หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าตัวเก่ง ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มเก่งซัดเบิ้ลช่วยให้ทีมบุกมาถอนแค้น สโต๊ค ได้ถึงรัง 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย คาร์ลิ่งคัพ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา

 

คาร์ลิ่งคัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย

สโต๊ค (พรีเมียร์ลีก) 1 - ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ลีก) 2

สนาม : บริทานเนีย สเตเดี้ยม

 
        สโต๊คได้โจนาธาน วู้ดเกทกลับมาประจำแนวรับหลังเจ็บน่องเดี้ยงไปสามนัด และสลับให้เคนวีน โจนส์ลงเล่นก่อนหน้าปีเตอร์ เคราช์ รวมทั้งโธมัส โซเร่นเซ่น และโรเบิร์ต ฮูธซึ่งเป็นตัวสำรองในเกมพรีเมียร์ลีกนัดบุกไปแพ้อาร์เซน่อล 3-1
 
        ส่วนลิเวอร์พูลมีลูคัส เลว่าพ้นโทษแบนลงสนาม และส่งมักซี่ โรดริเกซ , ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ตลอดจนแอนดี้ แคร์โรลล์ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงร่วมกับคีย์แมนอย่างโฆเซ่ เรน่า , หลุยส์ ซัวเรซ และเจมี่ คาร์ราเกอร์ซึ่งผ่านเกมในลีกนัดเจ๊ากับนอริช 1-1
 
        เกมเริ่มต้นโดยลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายบุกใส่ก่อน แต่เกือบเสียท่าในนาทีที่ 8 เมื่อเจ้าบ้านเปิดเกมยาวขึ้นกราบซ้ายแล้วโจนาธาน วอลเตอร์สได้ตวัดยิงจากริมเขตโทษ แต่บอลลอยไปตกบนหลังคา
 
        นาทีต่อมา หงส์แดงเกือบได้ประตูเช่นกันเมื่อซัวเรซจ่ายบอลจากกราบขวาให้แคร์โรลล์กระชากเข้ากลางไปกดเต็มข้อระยะ 25 หลาถูกโธมัส โซเรนเซ่นปัดได้อย่างหวุดหวิด
 
        เร้ด แมชีนยังลุยต่ออย่างดุดัน และนาทีที่ 17 ลูคัสก็หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายไปจ่ายมาหน้าประตูให้ซัวเรซเข้าชาร์จแปดหลา ทว่าโซเรนเซ่นขยับออกมาบล็อคได้อย่างเหลือเชื่อ
 
        และจากลูกเตะมุมด้านซ้ายของทีมเยือน แคร์โรลล์ก็ได้โขกกดลงพื้นคนเดียวที่เสาไกล แต่โซเรนเซ่นยังกระโจนมาตะปบได้ทันเวลา
 
        ถัดมาในนาทีที่ 21 คาร์ราเกอร์เข้าเสียบแม็ตธิว เอเธอริงตันอันตรายจึงได้ใบเหลืองตามระเบียบ แต่อีกหกนาทีต่อมาลิเวอร์พูลก็มีเสียวอีกเมื่อมักซี่ไหลบอลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้แคร์โรลล์เผด็จศึก แต่โซเรนเซ่นทิ้งตัวเซฟได้
 
        ในที่สุดนาทีที่ 35 เจ้าบ้านก็ได้ลุ้นจากลูกทุ่มไกลทางฝั่งขวาของลอรี่ ดีแลป และเป็นวอลเตอร์สที่โขกจากเสาแรกสวนเรน่าที่ออกมาปัดไม่ทันตุงตาข่าย แต่ลิเวอร์พูลมีเฮงผู้ตัดสินเป่าว่ากองหน้าช่างปั้นหม้อทำฟาวล์นายทวารสแปนิชทั้งๆที่ภาพช้าฟ้องว่าไม่มีการปะทะกัน
 
        กระนั้น อีกสามนาทีต่อมา มาร์ติน เคลลี่แบ็คขวาหงส์แดงก็ลุยขึ้นไปหาช่องส่องจากหน้าเขตโทษ แต่โซเรนเซ่นตะปบได้ที่เสาแรกได้
 
        นาทีที่ 41 ไรอัน ชอว์ครอสส์ทำฟาวล์ใส่ซัวเรซจึงโดนจดชื่อ กระนั้นอีกสามนาทีให้หลังเจ้าถิ่นก็เปิดบอลยาวขึ้นทางขวาแล้วเซบาสเตียน โกอาเตสทำพลาดปล่อยให้บอลตกพื้น แถมบังไม่ดีเลยถูกวอลเตอร์สฉกไปลากเข้าเขตโทษก่อนจะตักมาเสาแรกให้โจนส์ขวิดระยะแปดหลาเสียบเสาไกลเป็นสกอร์นำ 1-0 ของสโต๊ค
 
        ผ่านมาถึงช่วงทดเวลาเจ็บ ลิเวอร์พูลน่าจะทวงคืนได้เมื่อซัวเรซลากบอลหนีชอว์ครอสส์เข้าเขตโทษด้านขวา แต่จังหวะซัลโวระยะ 14 หลาส่งบอลหลุดเสาไกลไปเอง จบครึ่งแรกเจ้าบ้านจึงนำไปก่อน 1-0
 
        ครึ่งหลังเร้ด แมชีนเปลี่ยนคาร์ราเกอร์ออกให้มาร์ติน สเคอร์เทลลงไปแทน และถึงนาทีที่ 54 ซัวเรซก็โชว์ทีเด็ดเกี่ยวบอลสาดยาวลงพื้นทางกราบซ้ายแล้วแทงลอดขาไรอัน ช็อตตันก่อนจะปั่นโค้งจาก 18 หลาเข้าเสียบเสาสองสุดสวยช่วยให้ทีมเยือนตีเสมอเป็น 1-1
 
        ขยับมาอีกสองนาที เกล็น วีแลนก็โดนจดชื่อข้อหากีดขวางการทุ่มบอลเร็วของซัวเรซ และถึงนาทีที่ 60 ช่างปั้นหม้อก็เปลี่ยนเจอร์เมน เพนแนนท์อดีตดาวเตะลิเวอร์พูลลงไปแทนช็อตตัน
 
        จากนั้นในนาทีที่ 85 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากจังหวะที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดบอลทางกราบขวามาให้ หลุยส์ ซัวเรซ โหม่งจากเสาสองสวนตัว โธมัส โซเรนเซ่น เข้าไปอย่างสวยงาม
 
        ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่สามารถทำประตูเพิ่มกันได้ จบเกมเป็น ลิเวอร์พูล ที่บุกมาถอนแค้น สโต๊ค ได้ถึงถิ่น 2-1 ผ่านเข้ารอบต่อไป

 

 

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

     สโต๊ค : โธมัส โซเรนเซ่น , โรเบิร์ต ฮูธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , โจนาธาน วู้ดเกท , มาร์ค วิลสัน , ไรอัน ช็อตตัน ,ลอรี่ ดีแล็ป ,  เกล็น วีแลน , แม็ตธิว เอเธอริงตัน , เคนวีน โจนส์ , โจนาธาน วอลเตอร์ส

      สำรอง : คาร์โล แนช , ซาลิฟ ดิเยา , เจอร์เมน เพนแนนท์ , แม็ตธิว อัพสัน ,ปีเตอร์ เคราช์ , คาเมร่อน เจโรม , วิลสัน ปาลาซิออส  

     ลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า , มาร์ติน เคลลี่ , เจมี่ คาร์ราเกอร์ , เซบาสเตียน โกอาเตส , ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ลูคัส เลว่า , เจย์ สเปียริ่ง , มักซี่ โรดริเกซ , หลุยส์ ซัวเรซ , แอนดี้ แคร์โรลล์

      สำรอง : อเล็กซานเดอร์ โดนี่ , ฟาบิโอ ออเรลิโอ , เดิร์ก เคาท์ , ชาร์ลี อดัม , มาร์ติน สเคอร์เทล , จอน ฟลานาแกน , เคร็ก เบลลามี่

ผู้ตัดสิน : ลี โพรเบิร์ต