''กานต์-วิภากร'' ขอสู้ไม่ถอย หลังทนายความของ ''เสก โลโซ'' ไม่ยอมถอนฟ้อง หมิ่นประมาท 20 ล้าน ลั่นตนไม่ได้โพสต์กล่าวหาใคร แย้มอาจมีสิทธิ์กลับมาจดทะเบียนสมรสกับอดีตสามีอีกครั้ง ด้าน อ.ประมาณ ทนายความชื่อดัง เผย เรื่องนี้สามารถยอมความกันได้ ส่วน ''ทนายอุดม'' คู่กรณี เผยคงเป็นไปได้ยากที่จะยอมความกัน

    จากกรณีที่ วิภากร ศุขพิมาย หรือ กานต์ อายุ 39 ปี ถูก นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความส่วนตัวของอดีตสามี ''เสก'' เสกสรร ศุขพิมาย หรือ ''เสก โลโซ'' เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท ทำให้สาวกานต์ รู้สึกงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะมีปัญหาภายในครอบครัว แต่กลับถูกทนายเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ความผิดฐานหมิ่นประมาท และความผิดตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 โดยให้ชดเชยค่าสินไหมทดแทนเป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท ซึ่งกานต์บอกว่าตั้งแต่มีปัญหากับอดีตสามี ก็มีนายอุดมเข้ามาเป็นตัวกลาง เพื่อเจรจาปัญหา จึงไว้ใจเพราะนายอุดมเคยรับปากว่าจะดูแลผลประโยชน์ให้กับลูกๆ ทั้ง 3 คน แต่วันนี้ตนได้กลายเป็นจำเลยของนายอุดม ทั้งที่ปัญหาทั้งหมดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดกับตัวทนายความ เพราะข้อความที่ตรงโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ก็ไม่ได้ระบุชื่อหรือเอ่ยถึงใคร เป็นเพียงการระบายความรู้สึกเท่านั้น
    

    นอกจากนี้สาวกานต์ยังรู้สึกว่า แม้เธอกับ เสก โลโซ จะหย่าขาดจากกันแล้ว แต่ตนกับเสกก็ยังถือว่าเป็นคนคนเดียวกัน อย่างนี้กลายเป็นว่าทนายความกลายเป็นฝ่ายฟ้องลูกความเสียเองหรือเปล่า จึงอยากจะเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้กับตัวเอง ส่วนทางด้าน เสก โลโซ เมื่อทราบเรื่องก็ขอให้นายอุดม โปร่งฟ้า ถอนฟ้องคดีนี้แต่กลับได้รับการปฏิเสธ
    

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อช่วงบ่าย วันที่ 28 ก.พ. 55 ''กานต์-วิภากร'' ได้เดินทางไปออกรายการ ร่วมมือร่วมใจ ทางช่อง 11 เพื่อปรึกษาเรื่องดังกล่าว ว่าตนมีความผิดอย่างไร ถึงต้องมาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกันมากมายขนาดนี้ โดยมี นายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความของเสกมาออกรายการและพูดกันต่อหน้า
    

    โดย นายอุดม ทนายความของเสก เผยว่า ก่อนที่จะเข้ามาเป็นทนายเสก ก็รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมากว่า 2 ปี  เมื่อทางเสกมีปัญหาครอบครัว ได้มีการไปจดทะเบียนหย่ากัน มีปัญหาเรื่องการแบ่งสินสมรส ตนได้เข้าไปเป็นตัวกลางจัดการเรื่องดังกล่าว และมีเรื่องอะไรก็ปรึกษากันมาตลอด จนต่อมาเมื่อมีการโพสต์ภาพที่ลักษณะไม่ดีของเสก นักร้องหนุ่มก็ได้เรียกตนเข้าไปที่บ้าน และปรึกษาเพราะภาพมันปรากฏออกสู่สังคม เขารับไม่ได้ ไม่รู้จะตอบสังคมยังไง
    

    ทั้งนี้ ตนได้ไปอยู่ที่บ้ายของเสก จนสนิทสนมชิดเชื้อ จนเมื่อวันที่ 7 เดือนธันวาคม 2554 วันที่เสกไปเล่นคอนเสิร์ตที่อำนาจเจริญ ขอนแก่น และอุดรธานี หลายวัน อยู่ดีๆ กานต์ก็บุกเข้ามาในบ้าน และไปทุบรถซีวิคป้ายแดงที่จอดอยู่ในบ้านตนเลยเขาไป เนื่องจากเสกโทร. มาบอกว่าให้ไปดูแลทรัพย์สินหน่อย เกิดปัญหาที่บ้านแล้ว ในเหตุการณ์นั้น มี ''อ้อม-พรพิมล'' และ ''หงษ์'' น้องสาวของเสกอยู่ และลูกน้องที่เป็นทีมงานคอนเสิร์ต มีการแจ้งความร้องทุกข์กันไปมา หลังจากที่เสกกลับจากคอนเสิร์ตมีการเรียกตนเข้าไป และได้รับมอบอำนาจให้ดูแลทรัพย์สินหลังจากที่กานต์เช้าไปทำลาย
    

    ''ผมไม่ได้เป็นทนายความของคุณกานต์ ผมเป็นทนายความของเสก ในขณะที่คุณเป็นปรปักษ์กับเสก เพราะว่าคนที่โพสต์ข้อความในลักษณะที่เสกกระทำไม่ดีเนี่ย เขาได้เตรียมการมาเป็นขั้นตอนแล้ว เขาไม่ได้เพิ่งถ่ายภาพ แต่ภาพนี้เตรียมการมาหลายปีแล้ว และมีการเก็บภาพเหล่านี้ไว้ ถามว่าภาพเหล่านี้คนรักกันเขาถ่ายเหรอ''
    

    ''อยู่ดีๆ มาบอกเรื่องหนังสือมอบอำนาจ พูดในทำนองว่าเสกให้ผมดูแลทรัพย์สิน เพราะเขาเมายาเสพติด พูดในลักษณะว่า พวกท่านดูดเลือดเขาแบบสบายๆ ข้อความในวันและเวลาใกล้เคียงกัน ใช้คำว่า เขาไม่ได้ให้แม่ หรือทนายดูแลทรัพย์สิน ถามว่าทนายเสกมีกี่คนครับ ถ้าเขาพูดถึงทนายทั่วไปไม่เป็นไร สำนักงานผมมีทนาย 30 คน เดี๋ยวผมจะให้ทุกคนฟ้องดำเนินคดี ผมเลยต้องดำเนินคดี เพราะผมเป็นทนายคนเดียว ถามว่าทำไมเรียกถึง 20 ล้านเพราะเขา ทำให้เราเสียชื่อเสียง ทุกคนที่ให้ความเชื่อถือเรา ถ้าเขามองว่าเราเป็นคนฉ้อฉล หรือเป็นคนสูบเลือกสูบเนื้อเขาจะกล้าจ้างเราไหม''
    

    ทั้งนี้ ทางกานต์ ได้แย้งว่า  ''ดิฉันอยากจะถามตรงๆ ว่า ดิฉันทำอะไรเขาสูญเสียถึง 20 ล้าน เพราะว่าชื่อเสียงเขาดิฉันก็เพิ่งจะรู้จักเนี่ย ประมาณเดือนธันวาคมเอง 20 ล้านตรงไหน ทำให้เขาเสียอาชีพ ตกงานหรืออะไรยังไง ถึงได้ตีมูลค่าตัวเองได้ขนาดนั้น ความรู้สึกก็งงนะคะ ว่ามาฟ้องได้ยังไง ดิฉันเป็นสามีภรรยากับคุณเสกอยู่ โดยพฤตินัยเนี่ย ดิฉันไม่เคยแยกกับคุณเสกตอนที่ดิฉันไม่อยู่บ้าน เพราะว่าตอนนั้นน้ำท่วม รถเป็นชื่อของฉันของเสก เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาพูดว่าเอากุญแจมาให้ดิฉันหรือยังไง เพราะดิฉันไม่ได้ทวง แล้วกุญแจอีกดอกเขาก็เก็บไว้ แล้วบริสุทธิ์ใจยังไงที่บอกว่ามามอบหมายทั้งรถและบ้านให้ดิฉัน ในเมื่อทุกอย่างมันเป็นของดิฉัน แล้วที่โพสต์ก็ไม่ได้ด่าถึงใคร แล้วจะมาบอกว่าทนายอะไร แค่บอกว่าจริงๆแล้วเสก ไม่ได้ให้ใครเป็นคนดูแล เท่านั้นเอง ไม่ได้ให้แม่ ไม่ให้น้อง และไม่ได้ให้ทนาย แค่นั้นมันจะหมิ่นประมาทตรงไหน''
    

    หลังออกจากรายการสด ''ร่วมแรงร่วมใจแล้ว'' ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง ''กานต์'' วิภากร ศุขพิมาย และนายอุดม โปร่งฟ้า ทนายความ เสก โลโซ  ต่างแยกกันเดินออกมาจากสตูดิโอ โดยไม่มีการพูดจาหรือสบสายตากันแต่อย่างใด
    

    เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายอุดมว่า คดีนี้สามารถยอมความกันได้หรือไม่ นายอุดมกล่าวว่า เป็นไปได้ยาก เพราะเมื่อตนเดินหน้าทำอะไรแล้วก็ขอทำให้สุดๆ
    

    ''ยากครับดูแล้วคู่กรณีท่าทางจะสำนึกผิดยาก ก็ให้เรื่องนี้ดำเนินไปตามกระบวนการยุติธรรม ใครผิดใครถูกก็ให้ว่าไปตามศาล''
    

    ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลังจากเข้ารับการบำบัด ที่รพ.ธัญญรักษ์แล้ว เสก โลโซ เคยออกปากให้ถอนคดีนี้หรือไม่ นายอุดมกล่าวว่า มีการพูดคุยกันบ้างแต่ไม่เป็นกิจลักษณะ
    

    ''เสกก็มีมาพูดบ้างว่าพี่ผมสงสารเค้า (กานต์) แต่เสกเขาก็เคารพในสิทธิ์ของผมนะครับ แล้วเมื่อผมเริ่มต้นแล้วก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด'' นายอุดมกล่าว
    

    ต่อมากานต์ได้ให้สัมภาษร์กับผู้สื่อข่าวว่า แม้นายอุดมซึ่งเป็นทนายความของเสก ไม่มีทีท่าว่าจะยอมความ แต่ตนก็ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะได้เตรียมทีมทนายฝีมือดีไว้ว่าความแล้ว พร้อมสู้คดีนี้ตามกระบวนการยุติธรรม
    

    ''เขาไม่ยอมกานต์ก็สู้ไม่ถอย ก็สู้คดีไป แต่ก็ดูๆ ด้วยว่าที่เขาฟ้องมาตรงไหนเราฟ้องกลับได้ ซึ่งถ้าฟ้องได้ก็จะฟ้องกลับ''
    

    ผู้สื่อข่าวถามว่าเสกได้ข้อร้องให้นายอุดมถอนแจ้งความคดีนี้หรือไม่ กานต์กล่าวว่า ร็อกเกอร์ชื่อดังได้ออกปากให้ทนายความส่วนตัวถอนฟ้องตนเป็นสิบครั้งแล้ว แต่ทางนายอุดมไม่ยอมถอน ทำให้เสกเครียดกับเรื่องนี้มาก
    

    ''เสกเขาขอร้องให้ถอนคดีนี้เป็นสิบครั้งแล้วค่ะ แต่เขาไม่ถอน เสกก็เป็นห่วงเรื่องนี้มากนะคะ เขาก็เครียดนะที่ทนายไม่ถอนฟ้อง เขาก็ลุ้นเหมือนกัน เขาก็พูดกับกานต์นะคะว่าถ้าสู้กันเราจะชนะเขาไหมอะไรทำนองนี้''
    

    ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าหากแพ้คดีแล้วต้องจ่าย 20 ล้าน ตามที่นายอุดมฟ้องเอาไว้ จะทำอย่างไร กานต์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ พร้อมกับยืนยันว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยพูดอะไรทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
    

    ต่อคำถามว่า ความสัมพันธ์กับเสกเวลานี้เป็นอย่างไร และสามารถกลับมาจดทะเบียนสมรสกันอีกหนได้หรือไม่ กานต์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการปรับตัวของทั้งคู่ ซึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ
    

    ''เสกกับกานต์ตอนนี้ก็ดีค่ะ เรากลับมาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว มีสิทธิ์กลับมาจดทะเบียนสมรสกันอีกนะ ถ้าทุกอย่างลงตัว แต่ต้องให้เวลากับเรื่องนี้เหมือนกัน ต้องให้เวลาปรับตัวซึ่งกันและกันก่อน พ่อแม่กานต์ก็ไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เพราะทั้งสองท่านรักเสกมาก ท่านรักเหมือนกับเป็นลูกชายแท้ๆ เลย'' กานต์กล่าว
    

    อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้สอบถาม อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความ และพิธีกรดำเนินรายการโทรทัศน์ชื่อดังว่า คดีที่นายอุดม ฟ้องกานต์นั้นสามารถยอมความกันได้หรือไม่ อ.ประมาณกล่าวว่า คดีหมิ่นประมาทนี้เป็นความผิดส่วนตัวไม่ใช่เป็นความผิดอาญาแผ่นดินสามารถยอมความกันได้
    

    ''คดีลักษณะนี้ยอมความกันได้อยู่แล้ว ขึ้นศาลไป ศาลก็อาจจะมีการกำหนดวิธีขอโทษกันว่าให้ทำอย่างไร ส่วนใครจะฟ้อง 20 ล้าน  100 ล้าน หรือเป็นพันล้าน ก็สามารถฟ้องกันได้ แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับพื้นฐานของความเสียหายว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไร'' อ.ประมาณกล่าว