งานนี้บรรดา "เดอะ ค็อป" สะดุ้งกันเป็นแถว หลังล่าสุด จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เจ้าของ ลิเวอร์พูล เผย ตนพร้อมที่จะขายสิทธิ์การตั้งชื่อ แอนฟิลด์ รังเหย้าอันศักดิ์สิทธิ์ของทีม หากมีหุ้นส่วนที่คู่ควรทำการติดต่อเข้ามา แต่ระบุ ตอนนี้ทางผู้บริหารยังไม่มีการเดินหน้าถึงเรื่องนั้น พร้อมรับ "หงส์แดง" คงไม่มีหวังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ประจำซีซั่น 2012-13 แน่นอน

จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เจ้าของทีม ลิเวอร์พูล สโมสรขวัญใจมหาชนแห่งวงการพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ระบุว่า ทีมอาจขายสิทธิ์การตั้งชื่อรังเหย้าอันศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอย่าง แอนฟิลด์ ในอนาคต หากพวกเขาพบหุ้นส่วนที่เหมาะสม ทว่าเจ้าตัวก็ยืนยันด้วยว่า มันยังไม่ใช่ตัวเลือกที่พวกเขากำลังไล่ล่าอยู่ในตอนนี้แต่อย่างใด

"หงส์แดง" ต้องตกอยู่ในความยุ่งเหยิงมานานพอตัว เกี่ยวกับเรื่องที่ว่า จะทำการพัฒนารังเหย้าปัจจุบันของพวกเขา หรือย้ายไปหารังเหย้าแห่งใหม่ดี อย่างไรก็ตาม เฮนรี่ เผยตัวเลือกอันทำให้ "เดอะ ค็อป" อาจต้องหวั่นๆ เล็กน้อย ด้วยการบอกว่า ตนเปิดประตูสำหรับข้อตกลงการขายสิทธิ์ตั้งชื่อสนามอยู่เสมอ

"ข้อตกลงของสิทธิ์การตั้งชื่อ แอนฟิลด์ อาจเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าเกิดเราพบพันธมิตรที่เหมาะสม แต่เราก็ยังไม่ได้ไล่ตามเป้าหมายนั้น หรือทำมันลงไปแล้วหรอก" ผู้บริหารวัย 62 กะรัตชาวอเมริกัน ให้สัมภาษณ์กับ "เดอะ ทอมกิ้นส์ ไทม์ส" เว็บไซต์ข่าวสารของ ลิเวอร์พูล

 เฮนรี่ ยืนยันด้วยว่า การที่ทีมได้แชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ (แคปิตอล วัน คัพ ในปัจจุบัน) ประจำฤดูกาล 2011-12 มาครอง นับเป็นช่วงเวลาที่สุดสำคัญสำหรับสโมสรเมื่อซีซั่นก่อน แต่ยอมรับด้วยว่า "หงส์แดง" คงไม่มีโอกาสลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีในซีซั่น 2012-13 อย่างแน่นอน

 "คุณไม่ได้ลงแข่งเพื่อหวังเงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่คุณลงแข่งเพื่อที่จะเอาชนะให้ได้ และการได้แชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ เมื่อปีก่อน ก็นับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของสโมสร เช่นเดียวกับการไปถึงรอบชิงชนะเลิศของ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลเดียวกัน กองเชียร์คือผู้ที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล และพวกเขาก็ต้องผ่านพ้นมาหลายเรื่อง ตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเหล่านักเตะของเรารู้ดีว่า ถ้วยแชมป์เหล่านั้นมันมีความหมายอย่างมาก กับแฟนๆ ของเราเมื่อปีก่อน"

 "ความสำเร็จในบอลถ้วยคือสิ่งเดียวที่พวกเรามีโอกาสทำได้ เมื่อปีก่อน เพราะฟอร์มการเล่นในลีกมันน่าผิดหวังมากๆ ถึงแม้เป้าหมายของเราจะเป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้ แต่มันก็จะไม่เกิดขึ้นในปีนี้แน่ ทว่าอันดับแรกเลยก็คือเราจะทำทีมกันเพื่อสิ่งนั้น การได้แชมป์ลีกมันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อฟอร์มการเล่นในลีกของเรามันเปลี่ยนไป แบบหน้ามือเป็นหลังมือเท่านั้น"

"มันเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของเรา เมื่อเทียบกับว่า ตอนนี้เราอยู่ตรงจุดไหน การได้แชมป์พรีเมียร์ลีก จะพัวพันกับการที่คุณอยากจะสร้างสโมสรที่มีความยั่งยืน และเกรียงไกร ซึ่งเราจะทำอย่างนั้น" ผู้บริหารจากแดนลุงแซม ร่ายยาว