สตีเว่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์พลังเทอร์โบ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ประกาศกร้าวยังไม่แก่เกินแกงจนต้องถอยลงไปเน้นครองบอลกลางสนามเหมือนที่หลาย คนปรามาศเอาไว้ ลั่นพร้อมรับบทบาทเดิมที่วิ่งลืมตายเพื่อทีมเหมือนที่เห็นจนชินตามาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

สตีเว่น เจอร์ราร์ด กองกลางกัปตันทีมลิเวอร์พูล มหาอำนาจลูกหนังเมืองผู้ดี ออกโรงตอบโต้บรรดานักวิจารณ์ที่แสดงความเห็นว่า วันเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้งของเขานั้นสิ้นสุดลงแล้ว และในวัย 32 กะรัต คงไม่สามารถวิ่งพล่านทะลุทะลวงเข้าไปในกรอบเขตโทษอันเป็นจุดขายของเจ้าตัว เหมือนสมัยก่อนได้
 
 คำวิจารณ์เหล่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าศึกยูโร 2012 ซึ่งมิดฟิลด์พลังไดนาโม ก็ตอบโต้เสียวิจารณ์ทั้งหลาย ด้วยการกลับมาจากการแข่งขันรอบสุดท้ายในฐานะนักเตะที่สามารถทำผลงานการเล่น ที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษ และเวลานี้ เจอร์ราร์ด ก็เชื่อว่า เขาจะตอบโต้คำครหาได้อีกครั้งก่อนออกสตาร์ตซีซั่นใหม่ในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคมนี้
 
 "สตีวี่ จี" กล่าวว่า "ผมได้คุยกับผู้จัดการทีม และเขามองว่าผมเป็นกองกลางตัวรุก ขณะที่พวกเราทำงานในช่วงอายุต่างๆนั้น บางทีเมื่ออายุ 33-34 ปี ผมอาจต้องถอยลงไปต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ผมก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในฤดูกาลนี้ ผมสามารถเล่นในเกมที่ต้องใช้พลังงานได้ ผมเตรียมพร้อมเปลี่ยนแปลง และจะทำทุกอย่างที่ผู้จัดการทีมต้องการ แต่ผมยังสามารถเล่นในแบบเดิมได้"
 
"ผู้ คนอยากให้ผมบอกว่า ผมไม่สามารถเล่นในแนวทางเดิมได้อีกต่อไป และผมต้องถอยลงไปเพื่อคอนโทรลเกม และเล่นช้าลง แต่เชื่อผมสิ มันไม่เกิดขึ้นในตอนนี้แน่ๆ ผมจะเล่นในบทบาทของพอล สโคลส์ เมื่อผมรู้สึกว่ามันถึงเวลา แต่มันยังไม่ใช่เวลานี้ เขาแก่กว่าผม 5 ปีเลยนะ! ผมสามารถเล่นในบทบาทนั้นได้แบบไม่มีปัญหา ผมเคยเล่นในตำแหน่งนั้นตอนอายุ 21 ดังนั้น ผมสามารถทำมันได้ตอนอายุ 32, 33 หรือ 34 นั่นเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผม"
 
"ผมมีดาร์เรน บูร์เกสส์ และเกล็น ดริสคอลล์ อยู่ที่ลิเวอร์พูล ซึ่งคอยเก็บทุกรายละเอียดในการฝึกซ้อมทุกวัน พวกเขาวัดระดับการเต้นของหัวใจของผม และจำนวนการวิ่งที่ผมได้ทำไป พวกเขายังไม่ได้บอกเลยว่า "ฟังนะ ผมไม่คิดว่าคุณจะสามารถเล่นในแนวทางที่คุณทำมาตลอด 10 กว่าปีหลังได้แล้ว" วันหนึ่งข้างหน้า พวกเขาจะทำแบบนั้น แต่มันยังไม่ถึงเวลา"
 
ขณะ เดียวกัน เจอร์ราร์ด หันมากล่าวถึงช่วงเวลา 2 ปีหลังที่เขาต้องต่อสู้กับอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบและข้อเท้าอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่า "ตอนนี้โคนขาหนีบของผมดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นตอนอายุ 21-30 เสียอีก สภาพร่างกายในยูโรของผม ดีเหมือนกับนักเตะคนอื่นๆ"
 
"ใน อีกทางหนึ่งนั้น ผมรู้ว่า ผมจะวิ่งลืมตายขึ้นหน้าในทุกวินาที โดยไม่ต้องไปห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหลัง ผมจะไม่คิดถึงอีก 5 ปีข้างหน้า ผมอาจไม่อยากเล่นต่อไปอีก 5 ปี ผมไม่รู้หรอกนะ ผมจะเล่นเมื่อผมสนุกกับมัน และรู้สึกว่า ผมสามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ได้"