แม็ตธิว เอเธอริงตัน แข้งเข้าฝักซัดคนเดียวสองตุงช่วย "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี้ เปิดบ้านไล่ต้อนเก็บชัยเหนือ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ไปแบบเฉียดฉิว 2-1 รับสามแต้มเต็มพร้อมขยับอันดับขึ้นไปอยู่ที่ 8 ของตาราง ขณะที่ สเปอร์ส รั้งที่ 3 ตามเดิม เกมนี้ สเปอร์ส เหลือผู้เล่น 10 คนโดย ยูเนส กาบูล ถูกสองใบเหลืองกลายเป็นใบแดง ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีกอังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม 2554

สโต๊ค ซิตี้  2     -     1  สเปอร์ส

สนาม : บริทานเนีย สเตเดี้ยม

        สโตัค ซิตี้ ที่เริ่มกลับมาเก็บชัยได้อีกครั้งเปิดรังบริทานเนีย สเตเดี้ยมรังการมาเยือนของ สเปอร์ ที่ชนะมา 6 นัดติดต่อกันจนเทียบเท่าประวัติศาสตร์ของสโมสร และหากเกมนี้ชนะได้จะสร้างสถิติใหม่ เกมนี้เจ้าบ้านได้ โธมัส โซเรนเซ่น กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้งหลังจากที่มีปัญหาที่ศีรษะในเกมที่ และพูลิส ยังส่ง ปีเตอร์ เคร้าช์ หอกร่างโย่งลงชนทีมเก่าของตัวเองอีกด้วย

        ฟากทีมเยือนที่กำลังคึกนัดนี้ แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ ได้ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กลับมาเป็นตัวจริงและดร็อป เจอร์เมน เดโฟ ไว้ข้างสนามส่วนที่เหลือเป็นชุดเดียวกับเกมถล่มโบลตัน นำโดยสามประสาน ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

        เริ่มเกมขึ้นมาไม่ถึงนาทีเจ้าบ้านได้ลุ้นก่อนอย่างรวดเร็ว จากลูกทุ่มไกลของ ช็อตตัน ที่ทุ่มไปถึงกรอบเขตโทษ แต่ติดหัว เอก็อตโต้ โหม่งทิ้งไปเข้าทางปืนของ เอเธอรืงตัน วอลเล่ย์ ด้วยขวาแต่ติดเซฟของ ฟรีเดล บอลยังไปเข้าทาง วอลเตอร์ส แต่ยิงบอลออกหลังไป

        นาทีที่ 13 เป็น สโต๊ค ซิตี้ ที่ได้ประตูออกนำไปก่อนจากจังหวะที่ ช็อตตัน ได้โยนบอลจากริมเส้นฝั่งขวา บอลแฉลบ เอก็อตโต้ บอลลอยโด่งเข้าเขตโทษให้ วอลเตอร์ส โหม่งเช็ดต่อให้ เคร้าช์ หลุดเข้าไปหาจังหวะยิงก่อนที่จะปาดเข้ากลางให้ แม็ตธิว เอเธอริ่งตัน วิ่งเข้ามาซัดตุงตาข่าย เจ้าถิ่นนำ 1-0

        สเปอร์ส มาได้ลุ้นประตูตีเสมอในนาทีที่ 24 จากลุกยิงไกลของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท แต่โธมัส โซเรนเซ่น ยังเซฟเอาไว้ได้ไม่พลาด

        ก่อนที่ทีมเยือนจะมาได้ลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 31 จากลูกยิงไกลของ ลูก้า โมดริช แต่ก้เหมือนเดิมคือ โซเรนเซ่น ยังพุ่งไปปัดออกหลังได้ทัน

        เกมยังคงสุสีกันกระทั่งนาทีที่ 43 สโต๊ค ซิตี้มาได้ประตูหนีไปเป็น 2-0 จากลูกทุ่มของช็อตตัน อีกครั้งที่คราวนี้ทุ่มไปให้ วอลเตอร์ส โหม่งเช็คต่อไปที่เสาไกลให้ แม็ตธิว เอเธอริงตัน สอดเข้ามายิงด้วยซ้ายแป็กๆแต่ยังดีที่บอลลอยข้ามหัว ฟรีเดล เข้าไปทางเสาไกล ทำให้ครึ่งแรก สโต๊ค ซิตี้ นำห่าง สเปอร์ส 2-0


     ครึ่งหลังทีมเยือนแก้เกมทันทีโดยเปลี่ยนเดโฟกับเซบาสเตียน บาสซงลงสนามแทนเลนน่อนกับเอก็อตโต้

     แม้จะลุยหนัก แต่กว่าจะมีลุ้นสเปอร์สก็ต้องรอจนกระทั่งนาทีที่ 61 เมื่อไคล วอล์คเกอร์เติมเกมขึ้นไปสาดบอลยาวทางกราบขวาแล้วบอลไปกระทบวู้ดเกทที่เสาไกล หลุดออกหลังชนิดเกือบเป็นการสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง

 อย่างไรก็ดี นาทีต่อมาโมดริชอาศัยการลากบอลเข้าเขตโทษแล้วทิ้งตัวล้มในจังหวะที่เกล็น วีแลนเข้าแหย่ขาดักแต่ชักเท้ากลับแล้ว และผู้ตัดสินเป่าให้เป็นลูกโทษ อเดบายอร์จึงรับหน้าที่สังหารตีไข่แตกให้ทีมตราไก่ไล่มา 1-2

  เกมตกเป็นของทีมเยือนแล้ว และนาทีที่ 65 พาร์เกอร์ก็ควบบอลขึ้นมากระทุ้งจาก 23 หลา ดีที่ว่าโซเรนเซ่นกระโดดปัดพ้นคานได้สำเร็จ

จากนั้นในนาทีที่ 67 ยูเนส กาบูลก็โดนจดชื่อข้อหาโวยการเป่านกหวีดของสิงห์เชิ้ตดำ แต่นาทีที่ 74 โมดริชได้กดจากหน้าเขตโทษด้านซ้ายถูกโซเรนเซ่นทิ้งตัวปัดได้

 เท่านั้นไม่พอ นาทีต่อมากาบูลบุกขึ้นไปโยนบอลจากเส้นหลังด้านขวาแล้วถูกข้อศอกไรอัน ชอว์ครอสส์ที่คุมเส้นอยู่  แต่สโต๊ครอดพ้นจากการเสียลูกโทษก่อนที่อเดบายอร์จะได้ซ้ำลูกยิงจาก 18 หลาตุงตาข่าย แต่เป็นลูกล้ำหน้า

  สเปอร์สยังคงโหมบุกอย่างหนักและครองเกมไว้ได้เกือบทั้งหมดจวบจน 10 นาทีสุดท้าย สเปอร์สเกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวที่ เบล กระชากริมเส้นแล้วผ่านเข้าไปในเขตโทษ สโต๊ก เป็น อเดบายอร์ ที่พยายามเข้ายิงแต่ไม่ถึงบอลเลยออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 82 สเปอร์สที่กำลังครองเกมได้ดีต้องมาเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ สโต๊ค ได้จังหวะโต้กลับเร็ว โจนาธาน วอลเตอร์ส หลุดกับดักล้ำหน้าแต่ ยูเนส กาบูล กองหลังทีมเยือนใช้มือรั้งฟาวน์กรรมการชักใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดงไล่ ออกจากสนาม

 นาทีที่ 85 ช่างปั้นหม้อที่ได้เปรียบตัวผู้เล่นเกือบได้ประตูขึ้นนำห่างจากการขึ้นโหม่ง จากลูกเตะมุมแต่บอบพุ่งไปชนคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

นาทีที่ 88 สเปอร์สตัดสินใจถอด ราฟาเอล ฟานเดอร์ ฟาร์ท ที่ทำผลงานได้ไม่เด่นออกและส่ง โจวานนี่ ดอส ซานโตส ลงมาแทน และทางฝั่งเจ้าบ้านก็เปลี่ยนผู้เล่นเช่นกันโดยเปลี่ยน แม็ตธิว เอเธอริงตัน ผู้ซัดสองประตูออกและส่ง วิลสัน ปาลาซิออส ลงมาแทน

 เกมนี้ทดเวลาบาดเจ็บถึง 5 นาทีเนื่องจากมีจังหวะหยุดจากการทำฟาวน์หลายครั้งของทั้งสองทีม และ พาร์คเกอร์ ถูกอีกหนึ่งเหลืองจากการเข้าสะกัดฟาวน์ใส่ ปีเตอร์ เคร้าช์ ดาวยิงร่างโย่งของเจ้าถิ่น

 ช่วงเวลาที่เหลือยังเป็นสเปอร์สที่ลุยหนัก แต่ก็ไม่อาจตีเสมอได้ จบเกมช่างปั้นหม้อจึงคว้าช้ยไปด้วยสกอร์ 2-1 รับสามแต้มเต็มพร้อมขยับอันดับขึ้นไปอยู่ที่ 8 ของตาราง ขณะที่ สเปอร์ส รั้งที่ 3 ตามเดิม

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

  สโต๊ค ซิตี้ : โธมัส โซเรนเซ่น, โรเบิร์ต ฮูธ, โจนาธาน วู้ดเกต, ไรอัน ชอว์ครอสส์, มาร์ค วิลสัน, ไรอัน ช็อตตัน, เกล็นน์ วีแลน, ดีน ไวท์เฮด, แม็ตธิว เอเธอริงตัน, โจนาธาน วอลเตอร์ส, ปีเตอร์ เคร้าช์

     สำรอง : อัสเมียร์ เบโกวิช, เคนวีน โจนส์, ริคาร์โด้ ฟลูเลอร์, แม็ตธิว อัพสัน, รอรี่ ดีแล็ป, คาเมรอน เจอโรม, วิลสัน ปาลาซิออส

 สเปอร์ส : แบร็ด ฟรีเดล, ไคล์ วอลเกอร์, ยูเนส กาบูล, วิลเลี่ยม กัลลาส, เบอนัวต์ อัสซู-เอก็อตโต้, อารอน เลนน่อน, สกอตต์ พาร์คเกอร์, ลูก้า โมดริช, แกเร็ธ เบล, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์

     สำรอง : เอลเรโญ่ โกเมส, โจวานนี่ ดอส ซานโตส, เจอร์เมน เดโฟ, เซบาสเตียน บาสซง, เวดราน ชอร์ลูก้า, ซานโดร, สตีเว่น พีนาร์