หลังจากที่ขุนพลช้างศึกต้องพ่ายแพ้กลับมาจากจาลัน เบซาร์ อย่างชอกช้ำ 3-1 นี่คือ 5 จุดที่พวกเขาต้องเอาคืนให้สำเร็จ หากหวังจะคว้าแชมป์ซูซุกิ คัพ ในบ้านตัวเอง

หลังจากที่พ่ายแพ้มาแบบเหลือเชื่อและสุดชอกช้ำ 3-1 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่จาลัน เบซาร์ สเตเดียม สนามเหย้าของสิงคโปร์ในทัวร์นาเมนต์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ขุนพลช้างศึกต้องกลับมาเลียแผลและลบจุดอ่อนของตัวเองในเกมนั้น พร้อมมุ่งมั่นที่จะล้างแค้นต่อพลพรรคเมอร์ไลออนให้ได้ เพื่อการคว้าแชมป์ในบ้านของตัวเอง ต่อหน้าแฟนบอลนับหมื่นที่สนามศุภชลาศัย

และต่อไปนี้คือ 5 คู่รัก-คู่แค้น จากนัดแรก ที่โกล.คอม ประเทศไทย ขอรวบรวมมาให้ผู้อ่านได้เฝ้าจับตา ว่าวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ทัพไทยจะปราบผยองของสิงโตทะเลได้หรือไม่

1. ดัสกร ทองเหลา - มุสตาฟิค ฟาห์รุดดิน
ดัสกร ทองเหลา  
ตำแหน่ง : กองกลาง
ลงเล่น : 4 นัด
ยิง : 0 ประตู 
จอมทัพทีมชาติไทยคือคนที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างยิ่งว่าคือกุญแจสำคัญในการชี้เป็นชี้ตายศึกนี้ เห็นได้ชัดว่านัดแรกเขาโดนประกบหนักและตัดเกมแรงๆ อยู่ตลอดเวลา หากไทยหวังจะเจาะแผงรับอันแข็งแกร่งของสิงคโปร์ คิลเลอร์พาส จุดขายของเขาจะต้องทำงานให้ได้ในนัดสุดท้ายนี้ ไม่อย่างนั้นไทยลำบากแน่นอน

มุสตาฟิค ฟาห์รุดดิน 
ตำแหน่ง : กองกลาง
ลงเล่น : 6 นัด
ยิง : 1 ประตู
ห้องเครื่องตัวตัดเกมของทัพเมอร์ไลออน คือ หนึ่งในสองตัวรับที่คอยทำหน้าที่ป่วนดัสกรตลอดทั้ง 90 นาทีที่จาลัน เบซาร์ จนมิดฟิลด์กิเลนผยองทำเกมไม่ถนัด และที่แสบไปกว่านั้น เขายังเป็นคนยิงจุดโทษให้ทัพสิงโตทะเลออกนำขุนพลช้างศึก 1-0 อีกด้วย นัดนี้เชื่อได้ว่าสิงคโปร์คงจะมาไม้เดิม จึงเป็นภาระของดัสกรที่จะต้องเอาชนะแท็กติกดังกล่าวให้สำเร็จด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

2. ปิยพล บรรเทา - อเล็กซานเดอร์ ดูริช
ปิยพล บรรเทา  
ตำแหน่ง : แบ็คขวา
ลงเล่น : 6 นัด
ยิง : 0 ประตู  
แบ็คขวาไดนาโม อาจไม่ใช่คนที่ต้องคอยประกบสิงโตเฒ่าอย่างอเล็กซานเดอร์ ดูริช โดยตรง หากเทียบกันแบบตำแหน่งต่อตำแหน่ง แต่ทั้งสองคนมีกรณีกันมาตั้งแต่เกมแรก เมื่อเจ้าไดร์เสียท่าดึงกองหน้าวัย 42 ปีของทางสิงคโปร์ล้มจนเสียจุดโทษในเกมแรก และคงไม่มีทางไหนที่เจ้าไดร์จะเอาคืนได้ดีไปกว่า การเปิดบอลสวยๆ ให้ธีรศิลป์ แดงดา โขกเข้าไปตุงตาข่าย เหมือนในเกมที่ไทยออกไปเยือนมาเลเซียที่ บูกิต จาลิล

อเล็กซานเดอร์ ดูริช 
ตำแหน่ง : กองหน้า
ลงเล่น : 6 นัด
ยิง : 1 ประตู
กองหน้ามากประสบการณ์ผู้เป็นเจ้าของสถิติอายุมากที่สุดที่ทำประตูได้ในประวัติศาสตร์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ อาจไม่ได้มีความเร็วเหมือนแนวรุกคนอื่นๆ แต่เขาก็ยังมีดีที่ลูกกลางอากาศเหมือนที่เคยเป็น มิหนำซ้ำ ด้วยประสบการณ์อันโชกโชน ทำให้เขามีลูกเล่นแสบๆ บริเวณกรอบเขตโทษให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง หนึ่งในนั้นคือการเอาจุดโทษจากปิยพลในเกมแรก และทีมชาติไทยคงต้องระวังให้ดี หากไม่อยากให้นัดสุดท้ายบนผืนหญ้าของสิงห์เฒ่ารายนี้จบลงด้วยการคว้าแชมป์ไปครอง

3. จักรพันธ์ พรใส - ไชฟุล อีซาห์
จักรพันธ์ พรใส  
ตำแหน่ง : ปีกขวา
ลงเล่น : 5 นัด
ยิง : 1 ประตู  
ปีกร่างเล็กจากหนองคายแจ้งเกิดได้เต็มตัวในซูซูกิ คัพ เวอร์ชัน 2012 และได้รับการจับตามองในฐานะอาวุธลับของทีมชาติไทยในเกมพบสิงคโปร์ ซึ่งเจ้าตัวก็ทำได้ดีพอสมควรในเกมแรก เมื่อป่วนแนวรับสิงคโปร์ได้ไม่หยุดหย่อน แต่หากไทยหวังจะเอาชนะสิงคโปร์ต่อหน้าแฟนบอลในสนามศุภชลาศัยให้ได้ 2-0 เขาคงต้องสร้างความแตกต่างให้ได้มากกว่านี้  

ไชฟุล อีซาห์
ตำแหน่ง : แบ็คซ้าย
ลงเล่น : 5 นัด
ยิง : 0 ประตู
อีซาห์ คือ แกนหลักในเกมรับของเมอร์ไลออนตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์นี้ เขาเข้าบอลได้หนักหน่วง เปิดบอลได้แม่นยำ และเติมเกมรุกได้ดี แต่ดูจากฟอร์มในนัดแรกที่จักรพันธ์ ป่วนแนวรับสิงคโปร์ได้แทบจะตลอด 90 นาทีแล้ว เชื่อได้ว่าเกมนี้อีซาห์คงต้องเจองานหนักเหมือนเดิมแน่นอน

4. ชลทิตย์ จันทคาม - คอยรุล อัมรี

ชลทิตย์ จันทคาม  
ตำแหน่ง : เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
ลงเล่น : 5 นัด
ยิง : 0 ประตู  
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟฉลามชลคือตัวหลักในแนวรับที่ประสานงานกับภานุพงศ์ วงศ์ษา ได้อย่างเหนียวแน่นรู้ใจมาตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ และเพิ่งมาเสียเกิน 1 ประตูเมื่อเกมที่แล้วเป็นเกมแรก หลังจากที่เขามีจังหวะกระทบกระทั่งกับกองหน้าตัวแสบของสิงคโปร์บ่อยครั้งที่จาลัน เบซาร์ เชื่อได้เลยว่าที่สนามศุภชลาศัย ชลทิตย์ไม่ปล่อยให้อัมรีหายใจหายคอได้สะดวกแน่นอน

คอยรุล อัมรี
ตำแหน่ง : กองหน้า
ลงเล่น : 6 นัด
ยิง : 3 ประตู
คอยรุล อัมรี ยังคงเป็นชื่อตัวแสบที่แฟนบอลชาวไทยจะต้องจดจำไปอีกนาน หลังจากที่เขาเป็นคนยิงประตูแย่งแชมป์จากทีมชาติไทยในปี 2007 มาคราวนี้ เขาก็เป็นคนยิงประตูขึ้นนำ 2-1 ได้แบบทันควันบนสนามจาลัน เบซาร์ ทั้งที่ไทยเพิ่งไล่ตามตีเสมอได้จากอดุล หละโสะ แบบหมาดๆ หากทัพช้างศึกของวินนี่ไม่อยากน้ำตาตกในนัดสุดท้าย นี่เป็นชื่อที่ลืมไม่ได้ทีเดียวที่จะต้องประกบตาย

5. ธีรศิลป์ แดงดา - ไบฮัคกี คอยซาน

ธีรศิลป์ แดงดา  
ตำแหน่ง : กองหน้า
ลงเล่น : 5 นัด
ยิง : 5 ประตู  
เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 คือทัวร์นาเมนต์ที่เจ้ามุ้ยโชว์ฟอร์มให้เห็นว่า ใครคือกองหน้าหมายเลขหนึ่งของอาเซียนตัวจริงในเวลานี้ สิ่งที่เขามีไม่เหมือนใครคือวิญญาณเพชรฆาตที่ไม่เคยคิดจะพลาดเมื่ออีกฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเปิดโอกาสให้ หนึ่งประตูจากลูกโหม่งและอีกหนึ่งประตูจากการยิงดับมาเลเซีย รวมถึงการเปิดให้อดุล หละโสะแบบเลือดเย็นเป็นประตูโทนของทีมชาติไทยที่จาลัน เบซาร์ คือตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนในความเฉียบคมของเขา     

ไบฮัคกี คอยซาน
ตำแหน่ง : กองหลัง
ลงเล่น : 6 นัด
ยิง : 1 ประตู
เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมแกร่งของสิงคโปร์คือคนดับซ่าฟิล ยังฮัสแบนด์ และอังเคล กีราโด้ ของฟิลิปปินส์ในรอบรองชนะเลิศ รวมถึงสอดขึ้นไปโหม่งประตูที่สามในเกมชิงชนะเลิศนัดแรก ทำให้ทีมชาติไทยต้องพบกับภารกิจยากลำบากถึงขั้น "เข็นครกขึ้นภูเขา" ไบฮัคกี "ไบ" คอยซาน คือปราการเหล็กที่เจ้ามุ้ยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเจาะเข้าไปให้ได้ เพื่อความหวังในการคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ คัพ ครั้งที่ 4 ของทีมชาติไทย