เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือมากบารมีของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศเตรียมจัดการกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังตัวเก๋า สำหรับการที่ตัวนักเตะฝ่าฝืนคำสั่งด้วยการไม่ใส่เสื้อรณรงค์ต้านการเหยียดผิวในเกมที่พบกับ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ค ซิตี้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยักษ์ใหญ่ศึกพรีเมียร์ลีก ออกมายืนยันว่าจะจัดการลงโทษ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เซนเตอร์แบ็กมากประสบการณ์ อย่างแน่นอน หลังจากตัวนักเตะปฏิเสธที่จะสวมเสื้อ "Kick Racism Out of Football" ตามแคมเปญรณรงค์ต้านการเหยียดผิว ก่อนลงสนามในเกมที่ "ปีศาจแดง" คว้าชัยเหนือ สโต๊ค ซิตี้ 4-2 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันเสาร์ที่ 20 ต.ค. ที่ผ่านมา
 
เฟอร์ดินานด์ เป็นหนึ่งในกลุ่มแข้งผิวสี ที่ไม่ยอมใส่เสื้อของ "Kick It Out" (คิก อิท เอาท์) กลุ่มรณรงค์ต่อต้านการเหยียดผิวของวงการฟุตบอล ที่มีแกนนำคือ เจสัน โรเบิร์ตส์ กองหน้าตัวเก๋าของ เรดดิ้ง ที่อ้างว่า เขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในโครงการดังกล่าวเนื่องจากเชื่อว่าพวกเขาไม่ได้ดำเนินการอย่างจริงจังในการจัดการปัญหาเรื่องการเหยียดผิวเลย
 
ก่อนหน้านี้ เฟอร์กูสัน ออกมากล่าววิจารณ์ โรเบิร์ตส์ รวมถึงยืนยันว่าแข้ง "ปีศาจแดง" ทุกคนจะสวมเสื้อดังกล่าว แต่ว่าเจ้าตัวคงต้องอึ้งเมื่อ เฟอร์ดินานด์ หักหน้าเขาด้วยการไม่ใส่เสื้อ "คิก อิท เอาท์" ในเกมที่ผ่านมา โดยเชื่อกันว่า ดาวเตะวัย 33 ปี น่าจะเลือกทำเช่นนั้นด้วยเหตุผลอีกประการคือเขาไม่พอใจกับการลงโทษแบน จอห์น เทอร์รี่ กองหลังกัปตันทีมเชลซี เพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น ทั้งที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดจากการใช้วาจาเหยียดผิวใส่ แอนทอน เฟอร์ดินานด์ น้องชายร่วมสายเลือด เมื่อปีก่อน
 
บรมกุนซือวัย 70 ปี กล่าวว่า "ผมผิดหวังเพราะผมพูดเมื่อวานนี้ (วันศุกร์ที่ผ่านมา)ว่านักเตะทุกคนจะสวมเสื้อนั้น เราทำเช่นนั้นเพื่อสนับสนุน พีเอฟเอ (สมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ) นักเตะทุกคนในประเทศนี้ควรจะปฏิบัติตาม เขาลงสนามไปและทำให้เราผิดหวัง เราจะจัดการกับเรื่องนี้แน่ ไม่ต้องห่วงเลย ผมผิดหวังมากเลย คุณสนับสนุน พีเอฟเอ รวมถึงคำขอร้องของพวกเขา และนักเตะของเราทุกคนก็ทำเช่นนั้น เขาทำให้เราผิดหวัง เราจึงจะต้องจัดการในเรื่องนี้"
 
ในขณะเดียวกัน เคนวิน โจนส์ กองหน้าร่างยักษ์ทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ของ สโต๊ค เป็นอีกหนึ่งแข้งที่ไม่ยอมสวมเสื้อดังกล่าวในเกมที่ผ่านมา โดย โทนี่ พูลิส กุนซือชาวเวลส์ ดูจะไม่เคร่งเครียดเท่าไรในเรื่องนี้ "ผมคิดว่านักเตะทุกคนได้รับโอกาสที่จะตัดสินใจ และมันเป็นสิ่งที่เรามีในประเทศนี้ ผมเห็นด้วยกับมันหรือไม่? นั่นเป็นความเห็นของผม"
 
"พูดกันอย่างนี้ดีกว่า ในประเทศนี้ ไม่ว่าใครจะพูดหรือไม่พูดอะไร พวกเขามีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ในหลายๆประเทศ คุณไม่มีสิทธิ์แบบนี้ คุณเลือกที่จะทำในสิ่งที่คุณต้องการรวมทั้งลุกขึ้นต่อสู้หรือว่าจะไม่ทำก็ได้ เมื่อเราเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ เซอร์เบีย (นักเตะทีมชาติอังกฤษชุดยู-21 โดนเหยียดผิว) และมันเป็นข่าวใหญ่ มันทำให้เราเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกสำหรับการเป็นศูนย์รวมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม" กุนซือวัย 54 ทิ้งท้าย