''จันทร์จวง ดวงจันทร์'' วอนสื่อช่วยแก้ข่าว กรณีมีชื่อถูกออกหมายจับในคดีอุ้มเสี่ยอะไหล่รถยนต์ไปรีดทรัพย์ ยันคนที่ลงในภาพข่าวไม่ใช่ตนเอง รับข่าวส่งผลกระทบงานและต้นสังกัด ปัดออกความคิดเห็นกับคดีที่เกิดขึ้น

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 24 พ.ย.54  นางสาวกฤตภัค จิตร์หาญ หรือ จันทร์จวง ดวงจันทร์ อายุ 40 ปี น้องสาวราชินีเพลงลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ พร้อมด้วย นายสุชิน ควรสงวน อายุ 59 ปี เจ้าของบริษัทอีกแล้วครับท่าน และทนายความเข้าพบ พ.ต.ท.ปัญญา ไอยราคม พนักงานสอบสวนสบ.3 สภ.เมืองนนทบุรี สาขาย่อยรัตนาธิเบศร์ เพื่อสอบถามเรื่องคดีความที่เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ที่ระบุว่า ตนถูกออกหมายจับในคดีอุ้มเสี่ยอะไหล่รถยนต์ไปรีดทรัพย์นานกว่า 1 ชม.
        
นางสาวกฤตภัค กล่าวว่า ตนนั้นไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน ที่ต้องเดิน ทางมาพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนี้ เนื่องจากข่าวที่ออกไปนั้น มีการพาดพิงว่า ตนมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งความจริงตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ที่ทราบเพราะมีนักข่าวท่านหนึ่งโทร.ไปสอบถามว่าตนนั้นมีคดีถูกหมายจับกักขังหน่วงเหนี่ยว ซึ่งตนก็ปฏิเสธไปว่าไม่ทราบเรื่อง
 
''ดิฉันขอยืนยันตรงนี้เลยว่าไม่มีส่วนรู้เรื่องแต่อย่างใด และรูปที่ลงไปนั้นไม่ใช่ดิฉันอย่างแน่นอน แต่ไม่ขอพูดว่าเป็นใคร เพราะคิดว่าพี่สื่อมวลชนทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าเป็นการเข้าใจผิด ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้ไม่ทราบเรื่องอะไรมาก่อนเลย ก็มีพี่นักข่าวโทร.ไปถามว่าอยู่ดีๆ ก็มีตำรวจจ.นนทบุรี ออกหมายจับ คุณจันทร์จวง ว่าคุณไปกักขังหน่วงเหนี่ยวเซียนพระอะไรสักอย่างนึง ซึ่งเราก็บอกว่าไม่ทราบเรื่องเลย ตอนนั้นก็งงกับข่าว มันดูยิ่งใหญ่ ใหญ่โตร้ายแรงมาก ไปร่วมขบวนการเหมือนแก๊งอุ้มฆ่า ก็ดูงง แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมากมาย ก็คิดว่าคงจะผิดพลาดอะไรสักอย่างนึง คือจริงๆ แล้วหนูว่าเรื่องนี้มันต้องมีที่มาไม่อย่างนั้นสื่อไม่กล้าลงหรอก เพราะตั้งแต่พี่ผึ้งเสียแล้วตัวเองร้องเพลงมาถึงปัจจุบันเนี่ย สื่อก็น่าจะพอเคยเห็นหน้าหนูบ้างว่าคนไหนเป็นใครยังไง แต่
ณ ตอนนี้ข่าวก็ยังลงเป็นจันทร์จวงอยู่เลย ทั้งที่คนที่เขามามอบตัวเป็นอีกคนนึง ซึ่งหนูเองหนูก็ไม่เข้าใจว่าตอนนี้สื่อเขาหาความจริงอยู่หรือเปล่าหรือเขาลงข่าวแบบตามน้ำที่มันออกมาอยู่ทุกวัน''
 
นอกจากนี้นักร้องสาวยังได้กล่าวต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องตนยังไม่ได้คุยกับพี่สาวที่ตกเป็นผู้ต้องหา เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของตน ตนจึงต้องออกมาถามทุกคนว่าทำไมถึงเกิดกรณีที่ลงชื่อตนผิดขึ้นมา อีกอย่างตนเชื่อว่าพี่สาวของตนเมื่อต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาคงไม่มีอารมณ์ที่จะมาชี้แจงว่าใครเป็นใคร ข่าวที่ออกไปทำให้ตนเองกับบริษัทต้นสังกัดได้รับความเสียหาย เนื่องจากตนเองกำลังจะออกอัลบั้มเพลงลูกทุ่งชุดใหม่ปลายปีนี้
 
''หนูคงจะไม่มีการฟ้องร้องใคร ฟ้องร้องสื่อก็คงไม่ใช่ อยู่ดีๆ สื่อก็คงไม่อยากมาทำร้ายเรา เพราะเราไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ว่าหนูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ หนูถึงมาอยู่ ณ ตรงนี้ให้สื่อได้ถาม หนูนั้นยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวไม่ทราบกับเรื่องที่เกิดขึ้น ขอร้องสื่อว่าให้ช่วยลงแก้ให้หน่อย เพราะมันส่งผลกระทบกับงานของหนูด้วยผลงานที่ใกล้จะออกปลายปี ทางต้นสังกัดเองก็เดือดร้อน เพราะกำลังทำเพลงอยู่ ก็ช่วยลงแก้ให้หนูหน่อยค่ะ''
 
ด้าน นายสุชิน ควรสงวน เจ้าของค่ายเพลง ''อีกแล้วครับท่าน'' กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า
 
''คือเรื่องทั้งหมดที่ลงหนังสือพิมพ์ในทุกฉบับเนี่ย มันไม่ได้ลงมาจากสาขาบันเทิง เป็นสายอาชญากรรม ก็เลยอาจไม่รู้ว่า จันทร์จวง ดวงจันทร์ เนี่ย หน้าตาเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นในเมื่อมันเกิดการเข้าใจผิด เราก็อยากให้ทางสื่อแก้ข่าวให้ และในฐานะที่ผมมากับเขา ถ้าเขาทำผิดผมไม่มาหรอกครับ แต่ถ้ามันเป็นลักษณะตรงนี้มาแล้ว ก็เลยต้องออกมาทวงสิทธิ์ สิทธิอันชอบธรรมให้กับน้องมัน เพราะชื่อเสียงของ ''จันทร์จวง  ดวงจันทร์'' ไม่ใช่ชื่อที่จับสลากได้หรือว่าซื้อมา มันได้มาด้วยความศรัทธา ความรักของประชาชนเป็นผู้ให้ กับลักษณะข่าวที่ออกมาผมเชื่อมั่นว่า ประชาชนจะเข้าใจ ''จันทร์จวง ดวงจันทร์'' ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ เรื่องอย่างนี้อ่อนไหวง่ายมาก ผมห่วงตรงนี้มากกว่า ผมไม่ได้อยากมากระทบสื่อ หรือแจ้งความอะไร ผมไม่พึงปรารถนา วันนี้ที่มาสถานีตำรวจก็เพราะว่าหากมีชื่อ ''จันทร์จวง  ดวงจันทร์'' ในใบแจ้งความ ผมแจ้งความกลับแน่นอน แต่ดูแล้วมันไม่มี ทางออกที่ดีที่สุด และเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พี่ก็อยากจะขอให้เอาชื่อคืนน้องเขาไป ให้ประชาชนเข้าใจ ให้กลับมารักมาศรัทธาเขาเหมือนเดิม แค่นั้นครับ''
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นางสาวกฤตภัคกล่าวให้สัมภาษณ์เสร็จก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดการเข้าใจผิด ก่อนจะรีบเดินทางกลับ
 
สำหรับผู้ต้องหาในคดีที่ไปมอบตัวเมื่อวันที่ 23 พ.ย.54 ที่ผ่านมา คือ น.ส.อภิณห์พร มงคลศิลาโรจน์ หรือ อรพิน จิตร์หาญ หรือ สลักจิตร ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นน้องสาวของจันทร์จวง ดวงจันทร์