แมนฯซิตี้เพิ่มสถิติชนะในรัง14เกมรวดต่อไป แม้ แกรี่ เคฮิลล์ จะยิงให้สิงห์บูลล์ขึ้นนำก่อน แต่แข้งเรือใบมาได้สองประตูรวดจากเซร์คิโอ อเกวโร่ และซามีร์ นาสรี่ ช่วยให้แมนฯซิตี้เฉือนคว้าชัย2-1จี้ผีเหลือแต้มเดียวเท่านั้น

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันพุธที่ 21 มีนาคม 2555

แมนฯ ซิตี้ 2 - 1 เชลซี

 สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม

        ศึกบิ๊กแม็ตช์ แมนฯ ซิตี้ซึ่งชนะในเกมเหย้าซีซั่นนี้ทุกนัด แต่ตกจากเก้าอี้จ่าฝูงไปแล้วตัดสินใจใส่ชื่อคาร์ลอส เตเวซเป็นตัวสำรองครั้งแรกในรอบหกเดือน แต่ทั้งนี้แว็งซ็อง ก็องปานีกองหลังกัปตันทีมยังเดี้ยง
 
        ด้านเชลซีซึ่งชนะรวดนับตั้งแต่มีโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอเป็นกุนซือชั่วคราวประสบปัญหาขาดจอห์น เทอร์รี่ที่เจ็บเข่า และวางใจให้เฟร์นานโด  ตอร์เรสที่เลิกเท้าบอดแล้วยืนเป็นกองหน้าตัวเป้ารายเดียวโดยดิดิเยร์ ดร็อกบานั่งเป็นตัวสำรอง
 
        เจ้าถิ่นพยายามหาโอกาสก่อนในนาทีที่ 5 เมื่อปาโบล ซาบาเลต้าหนุนเกมรุกขึ้นกราบขวาแล้วจ่ายให้ดาบิด ซิลบาซัดระยะ 18 หลา แต่สตาร์สแปนิชวางเท้าไม่ดี บอลเลยโด่งออกไป
 
        กระนั้นนาทีที่ 8 สิงห์บลูส์ก็เกือบได้ประตูเช่นกันเมื่อแอชลีย์ โคลพาบอลลุยขึ้นทางซ้ายไปจ่ายให้ตอร์เรสลากไปไหลมาหน้าเขตโทษอีกที แต่ฆวน มาต้าซัดเหน่งๆจาก 18 หลาหลุดกรอบเฉยทั้งๆที่ไม่มีใครเข้าประกบ
 
        และในนาทีเดียวกันนี้จากการโต้เร็วของแมนฯ ซิตี้ ยาย่า ตูเร่ก็วางบอลยาวจากแดนกลางให้ซามีร์ นาสรี่สปีดไปซัดตามน้ำจาก 18 หลาโดยปีเตอร์ เช็กที่ออกมายืนหน้าเส้นประตูเยอะหมดสิทธิ์ขยับแล้ว แต่บอลกระทบคานอย่างน่าเสียดาย
 
        เกมส่วนใหญ่ยังเป็นเรือใบสีฟ้าที่เดินหน้าได้ดีกว่า และถึงนาทีที่ 20 บรานิสลาฟ อีวาโนวิชกองหลังทีมเยือนที่ส่ออาการไม่สู้ดีก่อนหน้านี้ก็เล่นต่อไม่ไหวต้องวิ่งออกไปโดยมีโชเซ่ โบซิงวาลงไปแทน
 
        ถัดมาในนาทีที่ 27 นาสรี่ลองกระทุ้งจาก 30 หลา  ทว่าบอลพุ่งโด่งข้ามคานไปเล็กน้อย
 
        จากนั้นอีกสามนาที เชลซีก็เกือบฆ่าตัวตายในจังหวะบุกขึ้นมาถึงครึ่งสนามแล้วแฟร้งค์ แลมพาร์ดกัปตันทีมที่รับบอลจากทางซ้ายของโคลจ่ายย้อนหลังกลับไปในแดนตัวเองให้มาริโอ บาโลเตลลี่ลากโซโล่ขึ้นไปเช็คบิลระยะ 20 หลาเฉี่ยวกรอบไปอย่างน่าเสียวไส้
 
        เจ้าบ้านยังไม่ท้อ พยายามกดดันอาคันตุกะต่อ และในนาทีที่ 43 ซาบาเลต้าก็ตักบอลจากกราบขวาเข้าเขตโทษอีกหน แต่เซร์คิโอ อเกวโร่วอลเลย์จาก 12 หลาไม่ถนัด บอลจึงลอยโด่งออกไป
 
        นาทีต่อมา มาต้าไปงัดยาย่า ตูเร่ล้มจึงได้ใบเหลืองเป็นคนแรก  และเมื่อโม่เกือกกันครบ 45 นาทีเกมจึงจบลงด้วยผลเสมอ 0-0
 
        ครึ่งหลังเรือใบสีฟ้าปรับหมากเปลี่ยนแกเร็ธ แบร์รี่ลงไปเติมแผงกลางแทนบาโลเตลลี่ และน่าจะได้เฮในนาทีที่ 55 เมื่อนาสรี่พาบอลลุยขึ้นฝั่งซ้ายแล้วโยนไปเสาไกลบีบให้เช็กต้องกระโดดปัดโดยที่บอลปลิวไปกระทบคาน
 
        นาทีที่ 58 แลมพาร์ดโดนจดชื่ออีกเมื่อเข้ารวบยาย่า ตูเร่ก่อนที่สิงห์บลูส์จะแก้เกมใช้งานไมเคิ่ล เอสเซียงแทนราอูล เมยเรเลสในนาทีต่อมา
 
        และถึงนาทีที่ 60 จากลูกเตะมุมด้านขวาของทีมเยือนในจังหวะที่แบร์รี่เบียดแย่งลูกโด่งกับดาวิด ลุยซ์ที่เสาแรก บอลก็หลุดมาให้แกรี่ เคฮิลล์ตะบันจาก 15 หลาแฉลบยาย่า ตูเร่จนทำให้โจ ฮาร์ทหลงทางไม่อาจป้องกันไม่ให้บอลลอยเข้าปะทะตาข่ายได้ จึงเป็นอันว่าเชลซีนำหน้า 1-0
 
        ในที่สุดนาทีที่ 66 เรือใบก็ต้องเปลี่ยนไนเจล เดอ ย็องก์ออกโดยส่งเตเวซลงไปแทน และแค่นาทีเดียว กองหน้าอาร์เจนไตน์ก็มีส่วนกับเกมทันทีโดยจิ้มบอลจากหน้าเขตโทษมาทางซ้ายให้กาแอล กลิชี่วิ่งเข้าซัดระยะ 18 หลา ทว่าเช็กรับเข้าอกได้
 
        ผ่านมาถึงนาทีที่ 73 เชลซีส่งดร็อกบาลงไปแทนตอร์เรส และเพียงแค่สองนาทีกองหน้าไอวอรี่ โคสต์ก็ไหลบอลขึ้นฝั่งซ้ายให้มาต้ากระชากเข้าเขตโทษไปกดมุมแคบถูกฮาร์ทปัดทิ้งได้
 
        จากนั้นแมนฯ ซิตี้ก็ทิ้งไพ่ใบสุดท้ายในนาทีที่ 76 ส่งเอดิน เชโก้ลงไปแทนซิลบาที่เล่นไม่ออก แถมอีกสองนาทีต่อมาก็ได้ลูกโทษเมื่อซาบาเลต้าได้ง้างยิงแล้วเอสเซียงยกแขนไปโดนบอล อเกวโร่จึงสังหารตีเสมอให้เรือใบเป็น 1-1
 
        นาทีที่ 79 เจ้าบ้านได้เสียวอีกจากการสับไกหน้าเขตโทษด้านขวาของนาสรี่ แต่เช็กเซฟได้
 
        จนแล้วจนรอดเสียงเชียร์ใน เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้องเฮลั่นอีกหน นาทีที่ 87 ซามีร์ นาสรี่ พาบอลขึ้นมาทำชิ่ง คาร์ลอส เตเตซ ตัวสำรองที่เปลี่ยนลงมา ก่อนที่เจ้าตัวหลุดเข้าไปซัดบอลหนีมือ ปีเตอร์ เช็ก ให้เจ้าถิ่นพลิกแซงขึ้นนำ 2-1
 
        ช่วงท้าย เชลซี โหมบุกหนักหวังจะตีเสมอแต่ก็ไม่สามารถทำประตูได้ หมดเวลา แมนฯ ซิตี้ คว้าชัยเหนือ เชลซี 2-1 คว้าสามแต้มมีเพิ่มเป็น 69 คะแนนตามหลัง แมนฯยูไนเต็ด "จ่าฝูง" ที่มี 70 คะแนนแค่แต้มเดียวเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯ ซิตี้ :  โจ ฮาร์ท , ปาโบล ซาบาเลต้า , ไมกาห์ ริชาร์ดส์ , โคโล่ ตูเร่ , กาแอล กลิชี่ , ยาย่า ตูเร่ , ไนเจล เดอ ย็องก์ (คาร์ลอส เตเตซ น.66)  , ซามีร์ นาสรี่ ,ดาบิด ซิลบา (เอดิน เชโก้ น.76)  , เซร์คิโอ อเกวโร่ , มาริโอ บาโลเตลลี่ (แกเร็ธ แบร์รี่ น.46)
สำรอง :  คอสเตล ปานติลิมอน , สเตฟาน ซาวิช , อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ , เจมส์ มิลเนอร์  

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (โชเซ่ โบซิงวา น.20)  , แกรี่ เคฮิลล์  , ดาวิด ลุยซ์ , แอชลีย์ โคล , แฟร้งค์ แลมพาร์ด , จอห์น โอบี มิเกล , รามิเรส , ฆวน มาต้า , ราอูล เมยเรเลส (ไมเคิ่ล เอสเซียง น.58)  , เฟร์นานโด ตอร์เรส (ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.73)
สำรอง : รอสส์ เทิร์นบูลล์  ,  ฟลอร็องต์ มาลูด้า , ซาโลมง กาลู , ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์

ผู้ตัดสิน :  ไมค์ ดีน

สรุปผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันพุธที่ 21 มีนาคม 2555
- แมนฯ ซิตี้ ชนะ เชลซี 2-1
- ควีนส์ปาร์ค ชนะ ลิเวอร์พูล 3-2
- เอฟเวอร์ตัน แพ้ อาร์เซน่อล 0-1
- สเปอร์ส เสมอ สโต๊ค ซิตี้ 1-1