ผลคะแนนและราคา 2 in 1 คะแนนในการแข่งสด ผลการแข่งขัน ตารางการแข่งขัน อัตราต่อรอง ข้อมูล คะแนนบาสเก็ตบอล
ฟุตบอล » ลีกคัพอื่นๆ » 10 แข้งแจ้งเกิดในเกมลูกหนังโอลิมปิก

10 แข้งแจ้งเกิดในเกมลูกหนังโอลิมปิก

Posted 11/08/2012 by siamsport

 

         ฟุตบอลโอลิมปิก เกมส์ สร้างชื่อให้กับนักเตะขึ้นมาประดับวงการลูกหนังมากมาย เพราะเวทีนี้ไม่ใช่แค่การคว้าเหรียญรางวัลเพื่อประดับเกียรติยศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการที่จะมีอนาคตสดใสในวงการฟุตบอลอีกด้วย อดีตที่ผ่านมา

         มีนักเตะที่ยิ่งใหญ่มากมายที่ไม่เคยเป็นที่รู้จัก แต่กับมาแจ้งเกิดในมหกรรมลูกหนังโอลิมปิก ฉะนั้นในศึก "ลอนดอน เกมส์" ไม่แน่ว่าอาจจะมีแข้งฝีเท้าทองคำระเบิดฟอร์มเทพจนได้รับการจับตามองจากหลายๆ สโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป


10. กุนนาร์ นอร์ดาห์ล ดาวยิงทีมชาติสวีเดิน ในศึกโอลิมปิก เกมส์ 1948 ที่ประเทศอังกฤษ
            3 ทหารเสือแห่งทัพ "ไวกิ้ง" ได้แก่ กุนนาร์ เกรน, กุนนาร์ นอร์ดาห์ล และ นีลส์ ลิดโฮล์ม โดยทั้งสามคนเป็นสามประสานที่หลายๆ คนรู้จักกันดีในนิมเนมสุดจ๊าบ "เกร-นอ-ลิ" พวกเขานำ สวีเดน เถลิงเหรียญทองลูกหนังโอลิมปิก ได้อย่างสวยสดงดงาม ที่สำคัญ นอร์ดาห์ล ยังได้มงกุฎส่วนตัวในฐานะดาวซัลโวสูงสุดร่วมด้วยจำนวน 7 ประตู โดยหนึ่งในนั้นเป็นลูกยิงที่เอาชนะ ยูโกสลาเวีย 3-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ขณะที่ เกรน ซัดไป 2 ตุง      

            ความสำเร็จใน "ลอนดอน เกมส์" ครั้งนั้น ส่งผลให้ นอร์ดาห์ล ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ เอซี มิลาน ในปีถัดมา และสาวก "รอสโซเนรี่" ก็ไม่ผิดหวังเมื่อ "ไวกิ้งอันตราย" ซัดประตูกระจุยนำ มิลาน คว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาล 1950-51 225 ประตูจากทั้งหมด 291 เกม ทำให้ นอร์ดาห์ล เป็นเจ้าของสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับ 2 ของลีกเมืองมะกะโรนี และยังครองสถิติก่อนสงครามโลกด้วยจำนวนประตูในซีซั่นเดียวถึง 35 ตุง
ในซีซั่นที่คว้าแชมป์อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในย่อหน้าที่ผ่านมา
 





9. จอห์น เฮนเซ่น หัวหอกทีมชาติเดนมาร์ก ในศึกโอลิมปิก เกมส์ 1948 ที่ประเทศอังกฤษ
           "ลอนดอน เกมส์" ครั้งนั้นนอกจาก นอร์ดาห์ล ที่ครองดาวซัลโวแล้ว ยังมี เฮนเซ่น ด้วย โดยเขายิงกระจุยให้กับทัพ "โคนม" คว้าเหรียญทองแดง ที่สำคัญประตูที่ เฮนเซ่น ยิงได้มีสองลูกเกิดขึ้นในเกมที่ซัดทีมชาติสหราชอาณาจักรซะด้วย โดยตอนนั้นพวกเขามีกุนซือชื่อ เซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ นายใหญ่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นอกจากนี้ยังซัดอีก 4 ลูกในแมตช์สอย อิตาลี 5-3


           ความสำเร็จของ เฮนเซ่น ทำให้เจ้าตัวได้เซ็นสัญญากับ ยูเวนตุส และ "ม้าลาย" ก็ไม่ผิดหวังเพราะเขายิงประตูได้อย่างสุดยอดถึง 124 ลูกจากการเล่นทั้งหมด 187 เกม ต้องยอมรับว่านี่คือหนึ่งในการลงทุนที่คุ้มค่าของ ยอดทีมแห่งเมืองตูริน อย่างแท้จริง


8. ซานเดอร์ คอชซิส จอมทัพทีมชาติฮังการี ในศึกโอลิมปิก เกมส์ 1952 ที่ประเทศฟินแลนด์
 
        ใครจะไปคิดว่าทัพ "แม็กย่าร์" จะสร้างความตกตะลึงให้กับวงการลูกหนังเมืองผู้ดีในปี 1953 แต่ไม่มีใครเคยบอกเตือนสัญญาอันตรายเหล่านี้เลย เมื่อปีก่อน ฮังการี ได้สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการผงาดคว้าเหรียญทองที่กรุงเฮลซิงกิ พร้อมกับการจุดประกายให้กับวงการฟุตบอลของ ฮังการี ที่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของชาติตัวเองในมหกรรมลูกหนังแห่งมวลมนุษยชาติ

         เพียงแค่ 5 เกม ซานเดอร์ คอชซิส ก็จัดการตะบันไป 6 ตุงจาก 20 ประตูที่ทีมของเขาทำได้ พร้อมกับการไล่ถลุง อิตาลี, ตุรกี และสวีเดน แน่นอนว่าเขาไม่ได้โชว์เทพคนเดียว เพราะยังมีเฟเรนซ์ ปุสกัส ,นานเดอร์ ฮิเดกคูติ ,โซลตัน ซิบอร์ และ ปีเตอร์ ปาโลตาส ที่ร่วมด้วยช่วยกันยิงประตูอย่างเมามันให้กับทีมชุดสร้างประวัติศาสตร์ คอชซิส ซัดประตูไปเบาะ 153 ประตูจากทั้งหมด 145 แมตช์ให้กับ ฮอนเวด ก่อนย้ายไปซดซกเล็กวัวกระทิงกับ บาร์เซโลน่า ในปี 1958 ซึ่งเขาช่วย "เจ้าบุญทุ่ม" ซิวแชมป์ ลา ลีกา ได้ 2 สมัยด้วยกัน




 

 




7. โอเล็ก บล็อคกิ้น กองหน้าทีมชาติสหภาพโซเวียต ชุดทำศึกโอลิมปิก เกมส์ 1972 ที่ประเทศเยอรมันตะวันตก (เยอรมัน ในปัจจุบัน)
          3 ปีกับอาชีพนักเตะกับ ดินาโม เคียฟ, โอเล็ก บล็อคกิ้น สามารถซัดได้ 5 ประตูให้กับ โซเวียต จนนำไปสู่การคว้าเหรียญทองแดงร่วมกับเจ้าภาพในโอลิมปิก เกมส์ ที่นครมิวนิค เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดใน โอลิมปิก เกมส์ และคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ในปี 1975 ซึ่งเป็นนักเตะคนที่ 2 ของดินแดนหลังม่านเหล็กที่ได้รางวัลทรงเกียรตินี้ และเป็นชาวยูเครน คนแรกที่ได้ "ลูกบอลทองคำ"
 
           บล็อคกิ้น ได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดในวงการลูกหนังในช่วงยุค 70 แต่เขาก็ยังคงค้าแข้งอยู่กับ เคียฟ ต่อไป จนกระทั่งในปี 1988 ด้วยวัย 38 ปี เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในแข้ง โซเวียต คนแรกที่ไปเล่นต่างแดนกับ วอร์วาร์ต สตีเยอร์ ใน ออสเตรีย




 

6. ฟัลเกา จอมทัพทีมชาติบราซิล ชุดทำศึกโอลิมปิก เกมส์ 1972 ที่ประเทศเยอรมันตะวันตก (เยอรมัน ในปัจจุบัน)
           หนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดตลอดกาล นั่นก็คือ ฟัลเกา ตอนอายุแค่ 18 ปี เขาได้เล่นให้ บราซิล 3 เกมในนครมิวนิค และโอลิมปิก ครั้งนี้ เป็นความหายนะของทัพ "เซเลเซา" เพราะพวกเขาอยู่อันดับบ๊วยของกลุ่ม และมีคะแนนต่ำกว่า อิหร่าน ด้วยซ้ำ


            ถึงจะไม่สามารถทำ บราซิล ประสบความสำเร็จในโอลิมปิก แต่ในระดับสโมสร ฟัลเกา ช่วย อินเตอร์นาซิอองนาล คว้าแชมป์ลีก 1975, 1976 และ 1979 ก่อนจะย้ายไปเล่นให้ โรม่า ในปี 1980 หลังจาก 2 ฤดูกาลที่สุดยอดในกรุงโรม ดาวเตะแซมบ้า ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติสำหรับการเล่นฟุตบอลโลก 1982 โดยการร่วมประสานเพลงแข้งกับ โตนินโญ่ เซเรโซ่ ,ซิโก้ ,เอเดอร์ และ โซคราเตส ทำให้ บราซิล ชุดนั้นยิ่งใหญ่ตลอดกาลจนทุกวันนี้




 

5. มิเชล พลาตินี่ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศส ชุดทำศึกโอลิมปิก เกมส์ 1976 ประเทศแคนาดา
           พลาตินี่ เปิดตัวในฐานะพ่อค้าแข้งให้กับ น็องซี่ ตอนอายุ 17 ปีแต่ก็ยังเป็นแค่นักเตะสมัครเล่น จนกระทั่งเจ้าตัวระเบิดความเป็นเทพออกมาในปี 1976 เขายิง 3 ประตูให้ทัพ "น้ำหอม" ในเกมลูกหนังโอลิมปิก ที่มอนทรีอัล

            "นโปเลียนลูกหนัง" ซัด 2 ลูกในเกมกับ กัวเตมาลา จากนั้นก็ลูกจุดโทษกับ อิสราเอล และทำให้ ฝรั่งเศส เป็นจ่าฝูงกลุ่ม แต่สุดท้าย พลาตินี่ ไม่สามารถงัดฟอร์มเก่งออกในในเกมกับเยอรมันตะวันตก เพราะโดนพวก "อินทรีเหล็ก" ถลุงยับ 0-4 อย่างไรก็ตาม ผลงานส่วนตัวของเขากลายเป็นที่โจษจัน และได้เซ็นสัญญาอาชีพกับ น็องซี่


              พลาตินี่ ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงกลางยุค 80 ที่สำคัญยังคว้ารางวัล บัลลงดอร์ สามสมัยติดต่อกันรวมทั้งเป็นเจ้าของสถิติ 9 ประตูช่วยให้ทัพ "ตราไก่" เถลิงบัลลังก์แชมป์ ยูโร 1984






4. โรมาริโอ กองหน้าทีมชาติบราซิล ชุดทำศึกโอลิมปิก เกมส์ 1988 ที่ประเทศเกาหลีใต้
             การประสานงานกันระหว่าง โรมาริโอ, มาซินโญ่ และ เบเบโต้ ทำให้พวกเขาผงาดคว้าแชมป์ เวิลด์ คัพ 1994 โดย ดาวยิงวัย 22 ปี จาก วาสโก ดา กาม่า ประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้มีโอกาสย้ายไปค้าแข้งกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ก่อนจะมาเล่นให้ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า ในยุคที่หลายๆ คนขนานนามว่า "ดรีมทีม"


            สำหรับโอลิมปิก ที่กรุงโซล โรมาริโอ มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการลูกหนังบ้านเกิดที่ไม่เคยได้ สัมผัสกับความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์นี้ โดยเจ้าตัวซัดลูกแรกในเกมนัดชิงกับ สหภาพโซเวียต แต่ไม่เพียงพอเพราะสุดท้าย ยอดทีมจากหลังม่านเหล็กซัดคืนสองลูกรวดคว้าเหรียญทองไปคล้องคออย่างมีความ สุข


            โรมาริโอ ย้ายกลับไปกลับมาระหว่าง ฟลาเมงโก้ กับ บาเลนเซีย หลังจากนั้นก็ไปเล่นให้ วาสโก ตามด้วย ฟลูมิเนนเซ่ และ อัล-ซาดด์ อยู่พักหนึ่ง แล้วกลับมา ฟลูมินเนเซ่ ต่อด้วย วาสโก อีก แต่เขาก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น และในปี 2007 เขาก็ทำประตูที่ 1,000 ระหว่างค้าแข้งกับ วาสโก เป็นครั้งที่ 4




 


3. คาลูช่า บวัลย่า ปีกทีมชาติแซมเบีย ชุดทำศึกโอลิมปิก เกมส์ 1988 ที่ประเทศเกาหลีใต้
         คาลูช่า บวัลย่า กลายเป็นตำนานแข้งชาวแซมเบีย โดยเจ้าตัวเริ่มระเบิดฟอร์มเก่งด้วยการซัดไป 6 ประตู ในโอลิมปิก ที่กรุงโซล พาทีมเป็นแชมป์กลุ่ม บี

         อย่างไรก็ตาม พวกเขาโดน เยอรมันตะวันตก สอนบอล 0-4 ตกรอบน็อกเอาต์ไปอย่างชอกช้ำระกำอุรา กระนั้นการที่ บวัลย่า ซัดแฮตทริกในเกมทุบ อิตาลี 4-0 ทำให้เจ้าตัวได้รับการจับตามองจากวงการลูกหนังโลก และหลังจากนั้นอีก 1 ปี เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของแอฟริกา

         ผลงานในระดับสโมสรของ บวัลย่า ที่โดดเด่นที่สุดก็คือการได้เล่นร่วมกับ โรมาริโอ ที่พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในปี 1989 โดยคว้าแชมป์ลีกดัตช์สองสมัยก่อนจะย้ายไปซบ คลับ อเมริกา ในเม็กซิโก และในช่วงระหว่างนั้น เจ้าตัวได้รับการเสนอชื่อเป็นชิงรางวัลนักเตะแห่งปีของสหพันธ์ฟุตบอลนานา ชาติ (ฟีฟ่า) ในปี 1996 ซึ่งที่สุดแล้วเขาคว้าอันดับ 12 เหนือ เอริค คันโตน่า ตำนานแข้งของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หนึ่งอันดับ




2. ซามูเอล คุฟฟูร์ เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติกานา ชุดทำศึกโอลิมปิก เกมส์ 1992 ที่ประเทศสเปน
          ช่วงระหว่างที่เขาเป็นเด็กดาวรุ่งของ โตริโน่ นั้น คุฟฟูร์ กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิก เกมส์ ในนครบาร์เซโลน่า ด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น แม้ทัพ "ดาวดำ" จะพ่ายเจ้าภาพตกรอบรองชนะเลิศ แต่เส้นทางการค้าแข้งของ คูฟฟร์ ก็เจิดจรัสอย่างน่าเหลือเชื่อ


          ขณะเดียวกันภายใต้ยูนิฟอร์มของ บาเยิร์น มิวนิค ทุกๆ คนคงจำภาพที่เขาเอากำปั้นทุบพื้นสนามคัมป์ นู เหมือนคนบ้า เพราะโดน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซัดสองประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกมนัดชิง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1999
 


1. เอร์นาน เครสโป กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดทำศึกโอลิมปิก เกมส์ 1996 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา                
           อาร์เจนตินา มีนักเตะระดับโลกอยู่ในชุดทำศึกลูกหนัง โอลิมปิก ที่แอตแลนต้า อย่างครบครัน แต่หนึ่งในแข้งที่เล่นได้อย่างน่าเหลือเชื่อก็คือ เครสโป ซึ่งช่วยให้ทีมคว้าเหรียญเงินในครั้งนั้น


         หลังจากที่ครองดาวซัลโวร่วมประจำทัวร์เมนต์ ด้วยการซัดไปเบาะๆ 6 ประตู ปาร์ม่า ก็คว้าตัวไปจากอ้อมอก ริเวอร์ เพลท สโมสรในลีกบ้านเกิด ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ได้อย่างยิ่งใหญ่ 

         ช่วง แรกๆ กับชีวิตในแดนมะกะโรนีนั้น เครสโป ค่อยๆ เริ่มต้นอาชีพอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเขาช่วย "จัลโล่บลู" คว้าแชมป์ ยูฟ่า คัพ ปี 1999 ก่อนเซ็นสัญญกับ ลาซิโอ ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกมูลค่า 35 ล้านปอนด์ (ราว 1,750 ล้านบาท) จากนั้นก็มาเล่นให้ อินเตอร์ มิลาน แทนที่ โรนัลโด้ ด้วยค่าตัว 26 ล้านปอนด์ (ราว 1,300 ล้านบาท) และ เชลซี ทุ่มเงิน 25 ล้านปอนด์ (ราว 1,250 ล้านบาท) แต่สุดท้ายต้องกลับมาเล่นให้ "งูใหญ่" และอยู่กับทีมต่อไปจนถึงปี 2008 ก่อนจะตบท้ายด้วยการแขวนเกือกกับ ปาร์ม่า ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เอง




ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
  • โสมขาวซิวทองแดง!ซัดดับซ่าซามูไร2-0อลป.
    โสมขาว' เกาหลีใต้ ได้เฮสนั่นลั่นสนามเมื่อไล่อัด 'ซามูไรสีน้ำเงิน' ญี่ปุ่น ไปแบบสุดมันส์ 2-0 คว้าเหรียญทองแดงมาปลอบใจได้สำเร็จ ในศึกฟุตบอลชาย โอลิมปิก เกมส์ 2012 นัดชิงเหรียญทองแดง เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา
  • สาวสหรัฐฯซิวทองสมัย4!เฉือนดับฝันยุ่น2-1
    'สาวแยงกี้' สหรัฐอเมริกาผงาดเจ้าแห่งกีฬาของมวลมนุษยชาติเป็นหนที่ 3 ติดต่อกันได้สำเร็จหลังเฉือนเก็บชัยเหนือ 'แข้งสาวจากแดนอาทิตย์อุทัย' ญี่ปุ่น 2-1 ส่งผลให้ สหรัฐฯ ความเหรียญทองได้ตามคาด ขณะที่ ญี่ปุ่น ต้องน้ำตาตกได้เพียงเหรียญเงิน ในศึกฟุตบอลหญิง โอลิมปิก เกมส์ 2012 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา
  • โด้เบิ้ล!ชุดขาวอุ่นแข้งถล่มมิลานเละ5-1
    "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ยิงไม่ยั้งไล่ถล่ม "ปีศาจแดง-ดำ" เอซี มิลาน แบบไม่ไว้หน้า 5-1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โชว์เกือกสุดคมซัดเบิ้ลสองตุง
  • เสร็จอีกราย!เปแอสเชงาบลูคัสเรียบร้อย
    มาทีหลังแต่ได้เฮ... ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ปาดหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด กับ อินเตอร์ มิลาน ซิวตัว ลูคัส มูร่า จอมทัพเนื้อหอมเลือดแซมบ้า มาจาก เซา เปาโล เรียบร้อย ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง

TOP 5 ข่าวในรอบ 3 วัน

อัลบั้มภาพเด็ดๆ

More »

คลิปไฮไลท์

More »