หลุยส์ ซัวเรซ ยิงประตูช่วย "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดรังไล่ตามตีเสมอ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1 แบ่งกันไปทีมละแต้ม เกมนี้ ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ ของทีมเยือนถูกใบแดงไล่ออกจากสนามนาทีที่ 84 ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 4 พ.ย. ที่ผ่านมา

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2555

ลิเวอร์พูล 1    -    1 นิวคาสเซิ่ล

สนาม : แอนฟิลด์    ผู้ชม : 44,803 คน


         "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด โดยเจ้าถิ่นยังไร้ โฆเซ่ เรน่า ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ที่ยังเจ็บเหมือนเดิม ส่วนตำแหน่งอื่นอยู่กันครบครัน นำโดย สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ ดาวรุ่งอย่าง ซูโซ่ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ทำเกมหนุนรัง หลุยส์ ซัวเรซ ส่วนทีมเยือน ส่ง ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา,เดมบา บา และ ปาปิสส์ ซิสเซ่ ป่วนแนวรับเหมือนเคย


<% response.ContentType="text/html; charset=tis-620"%><% response.ContentType="text/html; charset=tis-620"%>       เริ่มเกมมา ลิเวอร์พูล เปิดเกมกดดันใส่ นิวคาสเซิ่ล ทีมเยือนทันที แล้วมีโอกาสลุ้นเสียวในนาทีที่7 จากจังหวะเปิดบอลออกขวาให้ ซูโซ่ ของ หลุยส์ ซัวเรซ ก่อน ซูโซ่ จะฝ่าเข้าไปยิงมุมแคบ แต่บอลหลุดออกหลังไป

     3นาทีต่อมา ลิเวอร์พูล ได้เสียวอีกครั้ง เมื่อ เจ้าหนู ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดไกลด้วยขวานอกกรอบ บอลพุ่งแรงอย่างมีลุ้น แต่สุดท้ายก็ยังถากเสาออกหลังไปอีก

     นาทีที่15 เป็นฝ่าย นิวคาสเซิ่ล ได้จังหวะจบสกอร์บ้าง เมื่อ ดาวิเด้ ซานตอน เปิดให้ เดมบา บา กดยิงไกลด้วยขวา แต่บอลโด่งออกหลังไปเยอะ

     5นาทีต่อมา หงส์แดง ได้เสียวอีก เมื่อได้ฟรีคิกตรงฝั่งขวาของกรอบเขตโทษ ยิงโดย หลุยส์ ซัวเรซ บอลข้ามกำแพงโค้งลงแล้ว แต่ไม่มากพอ ไปหล่นใส่เพดานตาข่ายหลังประตูแทน

     นาทีที่21 หลุยส์ ซัวเรซ  มีโอกาสกระชากไปซัดด้วยเท้าขวาในกรอบเขตโทษอีกครั้ง แต่คราวนี้บอลตรงตัว ทิม ครุล ใช้เท้าเซฟไว้ได้

      นาทีที่26 ทีมเยือน ต้องทำการเปลี่ยนตัวคนแรกก่อน เมื่อ เจมส์ เพิร์ช มีอาการเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง แดนนี่ ซิมพ์สัน ลงมาแทน

     เข้าสู่นาทีที่40 ยังเป็นฝ่ายเจ้าถิ่น ลิเวอร์พูล มีโอกาสบุกมากกว่า พร้อมกับมีโอกาสได้ลุ้น เมื่อ ซูโซ่ ลากเดี่ยวจากข้างสนาม ก่อนกดยิงด้วยซ้าย แต่บอลติดแนวรับ นิวคาสเซิ่ล ออกหลังไป

      แต่แล้วนาทีที่43 เป็นฝ่ายทีมเยือน ได้เฮก่อน เมื่อ ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา พาบอลแหวกแรวรับลิเวอร์พูล เข้าทางฝั่งขวาของกรอบเขตโทษ ก่อนเปิดบ้ามไปที่เสาสอง ให้ โยอัน กาบาย เอาบอลลงหนึ่งจังหวะ ก่อน วอลเลย์ยิงด้วยขวา บอลพุ่งแสกหน้า แบร๊ด โจนส์ ตุงตาข่าย ให้ นิวคาสเซิ่ล บุกนำ 1-0

     ช่วงเวลที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มกันไม่ได้ หมดครึ่งแรก นิวคาสเซิ่ล บุกนำ ลิเวอร์พูล ก่อน 1-0

      กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล ยังเดินเกมบุกเข้าใส่เพื่อหวังทวงประตูคืน

       นาทีที่ 50 นิวคาสเซิ่ล เปลี่ยนตัวคนที่สองโดยถอดเอา เดมบา บา ที่สภาพร่างกายยังไม่เต็มร้อยออกและส่ง แซมมี่ อเมโอบี้ ลงมาแทน

      นาทีที่ 58 ลิเวอร์พูลเกือบได้ประตูตีเสมอ จาจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ พลิกบอลหลบแนวรับก่อนซัดด้วยขวาบนเส้นเขตโทษ แต่ ทิม ครุล ยังพุ่งปัดออกหลังไปได้ 

      ถัดมานาทีเดียว หลุยส์ ซัวเรซ ก็จิ้มบอลให้ นูริ ซาฮิน หลุดเข้าไปยิงในเขตโทษบอลถากเสาออกไปนิดเดียว

       นาทีที่ 66 เจ้าบ้านเปลี่ยนตัวเป็นคนแรกโดยส่ง จอนโจ เชลวี่ย์ ลงสนามไปแทน ซูโซ่

       นาทีที่ 67 โฆเซ่ เอ็นริเก้ วางบอลให้ หลุยส์ ซัวเรซ พักบอลด้วยอกก่อนแตะหลบ ทิม ครุล ก่อนจิ้มเข้าไปง่ายๆ หงส์แดงตามตีเสมอเป็น 1-1
     
       นาทีที่ 68 หลังเสียประตู นิวคาสเซิ่ล เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายโดยส่ง เชน เฟอร์กูสัน ลงมาแทน โยอัน กาบาย

      นาทีที่ 70 ลิเวอร์พูล พลาดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย หลุยส์ ซัวเรซ เลี้ยงผ่าน ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ ก่อนผ่านเข้ากลาง จอนโจ เชลวี่ย์ ยิงไม่ดีบอลเบาเกินไป
 
       นาทีที่ 74 หงส์แดง เปลี่ยนตัวผู้เล่นอีกครั้ง โดยให้ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ลงสนามมาแทน นูริ ซาฮิน

      นาทีที่ 76 ลิเวอร์พูล โต้กลับเร็วและเกือบได้ประตูจากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ พาบอลขึ้นมาก่อนจ่ายให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ทางซ้าย แต่ปีกความเร็วสูงดันยิงไปติดแนวรับออกหลังไป

      นาทีที่ 79 นิวคาสเซิ่ล ได้โต้กลับบ้าง ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา เลี้ยงตัดจากริมเส้นฝั่งขวาก่อนหักเข้ามายิงในเขตโทษ แต่ แบร๊ด โจนส์ ยังล้มตัวเซฟไว้ได้

      นาทีที่ 82 สาลิกาดง มาได้ลุ้นอีกครั้ง แซมมี่ อเมโอบี้ ได้ยิงจากนอกกรอบระยะ 20 หลา แต่ แบร๊ด โจนส์ พุ่งปัดไว้ได้

       นาทีที่ 84 ทีมเยือนก็ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนหลัง ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ ไปเจตนาย่ำใส่ หลุยส์ ซัวเรซทางด้านหลัง ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ วิ่งมาควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที

      นาทีที่ 89 สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง เปิดบอลจากฝั่งซ้ายเข้าไปหน้าเขตโทษ จอนโจ เชลวี่ย์ ขึ้นโหม่งคนเดียวโล่งๆแต่ไปตรงตัว ทิม ครุล

       ช่วงทดเจ็บนาทีที่ที่ 3 ดาวิเด้ ซานตอน ก็รับใบเหลืองหลังไปดึง ราฮีม สเตอร์ลิง ในจังหวะหลุดเดี่ยว

      ทดเจ็บนาทีสุดท้าย ลิเวอร์พูล พลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย หลุยส์ ซัวเรซ เปิดลูกฟรีคิกไปโดนแนวรับนิวคาสเซิ่ล บอลเปลี่ยนทาง จอนโจ เชลวี่ย์ พยามโหม่งแต่ไม่โดน ทำให้ ทิม ครุล เสียจังหวะไปแล้วแต่บอลไปโดนคานออกหลังไป

      จบเกม ลิเวอร์พูล เสมอกับ นิวคาสเซิ่ล 1-1 เก็บเพิ่มได้ทีมละหนึ่งแต้ม




รายชื่อผู้เล่นพร้อมคะแนนจากสกายสปอร์ตส์   

     ลิเวอร์พูล : แบร๊ด โจนส์ 6, อันเดร วิสดอม 6, มาร์ติน สเคอร์เทล 8, ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ 7, โฆเซ่ เอ็นริเก้ 6, สตีเว่น เจอร์ราร์ด 7, โจ อัลเลน 6, นูริ ซาฮิน 6 (สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง 6 น.74), ซูโซ่ 6 (จอนโจ เชลวี่ย์ 5 น.66), ราฮีม สเตอร์ลิง 7, หลุยส์ ซัวเรซ 8

     สำรองไม่ได้ใช้ : ปีเตอร์ กูลาชซี่, เซบาสเตียน โคอาเตส, เจมี่ คาร์ราเกอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อุสซาม่า อัสไซดี้

     นิวคาสเซิ่ล : ทิม ครุล 7, เฟอร์นอน อานิต้า 6, สตีเว่น เทย์เลอร์ 8, ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ 7, ดาวิเด้ ซานตอน 6, เจมส์ เพิร์ช 6 (แดนนี่ ซิมพ์สัน 6 น.25), โยอัน กาบาย 8 (เชน เฟอร์กูสัน 5 น.68), โฮนาส กูเตียร์เรซ 7, ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา 7, เดมบา บา 6 (แซมมี่ อเมโอบี้ 7 น.49), ปาปิสส์ ซิสเซ่ 6

     สำรองไม่ได้ใช้ : สตีฟ ฮาร์เปอร์, ไมค์ วิลเลียมสัน, กาเบรียล โอแบร์กต็อง, โชล่า อเมโอบี้

     ใบเหลือง : ดาวิเด้ ซานตอน

     ใบแดง : ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่

     ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์

     แมนออฟเดอะแมตช์ : หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล) แม้จะทำบอลเสียไปหลายครั้ง แต่ดาวยิงอุรุกวัยคือนักเตะที่อันตรายที่สุดในเกมนี้อย่างแท้จริง ทุกครั้งที่พาบอลเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ทำเอากองหลังทีมเยือนต้องปั่นป่วน และประตูตีเสมอที่ยิงได้ ก็เข้าขั้นประตูสุดสวยเลยทีเดียว

 

 

   สถิติหลังเกม
      ลิเวอร์พูล                                               นิวคาสเซิ่ล
      66                  ครองบอล (%)                 34
      14                   จังหวะยิงรวม                  11
       6                     ยิงตรงกรอบ                    3
      14                          เตะมุม                          3
      11                       เสียฟาวล์                      14
       0                         ใบเหลือง                        1
       0                           ใบแดง                          1

พาร์ดิวไม่ติดใจเปาไล่โกลอชชินี่

        

        อลัน พาร์ดิวผู้จัดการทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดไม่คิดตำหนิติติงผู้ตัดสินแอนโธนีย์  เทย์เลอร์ที่ไล่ฟาบริซิโอ โกลอชชินี่ออกในช่วงท้ายเกมนัดบุกไปแบ่งแต้มกับลิเวอร์พูลด้วยผลเสมอ 1-1 แม้จะไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่เนื่องจากมองว่ากัปตันทีมไม่ได้ย่ำใส่หลุยส์ ซัวเรซอย่างรุนแรง

        "ผมคิดว่าผู้ตัดสินน่าจะถูกดลใจ ผมจึงอยากถามเขาก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้เห็นภาพช้า" นายใหญ่สาลิการะบุถึงช่วงที่เข้าไปต่อว่าผู้ตัดสินหลังชูใบแดงให้กองหลังอา ร์เจนไตน์

        "เขาบอกว่าเขาคิดว่ามันเป็นการทำฟาวล์ที่รุนแรง สภาพจิตใจของผู้ตัดสินน่าจะตกลงไปหลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์พวกเขาอย่างต่อ เนื่อง เรายอมรับการตัดสิน และผมคิดว่าเขามีวันที่ดี"

        "ผมไม่คิดว่ามีความตั้งใจเล่นรุนแรง แต่เรายอมรับมัน"

        

เจ็บใจถูกซัวเรซซัดแบ่งแต้มให้หงส์

        

        ขณะเดียวกัน พาร์ดิวได้แสดงอาการเสียดายที่ชัยชนะของนิวคาสเซิ่ลในรั้วแอนฟิลด์มีอันต้อง หลุดลอยไปเนื่องจากซัวเรซสอยตาข่ายตีเสมอให้เจ้าบ้านได้

        "ผมรู้สึกว่าเราเสียสมาธิตอนที่นำอยู่ 1-0 เรามองดูมีความมั่นคง และผมเชื่อว่าเราอาจได้ประตูที่สอง"

        "ซัวเรซเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม และสร้างปัญหาให้เราตลอดเวลา หากเราจับเขาอยู่หมัด เราก็น่าจะชนะ"

        

ร็อดเจอร์สไม่โทษเด็กแม้ได้แค่เจ๊าสาลิกา

        

        เบรนแดน ร็อดเจอร์สผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลกัดฟันยืนยัน ไม่คิดกล่าวโทษนักเตะที่ไม่อาจคว่ำนิวคาสเซิ่ลได้ทั้งๆที่ทีมอีสานเหลือกัน แค่สิบชีวิตในช่วงท้าย

        "ผมคิดว่าเราโดดเด่นทั้งในแง่ของการครองบอลและความต่อเนื่อง"

        "เราหลับไหลในช่วงท้ายครึ่งแรกจนเสียประตู แต่นอกนั้นผมคิดว่าเรายอดเยี่ยม เพียงแต่ว่าเราไม่ควรทิ้งโอกาสไป"

        "ช่วงพักครึ่งผมบอกให้พวกเขานิ่งเข้าไว้ บางครั้งคุณอาจครองเกมได้เหมือนเราและเสียประตูก่อนจบครึ่งแรกได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเล่นอย่างต่อเนื่อง"

        

ยอหอกฟันจอบเข้าขั้นระดับโลก

        

        นอกจากนี้ ร็อดเจอร์สยังออกปากยกย่องซัวเรซที่ช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการขายหน้าอีกเกม ด้วยการยิงตีเสมอทีมอีสานว่ามีฝีเท้าเข้าขั้นระดับโลกโดยแท้

        "ประตูของเขาวิเศษมาก ซัวเรซยอดเยี่ยมจริงๆ มันเป็นการสัมผัสบอลที่เหนือชั้น และมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงทักษะที่เหลือเชื่อ"

        "ผมคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่ในเกมลูกหนังรู้ดีว่าเขามีความอันตรายอย่างแท้จริงในกรอบเขตโทษ เขาเข้าขั้นนักเตะระดับโลก"