''จันทร์จวง ดวงจันทร์'' น้องสาวอดีตราชินีลูกทุ่ง ''พุ่มพวง ดวงจันทร์'' งง! ถูกเซียนพระแจ้งจับกล่าวหาพาสามีและพวกอุ้มรีดหนี้ ยันไม่เป็นเรื่องโอละพ่อ เผยเป็นโสด ''เลิศ สุพรรณ'' เป็นแค่เพื่อนพี่ชายที่สนิท เตรียมปรึกษากันเพื่อเคลียร์เรื่องดังกล่าว ลั่นใครกล่าวหาจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

    จากกรณี นายพิสิษฐ์ นวพรลักษมี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2 ม.4 แขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กทม. อาชีพเซียนพระบนห้างพันธุ์ทิพย์ ได้แจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ คดีที่ตนเองถูกบุคคล 6 คนอุ้มตัวจากบริเวณลานจอดรถชั้น 1 ห้างพันธุ์ทิพย์ สาขางามวงศ์วาน และบังคับเอาพระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่ราคากว่า 16.5 ล้านบาทไป ก่อนที่จะปล่อยตนเองกลับมา
    

    ทั้งนี้ นายพิสิษฐ์ อ้างว่า ถูก นายณรงเวทย์ สมจิตร์ อายุ 22 ปี ลูกน้องของ นายชัยโรจน์ กาญจนศิลาโรจน์ หรือ เลิศ สุพรรณ ฉายาในวงการพระเครื่อง เดินเข้ามาประกบขณะที่ตนกำลังจะเดินขึ้นไปที่ศูนย์พระบนห้างดังกล่าว พร้อมบอกให้ตนไปเคลียร์ธุระกับพี่เลิศที่รถ ก่อนจะดึงตนไปที่รถ โดยมีชายฉกรรจ์แต่งชุดซาฟารีสีดำยืนอยู่ที่ข้างรถจำนวน 3 คน ทั้งนี้นายพิสิษฐ์ได้อ้างว่า เห็น นางสาวอภินท์พร มงคลศิลาโรจน์ หรือ ''ไก่'' จันทร์จวง ดวงจันทร์ อายุ 42 ปี อดีตนักร้องลูกทุ่งเจ้าของเพลง ''แต่งงานกันเถอะ'' ซึ่งเป็นน้องสาวอดีตราชินีเพลงลูกทุ่งชื่อดัง ''พุ่มพวง ดวงจันทร์'' ซึ่งนายพิสิษฐ์บอกว่า เป็นสาวคนสนิทของนายเลิศนั่งอยู่บนรถด้วย
    

    ก่อนที่นายเลิศจะลงจากรถมาพร้อมบอกให้ตนขึ้นรถไปเคลียร์ธุระหนี้สินกันในรถ โดยชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คนได้บังคับให้ตนเองนั่งตรงกลางด้านหลังคนขับ และนั่งประกบหน้าหลังก่อนขับรถออกไปทางแยกพงษ์เพชรมุ่งหน้าถนนแจ้งวัฒนะ จากนั้นนายพิสิษฐ์อ้างว่า นายเลิศได้พูดข่มขู่ตนเรื่องที่ตนจ่ายเช็คให้เพื่อใช้หนี้ แต่เช็คไม่สามารถไปขึ้นเงินได้ ตนจึงพูดขอร้องว่าขอเวลาตนอีกสักหน่อย ตนจะเคลียร์เงินให้ในวันนี้อยู่แล้วไม่ได้คิดจะเบี้ยว แต่ชายฉกรรจ์ดังกล่าวพูดว่า ไม่ได้นายไม่ยอม จะเอาเงินวันนี้ ด้วยความกลัวตนจึงบอกว่า ให้พาตนกลับไปที่ห้างตนจะขึ้นไปเอาพระสมเด็จวัดระฆังที่ร้านจำนวน 2 องค์ไปปล่อย ซึ่งถ้าปล่อยได้จะหักลบแล้วเหลือเงินอีก 2.5 ล้าน บาท
    

    เมื่อได้เงินแล้วตนจะนำเงินไปไถ่พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ใหญ่ที่จำนำไว้กับเพื่อนในราคา2.5 ล้านบาท แต่ราคาพระถ้าเอาไปปล่อยจะได้สูงถึงกว่า 16 ล้านบาท ทั้งหมดจึงยอมพาตนกลับไปที่ห้างอีกครั้งโดยได้เดินล็อกแขนประกบตลอดเวลา ไม่ให้หนีหรือร้องขอความช่วยเหลือ จนเมื่อตนขายพระได้แล้วกลุ่มชายฉกรรจ์จึงพามาขึ้นรถก่อนที่จะให้ตนพาไปที่บ้านเพื่อนเพื่อไถ่พระสมเด็จบางขุนพรหมที่ กทม. เมื่อไปถึงที่บ้านเพื่อนของตนแล้ว นายเลิศซึ่งเป็นเซียนพระเหมือนกัน ได้ตามลงจากรถไป พร้อมดูพระสมเด็จวัดระฆัง ก่อนที่จะเอาพระองค์ดังกล่าวไปและกลับไปขึ้นรถขับออกไป
    

    ตนเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว เพราะคิดว่าหักหนี้ที่ติดค้างกัน แต่ปรากฏเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ชายชุดดังกล่าวได้มาที่ห้างอีกครั้ง พร้อมทั้งเข้ามาล็อกแขนตนพร้อมบอกว่า ให้ออกมาคุยกันหน่อย ด้วยความกลัวที่จะถูกทำร้ายตนจึงได้สะบัดแขน ก่อนวิ่งหนีไปพร้อมร้องให้คนช่วยเหลือ ทำให้ชายฉกรรจ์ทั้ง 3 รีบวิ่งหลบหนีไป ตนจึงรีบมาแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
    

    ช่วงเย็นวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง จันทร์จวง ดวงจันทร์ ว่าเรื่องนี้จริงเท็จประการใด ก็ได้รับการเปิดเผยว่า ตนรู้สึกงงกับข่าวที่ออกมามาก ตอนนี้ขอปรึกษากับคนอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาด้วยกันก่อนว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร อีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องโอละพ่อ หากใครมากล่าวหาตนก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
    

    ''เข้าใจผิดน่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันกับพี่คนที่โดนแจ้งความด้วยกัน อยากจะรู้เรื่องมันเป็นยังไงเหมือนกัน งงมากอยู่ดีๆ ก็มีข่าวออกมา คือคนที่เขาหาว่าเป็นสามีพี่เนี่ย เขาสนิทกับพี่ชายพี่ที่เสียไปแล้ว คือดิฉันไม่มีสามีนะคะ ดิฉันเป็นโสดคนอยู่กับสุนัขตัวหนึ่งที่คอนโดค่ะ ก็ไม่รู้อะไรยังไง เดี๋ยวขอปรึกษากันก่อนว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี แล้วไปเขียนขึ้นหัวกันว่า น้องสาวพุ่มพวง มันน่าฟังน่าอ่านไง เออ เราก็ไม่ได้ทำอะไร มาโยนผิดให้เราเฉยเลย เรื่องของเรื่อง มีปัญหาอะไรกับพี่หรือเปล่า มันมีการเต้าข่าวอะไรกันขึ้นมาไหม คือใครมากล่าวหาเนี่ย จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมมันโอละพ่อแบบนี้ ผู้หญิงจะไปอุ้มผู้ชายเนี่ยนะ เดี๋ยวขอปรึกษาก่อนแล้วกันค่ะว่ายังไง ไว้ค่อยมาคุยกันอีกทีหนึ่งว่า ตกลงแล้วเราจะเคลียร์เรื่องนี้กับอีกฝ่ายยังไงดี ตอนนี้แม่ยังไม่รู้เรื่องเลย เอาจริงๆ นะหากแม่รู้ช็อกขึ้นมาทำไงล่ะ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลย ถ้าทำแม่พี่เป็นอะไรขึ้นมา'' ''ไก่-จันทร์จวง'' กล่าวด้วยอารมณ์ทิ้งท้าย