คาริม เบนเซม่า กับ โฆเซ่ กาเยฆอน ควงกันซัดคนละสองตุงช่วย "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยอดทีมเมืองกระทิง เปิดบ้านไล่อัด ดินาโม ซาเกร็บ จากโครเอเชีย แบบไม่ไว้หน้า 6-2 เก็บชัย 5 นัดซ้อนพร้อมกับคว้าแชมป์กลุ่ม ดี ทะยานเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี เมื่อคืนวันอังคารที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน 2554

เรอัล มาดริด (สเปน) 6    -    2 ดินาโม ซาเกร็บ (โครเอเชีย) 

สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

 　　เรอัล มาดริด ที่คว้าชัย 4 นัดรวดผ่านเข้ารอบไปเรียบร้อย เปิดรังต้อนรับ ดินาโม ซาเกร็บ ทีมบ๊วยตกรอบแล้วเช่นกัน โดยทีมราชันชุดขาวเลือกพักตัวหลักหลายราย รวมไปถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์โปรตุกีส

　　อย่างไรก็ดี เริ่มเกมมาได้แค่ 2 นาทีกลายเป็นทีมเรอัล ชุดผสมออกนำแต่ไก่โห่ เมซุต โอซิล เห็นช่องว่างในแนวรับจ่ายทะลุให้ คาริม เบนเซม่า หลุดเข้าไปสังหารเรียดเสียบมุมตาข่าย 1--0

　　ถัดมาได้เพียง 5 นาที สกอร์ไหลอย่างเร็ว 2-0 คราวนี้เป็น โฆเซ่ กาเยฆอน เล่นชิ่งกัน 2 คนกับ เบนเซม่า ก่อนอัดเข้าไปไม่เหลือ

　　แค่นั้นยังไม่สาแก่ใจ ให้หลังเดี๋ยวเดียว ทีมชุดขาวโกยหนีห่างไปอีกจาก ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า แทงขึ้นหน้าให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน โชว์สเต็ปโยกหลบแนวรับหักเข้าเขตโทษก่อนยกบอลข้ามนายทวาร อิวาน เคลาวา เสียบตาข่ายนิ่มๆ 3-0 เข้าให้แล้ว

　　ยังคงเป็นลูกทีม โชเซ่ มูรินโญ่ ใส่เกียร์ห้าฆ่ามันเหมือนเดิม และก็อัดเพิ่มอีก 4-0 ในนาทีที่ 20 เริ่มจาก อิกวาอิน ลากตัดเข้าซ้ายยิงไปติดเซฟ เคลาวา รับกระฉอกมาเข้าทาง โอซิล หวดซ้ำดาบสองไม่มีเหลือ จากนั้นเจ้าบ้านครองเกมเหนือกว่าเหมือนเดิม และพักครึ่งไปด้วยสกอร์นี้

　　เข้าสู่ครึ่งหลัง ราชันชุดขาว เปลี่ยนรวดเดียวสามรายถอด เซร์คิโอ รามอส, เมซุต โอซิล และ ชาบี อลอนโซ่ ออกมาพักแล้วส่ง ราอูล อัลบิโอล, ฮามิต อัลตินท็อป และ เอสเตบัน กราเนโร่ ลงมาเล่นแทน

　　อย่างไรก็ตาม แม้จะส่งสำรองลงมารวดเดียวสามราย แต่ เจ้าบ้านยังร้อนแรงไม่เลิก มาได้ประตูที่ห้าในนาทีที่ 49 เมื่อ ราฟาแอล วาราน จ่ายบอลทะลุช่องให้กับ โฆเซ่ กาเยฆอน ยิงด้วยขวาบริเวณกลางกรอบเขตโทษบอลพุ่งเสียบมุมขวาเข้าไปให้ เรอัล มาดริด ทิ้งห่าง 5-0 และเป็นประตูที่สองของ กาเยฆอน ในเกมนี้ มีลุ้นทำแฮตทริคแล้ว

　　เขยิบมานาทีที่ 59 เรอัล บดหนักแม้ว่าจะนำเยอะแล้วก็ตาม คาริม เบนเซม่า เปิดบอลให้กับ อิกวาอีน คู่ขายิงด้วยขวา แต่ อีวาน เคลาว่า นายทวารของดินาโม ซาเกร็บ ปัดทิ้งออกหลังไปได้

　　เจ้าถิ่นไม่ยอมเพลาเกมรุก ไล่โขยกต่อมาได้ประตูที่หก ในนาทีที่ 66 เมื่อ กอนซาโล่ อิกวาอีน จ่ายบอลให้กับ คาริม เบนเซม่า กระทุ้งด้วยขวาจากกลางกรอบเขตโทษ ส่งบอลเสียบมุมขวาเข้าไปให้ เรอัล มาดริด ขยี้โหดครบครึ่งโหลนำ 6-0 แล้ว

　　สามนาทีต่อมา เรอัล น่าได้ประตูที่เจ็ด กราเนโร่ ปั่นฟรีคิกด้วยขวาบอลโค้งเฉี่ยวเสาออกไปนิดเดียวเท่านั้น

　　ผ่านมา 70 นาที ดินาโม ซาเกร็บ ถึงได้ลุ้น เยอร์โก้ เลโก้ เปิดบอลให้กับ ฟาตอส เบกิราจ ยิงด้วยขวามุมแคบ แต่ ราอูล อัลบิโอล ตามมาบล็อคออกหลังไปได้

　　ซาเกร็บมาได้ประตูประตูปลอบใจท้ายเกมสองเม็ดรวดนาทีที่ 81 และ 90 จาก ฟาตอส เบกิราย และ  อิวาน โทเมชัค แต่ก็ได้เท่านั้นจบเกม เรอัล มาดริด เปิดบ้านปูพรมถล่ม ดินาโม ซาเกร็บ ไปเบ็ดเสร็จ 6-2 เก็บชัย 5 นัดซ้อนพร้อมกับคว้าแชมป์กลุ่ม ดี ทะยานเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ ส่วน ดินาโม ซาเกร็บ แพ้รวด 5 นัด ตกรอบไปแล้ว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

　　  เรอัล มาดริด : อันโตนิโอ อาดาน - ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า, ราฟาแอล วาราน, เซร์คิโอ รามอส, ฟาบิโอ โกเอนเตรา - ชาบี อลอนโซ่, นูรี ซาฮิน - โฆเซ่ กาเยฆอน, เมซุต โอซิล, คาริม เบนเซม่า - กอนซาโล่ อิกวาอิน

　　สำรอง : อีเกร์ กาซียาส, เปเป้, ซามี่ เคดิร่า, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เอสเตบัน กราเนโร่, ฮามิต อัลตินท็อป, ราอูล อัลบิโอล

　　ดินาโม ซาเกร็บ : อิวาน เคลาวา - เลอันโดร กูเฟร, โดมากอย วิดด้า, โตเนล, หลุยส์ อีบันเญซ - อาเดรียน กาเลโย่ - มาเตโอ โควาซิช, มิลาน บาเดลจ์, ซามเมียร์, เมห์เหม็ด อาลิสปาฮิช - ฟาตอส เบกิราย

　　สำรอง : ฟิลิป ลอนชาริช, อาริยัน อาเดมี่, เยอร์โก้ เลโก้, อิวาน โทเมชัค, นิโกล่า โพคริวัช, อันเต้ รูคาวิน่า, อิวาน เคิร์สตาโนวิช

      ผู้ตัดสิน : อลัน เคลลี่ (ไอร์แลนด์)