ฮาเวียร์ "ชิชาริโต้" เอร์นานเดซ ดาวยิงเลือดจังโก้ของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถ่อมตัวสุดๆ ด้วยการปฏิเสธบทบาทซูเปอร์ซับหลังจากยิงเบิ้ลในฐานะตัวสำรองพาทีมแซงเอาชนะ "สิงห์ผงาด" แอสตัน วิลล่า 3-2 โดยเจ้าตัวยืนยันว่าต้องการลงสนามไปทำผลงานให้ดีที่สุดตามคำสั่งของผู้จัดการทีม โดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นคนยิงประตูเองหรือไม่
 
ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ กองหน้าทีมชาติเม็กซิโกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีก ออกมาเปิดเผยว่า ตนไม่เคยคิดเลยว่าจะกลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาวของทัพ "ปีศาจแดง" หลังจากลงสนามเป็นตัวสำรอง ก่อนจะยิง 2 ประตูพาทีมแซงคว้าชัยเหนือ แอสตัน วิลล่า 3-2 ที่ วิลล่า พาร์ค เมื่อวันเสาร์ที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา
 
วิลล่า ได้เฮก่อนจาก อันเดรียส ไวมันน์ ที่ยิงคนเดียว 2 ประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 แต่ว่าก็ต้องเป็นฝ่ายผิดหวังเมื่อ เอร์นานเดซ ที่ลงสนามมาเป็นตัวสำรองในช่วงต้นครึ่งหลัง สังหาร 2 ประตูเช่นกันนำพลพรรค "ปีศาจแดง" กลับมาคว้า 3 คะแนนสำคัญได้สำเร็จ โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่คิดเลยว่าจะมีส่วนสำคัญในการพลิกสถานการณ์ให้ต้นสังกัดเป็นผู้ชนะได้ในท้ายที่สุด
 
"ชิชาริโต้" กล่าวหลังจบเกมว่า "บอกตามตรงเลย ผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะเปลี่ยนเกมหรือทำอะไรแบบนั้นได้เลย สิ่งเดียวในหัวผมคือการทำผลงานให้ดีที่สุด, การทำตามสิ่งที่ผู้จัดการทีมสั่งมาและช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมด้วยความพยายามในการกลับมาเอาชนะให้ได้เพราะว่าเราถูกขึ้นนำ 2-0 และผมขอบคุณพระเจ้าที่เราเป็นผู้ชนะในที่สุด"
 
พร้อมกันนี้ เอร์นานเดซ หวังว่าจะได้รับเครดิตให้เป็นผู้ทำแฮตทริกในเกมที่ผ่านมา หลังจากประตูที่ 2 ของเจ้าตัวนั้นเป็นจังหวะที่แฉลบ รอน ฟลาร์ เซนเตอร์แบ็กกัปตันทีมวิลล่า จนเปลี่ยนทางเข้าประตูไป "แน่นอน (ว่าผมจะคิดว่ามันเป็นแฮตทริค) ผมคิดว่าผมยิงเข้ากรอบนะแล้วกองหลังคนนั้นก็มาโดนบอล แต่ผมไม่รู้ว่าผู้ตัดสินจะตัดสินใจอย่างไร"
 
 ดาวยิงวัย 24 ปี ยอมรับอีกว่า มีความสุขกับการยิงประตูชัยพาทีมคว้า 3 คะแนนกลับบ้านได้สำเร็จ "แน่นอน มันพิเศษจริงๆ มันเป็นการเปิดบอลที่มหัศจรรย์ของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และต้องขอบคุณพระเจ้าที่ผมสามารถสลัดกองหลังที่ตามประกบและเข้าไปโหม่งบอลได้ และขอบคุณพระเจ้าที่มันเข้าประตู"
 
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ 3 แต้ม ไม่สำคัญว่าใครจะยิงประตู หรือใครจะเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำเป็นจ่าฝูงต่อไป และเราพลิกสถานการณ์กลับมาได้จากที่ถูกนำ 2-0 และมันเป็นผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม"