บิ๊กแมตช์นัดนี้มีให้ชมตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งถือเป็นศึกอันยิ่งใหญ่ที่ทั้งสองทีมต่างแบกรับศักดิ์ศรีของชาติไว้บนบ่า เสือเหลืองมั่นใจว่าจะชนะได้ ส่วนอิเหนาก็ได้แข้งหลักกลับมาหลายคน

นัดนี้เสือเหลืองอาจจะขาด คอยริล มุฮัยมีน ที่ยังไม่แน่ว่าจะหายจากอาการบาดเจ็บได้ทันเวลา แต่ดูเหมือนว่านั่นจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับ ดาโต๊ะ ราชโกปาล กุนซือใหญ่ของทีมชาติมาเลเซีย และเขายังมองไปที่ชัยชนะเหนือคู่แข่งตัวฉกาจ

"ผมมองโลกในแง่ดี ผมคิดแค่ชนะเท่านั้น พอจบวันนี้ ผลงานของเราจะกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนต่างพากันพูดถึง"

เช่นเดียวกับลูกทีมของเขาอย่าง วัน ซอค ไฮกอล ที่มองว่า ศึกในบ้านตัวเองนัดนี้ พวกเขาต้องชนะอินโดนีเซียเท่านั้น

"เราชนะลาวมาด้วยสกอร์ท่วมท้น แต่เราจะชะล่าใจไม่ได้ เราต้องชนะอินโดนีเซียเท่านั้น ไม่มีทางอื่นแล้ว"

มาเลเซียแข่งไปแล้ว 2 นัด ทำผลงานชนะ 1 นัด (ลาว 1-4) และแพ้ 1 นัด (สิงค์โปร์ 3-0) ซึ่งจากการลงเล่น 5 นัดหลังสุด พวกเขาเก็บชัยได้เพียงนัดเดียว โดยทำประตูได้ 6 ลูก และเสียประตูไป 9 ลูกด้วยกัน

ฝั่งอินโดนีเซีย จะขาด วะห์ยู วิจิยัสตันโต้ ที่ติดโทษแบนอยู่ แต่ก็จะได้นักเตะหลายคนที่หายหน้าไปจากเกมนัดที่ 2 จากการติดโทษแบน และนักเตะที่มีอาการบาดเจ็บกลับมาลงสนามได้ ทั้ง เอ็นดรา ปราเซตยา,  ฮัมดี้ รอมฎอน และ โทนนี่ คูเซล ซึ่งการที่นักเตะเหล่านี้กลับมาช่วยทีมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฮัมดี้ จะช่วยให้เกมรับของพวกเขาดีมากขึ้น

ดูเหมือนว่า นิล ไมซาร์ กุนซือทีมชาติอินโดนีเซียจะใช้ตัวผู้เล่นเหมือนนัดที่ชนะสิงค์โปร์มา 1-0 ซึ่งจากเกมดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า อินโดนีเซียใช้ความสด และความอึดของนักเตะในครึ่งแรก แล้วไปเปลี่ยนตัวเอาในครึ่งหลัง ทำให้พวกเขาสามารถเล่นเกมเร็วได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องประสานงานกันให้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาปีกทั้งสองฝั่งมากเกินไปนัก

   รู้หรือไม่?

    มาเลเซีย ชนะอินโดนีเซียมาด้วยสกอร์รวมสองนัด 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศ ซูซูกิ คัพ ปี 2010

    โดย ซาฟิอี ซาลิ เป็นคนยิง 3 จาก 4 ประตู ในปีนั้น

    และจากฟอร์มของเขาในนัดนั้น ทำให้ ศรีวิจายา ทีมดังจากอินโดนีเซีย เซ็นเขาเข้าไปร่วมทีม

    บัมบัง ปามุงกัส และ  เอลลี่ ไอบอย สองนักเตะที่มีส่วนให้ เซลังกอร์ ต้นสังกัดของพวกเขาประสบความสำเร็จ

    นี่เป็นครั้งที่สองที่ มาเลเซียได้พบกับอินโดนีเซียใน เอเอฟเอฟ คัพ ในรอบแบ่งกลุ่ม ตั้งแต่มีรายการนี้เมื่อปี 1996

    ยอดผู้ชมรวมจากสองนัดในรอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2010 อยู่ที่ 170,2000 คน ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของรายการนี้