เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 ยอดสโมสรแห่งวงการ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวชื่นชมแฟนบอลส่วนใหญ่ของทั้ง 2 ทีม ที่ปฏิบัติตัวกันได้อย่างเหมาะสม ในเกมลีก ฉบับ "วันแดงเดือด" นัดที่ "ปีศาจแดง" บุกไปเชือด "หงส์แดง" 2-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา

        เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นเกมที่มีความสำคัญมาก เพราะนอกจากจะเป็นการพบกันระหว่าง 2 ทีมที่เป็นคู่ปรับกันมาแต่ชาติปางก่อนแล้ว นี่ยังเป็นเกมแรกที่ "หงส์แดง" ได้เล่นในบ้านของพวกเขา นับตั้งแต่ที่มีการเปิดเผยถึงความจริงของโศกนาฏกรรมฮิลส์โบโร่ ที่มีบรรดา "เดอะ ค็อป" ต้องสังเวยไปถึง 96 ชีวิต เมื่อวันที่ 15 เมษายน 1989 ด้วย

        จากกรณีที่เกิดขึ้น ทำให้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามเรียกร้องบรรดากองเชียร์ของทั้ง 2 ทีม ว่าอย่าล้อเลียนอีกฝ่ายกันเกินเหตุ หลัง "เร้ด อาร์มี่" เคยร้องเพลงทำนองเยาะเย้ยเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว ส่วน "เดอะ ค็อป" ก็เคยล้อเลียนโศกนาฏกรรมมิวนิค ที่มีนักเตะ, ทีมงานสตาฟฟ์โค้ช, และแฟนบอลของ "ปีศาจแดง" ต้องเสียชีวิตไปจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเช่นกัน

        สำหรับช่วงก่อนที่เกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาจะเริ่ม ขึ้นนั้น มีพิธีที่น่าจับใจหลายอย่าง อาทิเช่น การที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ ไรอัน กิ๊กส์ 2 กัปตันทีมของแต่ละฝ่าย มาปล่อยลูกโป่งจำนวน 96 ลูกด้วยกัน รวมถึงการที่ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด มีการมอบช่อดอกไม้ให้กับ เอียน รัช ตำนานกองหน้าของ ลิเวอร์พูล ด้วย

        ทั้งนี้ถึงแม้หลังจบเกมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะยังมีแฟนบอลส่วนน้อยของทั้ง 2 ทีม ที่ทำตัวเป็นแกะดำ ด้วยการล้อเลียนอีกฝ่ายผ่านทาง 2 เหตุการณ์ดังกล่าว อย่างเช่นกรณีที่มีแฟนบอล ลิเวอร์พูล วิ่งไปทำท่าเครื่องบินใส่กองเชียร์ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือการที่มีสาวก "ปีศาจแดง" ร้องเพลงล้อ "เดอะ ค็อป" ด้วยคำว่า "ฆาตกร" และ "เป็นเหยื่ออยู่เสมอ" แต่กลุ่มกองเชียร์ส่วนใหญ่ก็เอาใจใส่กับคำเรียกร้องให้สงบศึกกัน และทำตัวอย่างเหมาะสม ซึ่ง ร็อดเจอร์ส ให้คำมั่นสัญญาว่า จะมีการต่อสู้กับเหล่าผู้ที่ทำให้ทั้ง 2 ทีมต้องเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน

        กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ เผยว่า "ผมไม่สามารถให้ความเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นตอนจบเกมได้ เพราะผมไม่ได้ยิน หรือเห็นอะไรเลย มันมีความเป็นคู่อริที่รุนแรงระหว่างทั้ง 2 ทีมอยู่แล้ว และคุณไม่อยากให้สิ่งนั้นมันจบลงด้วย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นี่เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการฟุตบอล อังกฤษ แต่สิ่งนั้นควรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันในสนาม รวมถึงทุกอย่าง"

        "พวกเราทุกคนที่มีมารยาทที่ดีไม่อยากได้ยินเพลงอย่าง นั้นจากทั้งกองเชียร์ของ ลิเวอร์พูล หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด มันจะมีการเดินหน้าสู้กับเรื่องนี้ต่อไป ถ้าหากยังมีใครทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นอยู่ แต่สิ่งที่สโมสรแห่งนี้ทำมาในช่วง 2 สัปดาห์หลังสุดคือสิ่งที่ผมภูมิใจมากๆ และการรำลึกในวันนี้มันก็ยอดเยี่ยมสุดๆ ไปเลย"

        "ผมคิดว่า กองเชียร์ของทั้ง 2 ทีมทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ มันเป็นวันที่มีความหมายมาก และการแสดงความเคารพจากทั้ง 2 ทีม รวมถึงการที่ทุกคนจับมือกัน และเดินหน้าต่อไปคือสิ่งที่สำคัญมาก ผู้คนที่ให้ความสำคัญกับมารยาท และมนุษยธรรม จะรู้สึกภูมิใจกับวันนี้ เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเดินหน้าจากเรื่องร้ายๆ หลายเรื่องต่อไป" กุนซือวัย 39 ปี เปิดอก

        ด้าน "เซอร์เฟอร์กี้" ก็กล่าวชมแฟนบอลส่วนใหญ่ของทั้ง 2 ทีมด้วยเช่นกัน ที่แสดงพฤติกรรมได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดนี้ "ลิเวอร์พูล เอฟซี ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ แฟนบอลทั้ง 2 ทีมก็สุดยอดกันทั้งนั้น กองเชียร์ของเราให้ความเคารพกับพวกเขากลับไป ซึ่งผมไม่คิดว่า จะมีใครสามารถบ่นเกี่ยวกับเรื่องนั้นได้หรอกนะ มันเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกดี กับการที่กัปตันทีมของทั้ง 2 ทีมปล่อยลูกโป่งจำนวน 96 ลูก และการที่ เซอร์ บ็อบบี้ ให้ช่อดอกไม้กับ เอียน รัช ก็เป็นสิ่งที่น่าประทับใจด้วย"

        "มันคือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ทั้ง 2 สโมสรสามารถรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทำเรื่องที่สวยงามแบบนี้ได้ แล้วจากนั้นค่อยเข้าสู่เกมการแข่งขัน ในสภาพที่ทั้ง 2 ทีมพยายามจะคว้าชัยชนะให้ได้ นี่เป็นเกมที่ดุเดือด และเข้มข้น แฟนบอลของทั้ง 2 ทีมต่างก็สนับสนุนทีมรักของพวกเขาอย่างเหมาะสม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม นี่เป็นวันดีสำหรับฟุตบอลจริงๆ"

        "ทั้ง 2 สโมสรไม่สมควรได้รับอะไรอย่างอื่นมากไปกว่านี้แล้ว ตอนแรกเราต้องจัดการบางอย่างก่อนจะมาที่นี่ แต่ ลิเวอร์พูล ก็เกือบจะไม่เลวร้ายเท่ากับบางสโมสรเกี่ยวกับการทำท่าเครื่องบินอย่างนี้ พวกเราต้องทนกับเรื่องพรรค์นั้นมาหลายปี นี่เป็นส่วนที่น่ารังเกียจของสังคม แต่มันก็เป็นแค่กลุ่มเล็กๆ ที่มีอยู่ในทุกสโมสรเท่านั้น พวกเขาต่างก็มีคนที่สามารถทำลายชื่อเสียงของสโมสรเองได้อยู่แล้ว" กุนซือวัย 70 กะรัต ร่ายยาว