้ชื่อเกมยุโรป ก็จะกลับคืนทีมด้วย

        ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ฟิตสมบูรณ์เต็มที่แล้ว พร้อมกลับมาลงตัวจริงแทนตำแหน่งของ ตอร์เรส ส่วนแดนกลางพร้อมส่ง แฟร้งค์ แลมพาร์ด ลงตัวจริงต่อ หลังซัลโวได้ในเกมที่ บาเลนเซีย เรียกความมั่นใจกลับมาได้มาก

        ผู้รักษาประตูสำรอง อิลาริโอ เจ็บสะโพกและหลัง ต้องพักประมาณ 1 หรือ 2 สัปดาห์ ขณะที่ ไมเคิ่ล เอสเซียง กองกลางเจ็บเข่าพักยาวถึงปีหน้า

        ระบบการเล่น 4-3-3 ปีเตอร์ เช็ก เฝ้าเสา แผงหลัง โชเซ่ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล แดนกลาง รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด สามกองหน้า ฆวน มานูเอล มาต้า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

        โบลตัน : ยุสซี่ ยัสเคไลเน่น - เกรตาร์ สไตน์สสัน, แกรี่ เคฮิลล์, แซต ไนท์, พอล โรบินสัน - คริส อีเกิ้ลส์, ไนเจล รีโอ-โคเกอร์, ฟาบริซ มูอัมบา, มาร์ติน เปตรอฟ - เควิน เดวิส, ดาวิด เอ็นก็อก

        เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก - โชเซ่ โบซิงวา, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล - รามิเรส, จอห์น โอบี มิเกล, แฟร้งค์ แลมพาร์ด - ฆวน มานูเอล มาต้า, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา

        ผู้ตัดสิน : ปีเตอร์ วอลตัน

ดร็อกขยับขึ้นเต็ง 1 ยิงประตูแรก

        จากการติดโทษแบนของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ทำให้ ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าไอวอรี่โคสต์ของ เชลซี ขยับขึ้นเป็นเต็ง 1 ยิงประตูแรกเกมที่ สิงโตน้ำเงินคราม บุกเยือน โบลตัน วันเดอเรอร์ส วันอาทิตย์นี้

สิงห์เยือนโบลตัน 8 นัดหลังชนะเกมศูนย์

        เชลซี มีผลงานที่ดีในการพบกับ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 15 นัดหลังสุดในลีก สิงห์บลูส์ ไม่รู้จักคำว่าแพ้ โดย 6 นัดหลังสุดคว้าชัยชนะรวด ยิงแหลก 16 ประตู เสียแค่ 3 ลูกเท่านั้น

        จาก 15 นัดหลังสุดในลีกที่ผ่านมา เชลซี คว้าชัยเหนือ โบลตัน ไปถึง 12 นัด ปล่อยให้ เดอะ ทร็อตเตอร์ส ได้ผลเสมอเพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น นอกจากนี้ การมาเยือน รีบ็อค สเตเดี้ยม ของ เชลซี นั้น สุดยอดกว่า เพราะ 8 นัดหลังชนะรวด แถมยังยิง 18 ประตูแบบไม่เสียให้เจ้าบ้านเลยด้วย

        ชัยชนะครั้งสุดท้ายของ โบลตัน ต้องย้อนกลับไปเดือนธันวาคม ปี 2003 เป็นเกมที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่ จอห์น เทอร์รี่ ยิงประตูตัวเองในนาทีสุดท้าย ให้ เดอะ ทร็อตเตอร์ส บุกชนะ 2-1