''โย-ยศวดี'' เผยพี่สาวเตรียมขึ้นศาลไกล่เกลี่ยไฮโซหนุ่ม ''เติ้ล-คมกริช'' เพื่อให้รับรอง ''น้องเอวี่'' เป็นบุตร วันที่ 29 มี.ค. นี้ ปัดฟ้องร้องเพราะอยากได้สมบัติ ลั่นแค่อยากให้เด็กรู้ว่าใครเป็นพ่อ ยินดีตรวจดีเอ็นเอ มั่นใจชนะแน่นอน ด้าน ''เอ-อัญชลี'' ร่ำไห้ผ่านรายการดังวอนพ่อของลูกออกมารับผิดชอบบ้างเพราะไม่อยากให้เด็กมีปมด้อย

    ยังคงเดินหน้าไม่หยุดกับความพยายามของนางแบบสาว ''โย'' ยศวดี หัสดีวิจิตร ที่ต้องการช่วยพี่สาว ''เอ-อัญชลี'' ซึ่งมีลูกสาวคือ ''น้องเอวี่'' ที่เกิดกับอดีตแฟนหนุ่มเจ้าของรีสอร์ตหรูแห่งเกาะพะงัน นามว่า ''เติ้ล- คมกริช'' แต่ฝ่ายชายไม่ยอมรับเป็นพ่อ โดยล่าสุดมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล งานนี้สาวโยบอกว่า ไม่ได้ต้องการเรียกร้องทรัพย์สมบัติอะไรจากฝ่ายชาย แค่อยากให้หลานของตนรู้ว่าพ่อของเขาคือใครก็เท่านั้นเอง
    

    ''ต้องแจกแจงก่อนว่าก่อนหน้านี้มีการฟ้องร้องในเรื่องของการรับบุตร อย่าเรียกว่าฟ้องร้องอะไรเลย เหมือนกับยื่นศาลไปให้เขามารับรองความเป็นบุตรให้มีชื่อคุณพ่ออยู่ในทะเบียนเกิดเท่านั้นเองค่ะ แต่ทางเขาก็ยังไม่ยอมแล้วก็ส่งทนายมาโต้ตอบเราให้รูปแบบต่างๆ นะคะ เราก็รอแล้ว รออีก แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนท้ายที่สุดคำสั่งศาลออกมาบังคับให้ผู้ชายมาไกล่เกลี่ยกับเรา เพราะเนื่องจากว่าเขาไม่เคยโผล่หน้ามาเลย ที่ทราบล่าสุดคือเขากำลังจะแต่งงานเดือน พ.ค. นี้ ก็เลยอยากจะจัดการอะไรให้ถูกต้องก่อนที่สถานภาพเขาจะเปลี่ยนและอะไรก็จะตามมาอีกเยอะมาก ซึ่งวันที่ 29 มี.ค. นี้ จะนัดไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย ทางเราอะไร ขออย่าให้เด็กมีปัญหาในตอนโต อย่าให้ใครมาถามว่าใครเป็นพ่อเขา อยากให้เขารับรองบุตรแล้วก็จบ ต่างคนต่างใช้ชีวิตกัน ไม่ต้องมาอยู่ด้วยกันก็ได้''
    

    ส่วนเรื่องค่าเลี้ยงดูนั้น โย บอกว่า ทางฝ่ายชายบอกจะให้เดือนละ 1 หมื่นบาท แต่ตนบอกว่าถ้าให้แค่นั้น ตนไม่เอาก็ได้เพราะหาได้มากกว่านั้น
    

    ''อันนี้เขาให้ทนายเสนอมาว่าเขาจะช่วยเหลือในการเลี้ยงดูบุตร โดยให้เดือนละ 1 หมื่นบาท เราก็บอกว่าไม่เป็นไรก็ได้นะ คือเราหาได้มากกว่านี้อีกน่ะ ถ้าไม่ได้ดูแลในเรื่องการศึกษาจริงๆ เราก็ดูแลได้ คือเราเสียใจตรงที่ว่าผ่านมาหลายปีแต่เขาก็ไม่เคยโผล่หน้าและไม่เคยติดต่อกลับมาเลย ซึ่งมันไม่น่าเชื่อ ถึงขนาดตอนนี้เอวี่โตพูดรู้เรื่องแล้ว เขาก็ยังไม่เคยมา''
    

    ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ฝ่ายชายยอมรับหรือยังว่าเป็นพ่อของน้องเอวี่ เรื่องนี้ โยเผยว่า
     

    ''ในคำให้การเขาปฏิเสธทุกอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่าถ้าเขาเป็นพ่อจริงๆ ก็จะให้การดูแลด้วยการให้เงินเดือนละ 1 หมื่นบาท ฉะนั้น ศาลก็บังคับว่าให้ตรวจดีเอ็นเอ ในวันที่ 29 มี.ค. นี้ เราก็จะรู้ทุกอย่างว่าต้องอย่างไรบ้าง พูดตรงๆ นะว่าเราก็แค้นแต่ไม่อยากทำอะไร อยากให้จบตรงที่มารับรองว่าเป็นพ่อ แล้วก็มันใจว่า เราชนะอยู่แล้ว แต่เราไม่ได้ต้องการอะไรแค่ต้องการความถูกต้องเท่านั้นเอง''
    

    เมื่อถามว่าสภาพจิตใจของ ''เอ-อัญชลี'' ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เรื่องนี้ นางแบบสาวกล่าวว่า
    

    ''เขาก็เก็บตัวหลังจากทราบข่าวว่าผู้ชายกำลังแต่งงาน เพราะพี่เอเพิ่งทราบเมื่อไม่กี่วัน เขาก็เสียใจนี่อาจจะเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้ผู้ชายหายหน้าไป 2 ปี อีกอย่างเจ้าสาวเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันกับพี่เอแต่ก็ไม่ได้สนิทมาก แต่ทางฝ่ายเจ้าสาวทราบเรื่องเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แปลกนะที่พี่เอก็ไม่ได้โกรธอะไรเพราะเขาค่อนข้างใจเย็นมาก มองว่าตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือเอวี่ ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวของเขา''
    

    จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามว่า มีกระแสเม้าท์ว่าเราฟ้องร้องเพราะอยากได้สมบัติ ตรงนี้รู้สึกอย่างไร เรื่องนี้ โย กล่าวว่า
    

    ''เขาจะให้เราไหมล่ะ อย่าว่าแต่ไปฟ้องเลย ฆ่ากันให้ตายข้างนึงเขาก็ไม่ให้ สมบัติเราไม่อยากได้หรอกค่ะ แต่มารับรองเป็นบุตรก็พอแล้ว ให้รู้ว่าพ่อเอวี่ชื่ออะไร มากจากไหน ถ้าเขาจะฟ้องกลับอะไร เราก็อยากให้เขาทำนะ จะได้รู้กันไปเลยว่าเป็นพ่อหรือไม่ แต่เขาก็ไม่ทำนี่คะ''
    

    จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่อง ที่โย โพสต์ภาพในอินสตาแกรมกับผู้ชายคนใหม่นั้น สาวโยบอกว่าเป็นเพื่อนที่กำลังศึกษากัน หากมีอะไรพัฒนามากกว่านี้ตนจะบอก
    

    ''เป็นเพื่อนค่ะ ยังไม่มีอะไรมากกว่านั้น ก็คุยๆ กันค่ะ อายุป่านนี้แล้วเนอะ แต่เขาอายุน้อยกว่าเรา ใช้เวลาศึกษา อย่างที่บอกว่าจริงๆ เป็นเพื่อนกันมานานมาก แต่เราก็ลองศึกษาอะไรกันที่มันมากขึ้น แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ณ ตอนนี้ ก็คุยกับเขาคนเดียวถามว่าพิเศษไหม โอ๊ย ไม่บอกค่ะ เอาว่าเป็นเพื่อน ถ้ามีอะไรมากกว่านี้ก็รู้กันเอง ส่วนใหญ่ไม่ได้ปิดนะเวลาไปไหนมาไหน ปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า วาเลนไทน์ปีนี้ก็ดีกว่าปีนี้แล้ว ปีที่แล้วเหงานิดหนึ่ง'' โยกล่าว
    

    ขณะเดียวกันทางด้านพี่สาว ''เอ'' อัญชลี หัสดีวิจิตร ก็ได้ไปออกรายการ ''เจาะข่าวเด่น'' ทางช่อง 3 โดยมี ''สรยุทธ สุทัศนะจินดา'' เป็นผู้ดำเนินรายการและสัมภาษณ์นางแบบสาว ''เอ-อัญชลี'' เกี่ยวกับกรณีเรื่องราวที่จะมีการเตรียมฟ้องร้องนั้น ซึ่งนางแบบสาว ''เอ-อัญชลี'' ก็ได้เล่าถึงที่มาที่ไปถึงสาเหตุ ก่อนจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว ปล่อยโฮออกมาผ่านหน้าจอทีวีทันที
    

    ''อยู่ด้วยกันค่ะ เราก็ยังดูแลกัน แต่เค้าต้องกลับไปดูแลกิจการที่ภาคใต้ทุกอาทิตย์ จนกระทั่งผ่านไป 3 วันเค้าก็โทร.ขึ้นมาบอกว่าคิดถึงลูกนะ (สะอื้น) ตอนบ่ายเค้าก็เดินจากไป ตอนนั้นท้องจะ 4 เดือนแล้ว เราก็ไม่รู้จะทำยังไงค่ะ เราก็ลูกผู้หญิงนะ ก็บอกเค้าว่าไม่เป็นไรเราเลี้ยงลูกเราได้ แต่ก็คิด ว่าเค้าต้องกลับมาคุยกัน แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้เค้าไม่ติดต่อกลับมาเลยค่ะ (สะอื้น) เจอหน้าก็วิ่งหนี''
    

    ''เออยากเจอเค้านะเพราะอยากให้เค้าไตร่ตรองในสิ่งที่เค้าเคยพูด เคยรับปากกับเราไว้ว่าเค้าจะทำให้ดีที่สุดแล้วเราจะช่วยกันดูแล และจะไม่มีวันทิ้งลูกไป คือทิ้งเอไปไม่เป็นไรนะ (ร้องไห้) จนถึงวันนี้ก็อยากให้เค้าทำอะไรให้ถูกต้องกับลูกของเราบ้าง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเอเลย ทุกวันนี้เวลาติดต่อก็จะผ่านทนายค่ะ เอก็คุยกับทนายว่าอยากจะให้เค้ามาจดรับรองบุตร แล้วเรื่องสมบัติของเค้าเอไม่ได้ต้องการนะ เพราะเอก็กลัวจะมีเรื่องว่าพอเป็นนามสกุลเดียวกันแล้วจะมามีเรื่องสมบัติอะไรเข้ามา ประเด็นของเอคือเอเป็นแม่ เอต้องการให้ลูกมีชื่อพ่อที่ถูกต้อง ส่วนที่เค้าจะมาช่วยเลี้ยงดูหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ศาล หรือทางเค้าที่เค้าจะคิดว่ารับผิดชอบได้ขนาดไหน''
    

    ''ในส่วนของดีเอ็นเอที่ว่าจะมีการตรวจ อันนี้เอไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นเรื่องปกติมากนะ ถ้ามีเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาก็ต้องมีเรื่องของดีเอ็นเอ แต่เอไม่เคยท้านะเพราะเอก็อยู่เฉยๆ แต่ถ้าสมมติว่าใครไม่มั่นใจเอก็พร้อมค่ะ ที่ต้องการก็คืออยากให้จดรับรองบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมายค่ะ ส่วนเรื่องจะใช้นามสกุลเค้าหรือเปล่านั้นไม่จำเป็นค่ะ ใช้นามสกุลเอก็ได้นะ ที่เรียกร้องเพราะทุกวันนี้ลูกถามว่าป๊ะป๋าไปไหน เค้าก็พูดถึงพ่อตลอด เอก็ไม่อยากให้เค้าโตขึ้นมาพร้อมกับคำถามตลอดว่าพ่อไปไหนค่ะ (สะอื้น)'' เอกล่าวในที่สุด